ร้านอาหารเปิดใหม่ในสิงคโปร์
Photograph: Belimbing
Photograph: Belimbing

รวมร้านอาหารเปิดใหม่ในสิงคโปร์ ลิ้มรสอาหารหลายสัญชาติได้ในเมืองเดียว

เปิดพิกัดร้านอาหารใหม่ในสิงคโปร์ประจำปี 2025 เติมลิสต์ร้านน่าสนใจที่รับรองความอร่อยโดยชาว Time Out

Adira Chow
แปลโดย: Supattra Premprim
การโฆษณา

แพลนเที่ยวสิงคโปร์ของเราและใครหลายคน คงมีร้านอาหารสิงคโปร์ จีน หรือมาเลเซีย ที่เสิร์ฟข้าวมันไก่ ลักซา คายาโทสต์ หรือโรจัก อยู่ในแพลนกันแบบแน่นอนอยู่แล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า ในสิงคโปร์มีร้านอาหารเปิดใหม่ถึง 300 ร้านต่อเดือน เรียกได้ว่าเปิดใหม่วันละ 10 ร้านเลยทีเดียว ซึ่งมีทั้งร้านที่เปิดในสถานที่ใหม่ๆ และร้านที่หมุนเวียนมาเปิดในแลนด์มาร์กสุดฮิต

สำหรับปี 2025 ร้านอาหารเปิดใหม่ในสิงคโปร์ก็ไม่น้อยหน้าใคร แถมยังเต็มไปด้วยอาหารนานาชาติจากทั่วทุกมุมโลก เราเชื่อว่าต่อให้ไปเที่ยวมากกว่า 10 วัน ก็รับประกันว่าจะได้ทานอาหารหลากหลายสัญชาติแบบไม่จำเจ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย อิตาเลียน ไปจนถึงแถบละตินอเมริกาก็ยังมี ไฮไลต์คือแต่ละร้านต่างมีเมนูซิกเนเจอร์ที่รังสรรค์โดยเชฟชื่อดังมากมาย ซึ่งทีม Time Out ได้ไปสำรวจและลิ้มลองรสชาติมาให้ทุกคนแล้ว เก็บร้านเหล่านี้ไว้ในลิสต์ แล้วตามรอยพวกเรามาได้เลย!

Zeniya

จากร้านอาหารญี่ปุ่นไฟน์ไดนิงดีกรีมิชลิน 2 ดาว ที่ตั้งอยู่ในเมืองคานาซาวะ ประเทศญี่ปุ่น สู่สาขาต่างประเทศเพียงแห่งเดียวใน Shaw Centre ประเทศสิงคโปร์ มาพร้อมคอนเซปต์แบบไคเซกิ (Kaiseki) หรือการเสิร์ฟเป็นคอร์สตามลำดับสไตล์ญี่ปุ่น เน้นใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลจากตลาด Omicho ตลาดสดอายุกว่า 200 ปีในญี่ปุ่น แถมยังรับประกันความอร่อยระดับพรีเมียมด้วยการติดโผ Les Amis Group ของสิงคโปร์ สามารถมาทานได้ทั้งมื้อกลางวันและมื้อเย็น สำหรับเมนูที่น่าประทับใจก็มีทั้ง ปูขนและอูนิที่เสิร์ฟความหวานสดชื่นจากทะเลมาพร้อมเจลลี่รสเปรี้ยวจากซอสโทซาซุ ต่อด้วยปลาโนโดกุโระ หรือปลากะพงสีชมพู และปิดจบมื้อแบบอิ่มแปล้ไปกับข้าวหน้าปูหิมะ ปรุงรสด้วยซอสดาชิเข้มข้น นอกจากนี้ยังมีซอมเมอลิเยร์มาคัดเลือกสาเกประจำวันให้ทานคู่กับเมนูของเชฟอีกด้วย

