Kavee (กวี)

หลังจาก Table 38 ของเชฟแอนดี้ย้ายออกไปเปิดในที่ใหม่ พื้นที่ขนาดกำลังดีสำหรับเปิดร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งขนาด 10 กว่าที่นั่งตรงนี้ก็ถูกแทนที่ด้วย ‘Kavee (กวี)’ ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งกลิ่นอายไทยๆ ที่นำโดย เชฟเต้ - วรธน อุดมชโลทร ที่สะสมประสบการณ์ในหลายครัวร้านอาหารชื่อดังทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 7 ปี

เชฟเต้เรียนจบจากสถาบันสอนทำอาหารชื่อดัง CIA ที่สหรัฐอเมริกา เขากลับมาทำอาหารในประเทศไทยได้สักพักและคิดว่าอยากพัฒนาตัวเองต่อ จึงตัดสินใจบินกลับไปอเมริกาอีกครั้งเพื่อฝึกงานกับร้านอาหารชื่อดัง อาทิ Benu ร้านอาหารสไตล์โมเดิร์นอเมริกันกลิ่นอายเอเชียในรัฐซานฟรานซิสโก ซึ่งได้รับรางวัล 3 ดาวมิชลินและเป็นร้านที่เชฟเต้ฝึกงานด้วยนานที่สุด หรือ Red Medicine ร้านอาหารฝรั่งเศสในรัฐแคลอฟอร์เนียที่ผสมผสานรสชาติแบบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเขายอมรับว่าได้อิทธิพลเรื่องการผสมผสานมาจากร้านหลังนี้ไม่น้อย เช่น การใช้เทคนิคของหวานในจานของคาว หรือสไตล์การทำอาหารเอเชียนโมเดิร์น “อาหารของผมที่กวี จะมีความเป็นตะวันตกที่มีกลิ่นอายเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นอาหารที่มีพริก มีรสเผ็ด ซึ่งจะช่วยให้กินแล้วไม่เลี่ยนด้วย” 

กวี คือร้านที่เขาตัดสินใจเปิดหลังจากกลับมาประเทศไทยอีกครั้งด้วยประสบการณ์เต็มเปี่ยม โดยเขาตั้งใจสร้างกวีเป็นร้านอาหารไทยสมัยใหม่ มีบรรยากาศของไฟน์ไดนิ่งแต่ก็ยังคงมีความเป็นกันเอง เพราะถึงแม้แต่ละจานจะมีหน้าตาราวกับอาหารไฟน์ไดนิ่ง แต่รสชาตินั้นตรงตามที่เชฟบอกว่าเราได้แรงบันดาลใจมาจากรสชาติอาหารไทยในความทรงจำ ก่อนนำมาจับคู่สร้างสรรค์ใหม่ให้มีความทันสมัย ทว่าชิมแล้วยังรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอาหารไทย

เราได้ลองคอร์สเมนูเปิดตัว ที่เริ่มด้วยจานเรียกน้ำย่อย 3 คำ ประกอบด้วย หอยนางรมซอสส้มจี๊ด ฟัวกราเมอแรงก์กระเจี๊ยบ และปลาแอมเบอร์แจ็กสมุนไพร ต่อด้วย ขนมจีนซาวน้ำ ที่หน้าตาแปลกใหม่ เพราะเชฟใช้ลูกชิ้นเป็นสแกลลอปแทนแจงลอนที่เราคุ้นเคย มาพร้อมคัสตาร์ดดอกกะหล่ำ กะทิ ผักดอง ก่อนโรยด้วยสโนวเนื้อมะพร้าว กินแล้วมีทั้งความสดชื่นและความเผ็ดที่เข้ากันดี และอีกจานที่เราประทับใจมากคือ ซุปเนื้อปู ที่เชฟเต้ได้แรงบันดาลใจมาจากเมนูโจ๊กและข้าวต้ม โดยซุปข้าวจะใช้วิธีทำเหมือนริซอตโต้ หุงพร้อมเนื้อปูและมันปู ส่วนด้านบนโรยด้วยข้าวพอง พริกจินดาคั่ว แนะนำให้ผสมทุกอย่างแล้วชิม ทุกคนจะสัมผัสได้ถึงรสชาติที่แสนคุ้นเคย แล้วเมนูนี้จะมาพร้อมขนมปังบริออชด้วย ใครอยากเอามาจิ้มกินกับซุปก็ได้เช่นกัน

ต่อด้วย ปลาเผาซอสมะขาม ที่เนื้อสุกและหนังกรอบกำลังดีเสิร์ฟพร้อม “หอม 3” แบบที่ช่วยขับรสชาติ คือ ทาร์ตหอมเจียว ครีมหอมเจียว และหอมอบกรอบ และ เป็ดดรายเอจ ที่เชฟได้แรงบันดาลใจจากข้าวหน้าเป็ด โดยใช้เป็ดดรายเอจนาน 2 สัปดาห์ก่อนนำมารมควันและเซียร์จนได้เนื้อนุ่มสวยและผิวกรอบ กินคู่กับซอสพลัม ซอสรากผักชีผสมพริกและซีอิ๊ว ซอสน้ำส้ม แก่นตะวัน และมันแกวดอง 

ขนมหวานในคอร์สเปิดตัวนี้คือ ซอร์เบต์ใบทำมัง หรือใบแมงดาที่ภาคใต้นิยมใช้ทำน้ำพริก เชฟเต้นำใบนี้มาจากบ้านที่ จ.สุราษฎร์ธานี เรากินแล้วรู้สึกชอบรสชาติที่แปลกใหม่คล้ายกินน้ำฝรั่ง ส่วนของหวานปิดท้ายจะเป็น “ไอศกรีมทรัฟเฟิล” ที่กลิ่นทรัฟเฟิลหอมกำลังดี มาพร้อมพุดดิ้งกะทิ เนยถั่ว ครัมเบิลกาแฟ รสชาติมีทั้งความเค็ม มัน ขม ปิดท้ายได้อย่างน่าจดจำเลยทีเดียว

เราว่าเชฟเต้นำอาหารรสชาติไทยๆ มาตีความใหม่ได้อย่างสร้างสรรค์ หลายเมนูแม้หน้าตาจะเหมือนอาหารตะวันตก แต่เมื่อชิมแล้วกลับรู้สึกคุ้นเคย ทำให้เข้าใจได้ไม่ยาก แถมยังมีความแปลกใหม่ที่สะท้อนตัวตนของเชฟได้อย่างน่าสนใจ โดยร้านจะตั้งอยู่ใต้คอนโด Ideo Morph 38 ตอนนี้เสิร์ฟเป็นเทสติ้งเมนู 8-course ในราคา 2,890 บาท สามารถจองที่นั่งหรือสอบถามได้ที่ 080 995 9095 หรือ KAVEE