Elg (ปิด)

ยอมรับว่าเราเองก็ไม่ค่อยคุ้นกับอาหารสไตล์สแกนดิเนเวียเท่าไหร่ และในกรุงเทพฯ เองก็มีร้านอาหารสไตล์นี้อยู่ไม่มากโดยเฉพาะในรูปแบบอาหารไฟน์ไดนิ่ง ดูแล้ว Elg ก็น่าจะเป็นหนึ่งในไม่กี่ร้านที่นำอาหารจากแถบสแกนดิเนเวียมาเสิร์ฟให้คนไทยได้ชิมแบบจริงๆ จังๆ

Elg นำโดย ‘เชฟเบนซ์-คะณานน คนดี’ ที่เคยย้ายไปอยู่ประเทศนอร์เวย์กับครอบครัวตั้งแต่อายุ 14 ปี ก่อนจะพบว่าตัวเองชอบทำอาหาร เลยตัดสินใจเข้าเรียนในสถาบันสอนทำอาหารอย่างจริงจัง และเข้าฝึกงานครัวในเมืองทรอนด์ไฮม์ (Trondheim) ประเทศนอร์เวย์ ตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น

เชฟเบนซ์ กลับมาเมืองไทยเพราะอยากมาทำความรู้จักกับอาหารไทยให้มากขึ้น แต่ไหนๆ ก็บินกลับมาทั้งที เชฟเลยเปิดร้านอาหารของตัวเองด้วยเลยโดยร้านจะตั้งอยู่ในย่านพระโขนง ติดถนนสุขุมวิท 71 เป็นร้านชั้นเดียวในห้องตึกแถวเล็กๆ ที่แบ่งโซนด้านหน้าเป็นครัวเปิด และด้านในมีเพียง 8-10 ที่นั่งต่อรอบเท่านั้น เราชอบบรรยากาศที่ค่อนข้างสงบ ดูสบายๆ แต่ก็ยังมีความพิเศษหากจะมาในโอกาสต่างๆ

Elg จะเสิร์ฟอาหารสไตล์นอร์เวย์ที่ยังไม่ค่อยมีใครทำในกรุงเทพฯ นำเสนอรสชาติและวัฒนธรรมอาหารของชาวนอร์เวย์ให้ทุกคนได้สัมผัส ผ่านคอร์สเมนูที่จะเปลี่ยนไปทุก 3 เดือนตามฤดูกาล

คอร์สเมนูที่ร้านเสิร์ฟตอนนี้จะเป็น “ฤดูใบไม้ผลิ (Vår)” มีทั้งหมด 9 คอร์ส ขอเล่าก่อนเลยว่าตอนชิมไปครึ่งคอร์ส เราแอบตกใจที่รสชาติค่อนข้างอ่อน จนกระทั่งได้รู้จากเชฟว่า นี่คืออาหารนอร์เวย์ที่เพิ่มรสชาติขึ้นให้ถูกปากคนไทยแล้ว เพราะแถบนอร์ดิกและสแกนดิเนเวียจะกินอาหารที่ จืด กว่านี้อีก (แถมเชฟยังบอกอีกว่ามีชาวนอร์เวย์มาชิมแล้วบอกว่ารสเค็มไปด้วย)

ร้านจะเสิร์ฟขนมปัง “Pinne brød” ให้ชิมก่อน เป็นขนมปังย่างแบบไร้ยีสต์ ซึ่งปกติชาวนอร์เวย์จะพกแป้งติดตัวแล้วนำมาทำเมนูนี้เวลาไปแคมป์ปิ้ง ร้านจะเสิร์ฟคู่กับเนยเค็มจากเมืองริมชายฝั่งที่เชฟเคยทำงาน ซึ่งเนยจะมีรสเค็มเหมือนซีฟู้ดนิดๆ 

เข้าสู่คอร์สแรก “Langoustine” เชฟแบ่งกุ้งนอร์เวย์เสิร์ฟเป็น 2 คำ คือ สลัดกุ้งพอชในน้ำแอปเปิล เสิร์ฟบนขนมปังบีทรูปใสเหมือนคริสตัล ก่อนท็อปด้วยใบลาเวนเดอร์ และอีกจานเป็นหางกุ้งที่นำไปพอชกับเนย จนได้เนื้อกุ้งที่นุ่ม หวาน หอม ตามด้วย “Beetroot and Barley Risotto” เป็นริซอตโต้ที่แปลกใหม่ดี เพราะเชฟใช้บาร์เล่ย์แทนข้าว เนื่องจากบาร์เล่ย์เป็นของส่งออกอันดับต้นๆ ของนอร์เวย์ไม่แพ้แซลมอน