Belimbing

ร้านอาหารมาเลเซียชื่อดังอย่าง The Coconut Club ได้เปิดร้านน้องใหม่ในชื่อ “Belimbing” และแน่นอนว่าร้านนี้ไม่ได้เสิร์ฟอายัมโกเร็ง หรือไก่ทอดมาเลเซียเหมือนร้านรุ่นพี่ แต่เสิร์ฟอาหารสิงคโปร์ยุคใหม่ มาพร้อมการนำเสนอรสชาติที่แตกต่างไปจากอาหารดั้งเดิมที่หลายคนคุ้นเคย ด้วยการใช้วัตถุดิบหายากในท้องถิ่น และถึงแม้หน้าตาอาหารจะไม่ได้แปลกตามากนัก แต่เมื่อได้ชิมแล้วจะรู้เลยว่า ร้านนี้นำเสนอความแปลกใหม่ได้ดีเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น สลัดหมึกหิ่งห้อยย่างที่ผสมผสานซีอิ๊วดำ ฝรั่ง สตรอว์เบอร์รี คะน้า และโรจัก หรือน้ำยำสไตล์สิงคโปร์และมาเลเซีย ทำให้ได้รสชาติและสัมผัสที่หลากหลายในจานเดียว รวมถึงจานหลักที่ทำออกมาได้ดีไม่แพ้กัน คือ นาซิอูลัม (Nasi Ulam) ข้าวยำสมุนไพรที่ผัดมาแบบร้อนๆ ด้วยกระทะจีน มีทั้งผักก้านก่อง ดอกขิง และใบลักซา โดยมีค็อกเทลจากบาร์เทนเดอร์ชื่อดังของร้าน Side Door มาสร้างสรรค์เครื่องดื่มในสไตล์เฉพาะตัว

การโฆษณา

Station by Kotuwa

เดิมร้าน Kotuwa ได้สร้างประสบการณ์วัฒนธรรมอาหารศรีลังกาแบบดั้งเดิมให้ชาวสิงคโปร์มาแล้ว และตอนนี้ได้ขยายมาเป็น Station by Kotuwa ที่นำเสนอความหลากหลายในบรรยากาศสบายๆ ให้คนที่มาเยือนรู้สึกไม่เกร็งและกลับมาทานได้บ่อยขึ้น ไม่ว่าจะมาดื่มหลังเลิกงาน รวมตัวกับกลุ่มเพื่อน หรือชวนคนรักมาเดตแบบไม่จริงจังมากนักก็ได้เช่นกัน หากได้ไปลองร้านนี้ เราแนะนำให้เรียกน้ำย่อยด้วยหอยนางรมราดกรานิต้าลิ้นจี่กับอัชชารุ หรือผักดองสไตล์ศรีลังกา แล้วต่อด้วยโรตีไข่และตับไก่ ไก่ย่างเนยกับหอมแดง หรือจะเป็นแก้มวัวตุ๋นในซอสเกรวี่มะพร้าวก็อร่อยไม่แพ้กัน ส่วนจานที่ห้ามพลาดคือ Babath Crispy Tripe เครื่องในวัวส่วนผ้าขี้ริ้วทอด สัมผัสกรอบนอกนุ่มใน ได้รสเผ็ดจากพริกรมควันและกลิ่นหอมจากมะนาว ซึ่งไฮไลต์ความสนุก คือ ทุกคนสามารถเลือกทานกับเครื่องเทศและน้ำจิ้มที่หลากหลายของทางร้านได้ตามใจชอบ

Magpie

ใครมีโอกาสได้บินไปสิงคโปร์บ่อยๆ แล้วกำลังมองหาร้านอาหารบรรยากาศอบอุ่นและหรูหราในคราวเดียว มีอาหารให้เลือกหลากหลาย และอยู่ท่ามกลางเตียงบาห์รู (Tiong Bahru) ย่านเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยความงดงามของศิลปะ เราอยากให้มุ่งตรงไปที่ Magpie ร้านอาหารที่เสิร์ฟความอร่อยข้ามสัญชาติ ทั้งจากอินเดียไปอิตาลี หรือจากจีนไปฟิจิก็ยังมี ความพิเศษของที่นี่คือ การเปลี่ยนเมนูไปตามวัตถุดิบในทุกๆ 2 - 3 สัปดาห์ รับรองว่าแต่ละครั้งที่ไปจะได้ประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำกันแน่นอน หากยังไม่แน่ใจว่าจะสั่งอะไรดี เราแนะนำเป็นขนมปังทันดูร์ ดอกซูกินีทอด หรือเมนูซิกเนเจอร์อย่างเซวิเช่สไตล์ฟิจิ รสเผ็ดเปรี้ยวของเมนูนี้ช่วยเปิดต่อมรับรสได้ดีไม่น้อย ทำให้เราไปต่อกับจานหลักอย่างเนื้อวัวและเนื้อไก่เสียบไม้ เสิร์ฟพร้อมซอสโมเล่สไตล์เม็กซิกัน รวมถึงเนื้อแกะทีโบนกับมะเขือม่วงย่าง และปิดจบมื้อด้วยอัฟโฟกาโตสูตรเฉพาะของทางร้าน

การโฆษณา

Bon Broth

ไม่ว่าคนไทยจะไปเที่ยวประเทศไหน สิ่งที่ขาดไม่ได้คือหม้อไฟร้อนๆ สำหรับมื้อจัดเต็ม แน่นอนว่าร้านที่เราเลือกมาก็ไม่ใช่ร้านหม้อไฟธรรมดาทั่วไป เพราะร้านนี้ยกระดับการทานหม้อไฟตั้งแต่เลือกน้ำซุป จากปกติที่เราต้องกดเลือกซุปจากจอเมนูหรือสั่งกับพนักงาน เมื่อมาร้านนี้แล้วให้ตรงไปที่เคาน์เตอร์น้ำซุป เราจะได้พบกับซอมเมอลิเยร์ที่คอยแนะนำรสชาติแสนอร่อยทั้ง 8 ซุป สำหรับคนที่ชอบซุปรสชาติเบาๆ สามารถซดน้ำได้แบบคล่องคอ ต้องไม่พลาดซุปพริกเขียวเสฉวน ซุปกะหล่ำปลีดอง หรือซุปสมุนไพร แต่หากชอบทานซุปเข้มข้นแบบไม่ต้องมีน้ำจิ้ม ที่นี่มีซุปคอลลาเจนนมฮอกไกโด ซุปลักซา และซุปหมาล่าชาลิ้นให้เลือกทานกันด้วย โดยเชฟมิชลินสตาร์อย่างเชฟอองเดร เฉียง (Andre Chiang) ได้พยายามผสานวัฒนธรรมอาหารฝรั่งเศสและจีนที่ดูเหมือนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ให้เข้ากันอย่างลงตัวในหม้อไฟ 1 หม้อ สำหรับจานที่อยากให้ทุกคนลองคือ กุ้งมังกรและหอยเป๋าฮื้อ ซีฟู้ดสุดพรีเมียมที่หาได้ยากในร้านหม้อไฟทั่วไป

Scarpetta

ในตึกแถวโบราณบนถนน Amoy มีร้านอาหารอิตาเลียนเปิดใหม่ที่พาให้ถนนเส้นนี้คึกคักมากขึ้น เพราะทั้งชาวสิงคโปร์และนักท่องเที่ยวต่างมายืนรอคิวร้านนี้กันนานถึง 2 ชั่วโมง ด้วยการเป็นร้านพาสต้าโฮมเมด ราคาสมเหตุสมผล แถมยังบรรยากาศดีอีกด้วย และยังมีอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ใครหลายคนยอมยืนต่อคิว เพราะร้านนี้เป็นร้านอิตาเลียนที่มีเคาน์เตอร์บาร์ให้นั่งชมเชฟทำเมนูเด็ดก่อนนำมาเสิร์ฟ โดยเฉพาะ All'Assassina สปาเกตตีรสชาติเผ็ดร้อนที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นพาสต้าของนักฆ่า เพราะเชฟจะผัดเส้นจนเกือบไหม้ เพื่อให้ได้ความกรอบและหอมกลิ่นกระทะ นอกจากนี้ยังมีริกาโตนีครีมวอดก้า (Spicy Alla Vodka) และพาสต้าชีสและพริกไทย (Cacio E Pepe) ที่ใช้เส้นพิชิแทนเส้นทอนนาเรลลี แต่เราแนะนำว่าอย่าเพลิดเพลินกับจานพาสต้าจนลืมสั่งของหวาน เพราะที่นี่ยังมีเจลาโตนมราดด้วยน้ำมันมะกอก โรยด้วยผลึกเกลือสัมผัสกรุบกรอบให้ลองทานกันด้วย

การโฆษณา

Casa Cicheti

ในมุมสงบของย่านเตียงบารูห์ มีร้านอิตาเลียนสุดโฮมมี่ที่ตกแต่งสไตล์วินเทจแบบไม่หวือหวา รอให้ทุกคนได้ไปลิ้มลองรสชาติแสนอร่อยกัน รับประกันโดย Cicheti Group กลุ่มธุรกิจร้านอาหารระดับโลก ที่เน้นร้านอาหารอิตาเลียน ซึ่งสิ่งที่ทำให้ร้านนี้แตกต่างจากที่อื่น คือ พิซซ่าฐานกรอบแป้งนุ่มฟูที่ผสาน 2 สไตล์เข้าด้วยกัน โดยฐานของพิซซ่ามีความกรอบตามแบบฉบับพิซซ่าโรมัน แต่รสชาติไปทางพิซซ่าเนเปิลส์ของประเทศอิตาลี เช่น พิซซ่าหน้า Marinara / Margherita และ Stracciatella และหากเลือกพิซซ่าที่ถูกใจได้แล้ว อย่าลืมสั่งเมนู Cinque Formaggi หรือพายชีสห้าชนิดที่ประกอบด้วย Fior di latte / Grana padano / Gorgonzola / Fontina และ Mascarpone นอกจากนี้เรายังประทับใจการเสิร์ฟอาหารจานใหญ่ที่สามารถแชร์ได้ทั้งครอบครัว แถมยังมาพร้อมราคาสุดย่อมเยา