"Plukkfisk" ที่จริงเป็นสลัดมันฝรั่งแบบเย็นที่ชาวนอร์เวย์ใช้เศษปลาเหลือๆ มาทำอาหาร แต่เชฟนำมารังสรรค์ใหม่ด้วยการใช้แก้มปลาคอดและปลาเทราต์ผสมกับมันฝรั่ง ก่อนปั้นเป็นก้อนกลมๆ แล้วนำไปทอด เสิร์ฟพร้อมมะเขือเทศ และหอมใหญ่คอนซอมเม่ 

“Fjord trout” เป็นจานที่เราชอบ เพราะมีองค์ประกอบและรสชาติน่าสนใจ เริ่มจากเชฟเลือกใช้ปลาเทราต์ที่มีเนื้อสัมผัสคล้ายแซลมอน นำไปซูวีดจนเนื้อนุ่มละลาย เสิร์ฟคู่ซอสไวท์ทารากอนผสมไข่ปลาเทราต์ เราชอบสัมผัสไข่ปลามาก เพราะมีความหนึบกว่าไข่แซลมอน จานนี้เสิร์ฟให้กินพร้อมมันฝรั่งดอง ไข่แดงกงฟี สลัดเฟนเนล

เมนคอร์สจะได้ชิม “Picanha” เชฟเลือกใช้เนื้อส่วนสะโพกที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยลอง เพราะขึ้นชื่อว่าเป็น secound cut ที่คนขายเนื้อจะเก็บไว้กินเอง โดยเอกลักษณ์จะอยู่ตรงเนื้อสเต็กมีความลีน และมีชั้นไขมันแยกชัดเจน เสิร์ฟคู่กับซอสเห็ดมอเรลรสชาติดี บีทรูทเพียวเร่ มันฝรั่งซูวีดสมุนไพร แครอทดอง และโอลีฟออยล์

"Trollkrem" เป็นจานคลีนเซอร์ เชฟเสิร์ฟขนมนอร์เวย์ให้เราชิม เป็นของหวานทำจากลิงกอนเบอร์รี่ ท็อปด้วยเมอแรง ผสมความเป็นเอเชียเข้าไปด้วยผงกระเจี๊ยบ หลังจากนั้นเป็นอีกไฮไลต์ “Floating pancake with Brown cheese” เป็นแพนแค้กสูตรของเชฟเบนซ์ที่มีเลเยอร์ มาพร้อมบราวน์ชีสครีม บราวน์ชีสสด และราสป์เบอร์รี่เจล ซึ่งบราวน์ชีสของเชฟมีความพิเศษคือส่งตรงมาจากนอร์เวย์เลย รับรองหาซื้อไม่ได้ในประเทศไทย

สุดท้าย “Rhubarb and Strawberry tart” ทาร์ตแบบแยกองค์ประกอบที่มีรสเปรี้ยวจากสตรอว์เบอร์รี่ และรูบาร์บ ซึ่งเป็นพืชจากแถบสแกนดิเนเวีย เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมมะกรูด อ่อ แล้วยังมี petit four ที่เชฟเสิร์ฟช็อกโกแลตฝรั่งเศสสอดไส้เจลผลไม้ให้ชิมปิดท้ายด้วย

อาหารที่ร้านนี้ช่วยเปิดโลกของเราให้กว้างขึ้นเหมือนกันนะ เพราะเราว่าคนไทยหลายคนติดอาหารรสจัด แต่ถ้าได้มาลองชิมอาหารที่เน้นรสชาติจริงๆ ของวัตถุดิบแบบนี้ เราว่ามันก็เป็นมื้อที่สนุกไปอีกแบบ ทุกคนลองมาชิมดูแล้วคิดเสียว่าเตรียมตัวก่อนไปเที่ยวนอร์เวย์ก็ได้กันนะ

Elg เปิดให้บริการทุกวัน (ยกเว้นวันพุธ) ตั้งแต่เวลา 18.00 - 21.00 น. คอร์สเมนูปัจจุบัน “Vår 9-course ราคา 2,955++ บาท” สอบถามหรือจองที่นั่งโทร 063-109-9909 หรือ Line @elgbkk