Latido

อาหารละตินอเมริกาคงไม่ใช่ตัวเลือกแรกๆ ของใครก็ตามที่ได้ไปเยือนสิงคโปร์ แต่เชื่อเถอะว่าถ้าได้ลองร้านนี้แล้วจะติดใจแน่นอน เพราะร้านนี้อยู่ในการดูแลของเชฟเฟอร์นันโด อาเรวาโล (Fernando Arevalo) เชฟจากเมืองโบโกตา ประเทศโคลอมเบีย โดยครั้งนี้เขาได้นำรสชาติที่คุ้นเคยในวัยเด็ก มาปรุงใหม่ให้มีความสนุกในการทานมากยิ่งขึ้น แต่เลือกนำเสนอทุกเมนูแบบเข้าใจง่าย ไม่หวือหวาหรือเข้าถึงยากมากจนเกินไป เช่น หัวใจไก่ย่าง แร็ปกระต่ายตุ๋น แร็ปมันสำปะหลัง ไปจนถึงอาเรปา (Arepas) หรือแพนเค้กข้าวโพด เมนูยอดนิยมในโคลอมเบียที่สามารถทานเปล่าๆ หรือจะใส่ไส้เพิ่มก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีเมนูชูโรงเป็นซุปล็อบสเตอร์ (Sopa Langosta) เสิร์ฟรสชาติพรีเมียมจากวัตถุดิบชั้นเลิศมากับเครื่องเทศหอมกรุ่น และหากใครอยากทานแบบชาวโคลอมเบียขนานแท้ อย่าลืมสั่งไวน์หรือกาแฟมาทานแกล้มในมื้อนี้ด้วย

การโฆษณา

Sushi Zushi

หากชาวสิงคโปร์จะเลือกทานอาหารญี่ปุ่นสักร้าน พวกเขาจะเลือกร้านที่โดดเด่นเรื่องซูชิ เสิร์ฟแบบโอมากาเสะ และราคาคุ้มค่า ซึ่งแน่นอนว่า Sushi Zushi ตอบโจทย์ทั้งสามข้อนี้ได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมั่นใจได้ว่าผู้ไปเยือนจะได้ทานวัตถุดิบสดใหม่อย่างแน่นอน เพราะทางร้านนำเข้าวัตถุดิบจากตลาดปลาโทโยสุถึง 4 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งเป็นตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น แต่นี่ยังไม่ใช่ไฮไลต์ของร้านนี้ สิ่งที่พิเศษกว่าคือ ชาริ (Shari) หรือข้าวซูชิที่ใช้ข้าวซันซันมารุจากฮอกไกโด โดยเชฟนำข้าวมาตีด้วยมือสองครั้งต่อวัน จากนั้นนำมาผสมกับน้ำส้มสายชูแดง เพื่อให้ได้สีสันที่แตกต่างไปจากข้าวซูชิทั่วไป เมื่อทานคู่กับปลาดิบหรือวัตถุดิบทะเลจะยิ่งเสริมรสชาติให้อร่อยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีแฮนด์โรลอีก 19 เมนูให้เลือกทาน สามารถจิ้มเมนูที่ถูกใจแล้วเตรียมรับความอร่อยจากซูชิปั้นมือของเชฟชาวญี่ปุ่นกันได้เลย

Modu

ภาพจำอาหารเกาหลีของใครหลายคนคงเป็นหมูย่างร้อนๆ หรืออาหารรสชาติเข้มข้นที่มาพร้อมสีสันจัดจ้าน แต่ร้าน Modu นำเสนอเมนูที่แตกต่างจากร้านอาหารเกาหลีทั่วไป โดยเสิร์ฟเมนูรักสุขภาพ หรือ Boyang-sik หมายถึงเมนูที่ปรุงมาอย่างพิถีพิถัน เต็มไปด้วยสารอาหารและประโยชน์อีกมากมาย ซึ่งช่วยในการฟื้นฟูร่างกายและให้พลังงานที่ดี โดยเฉพาะตัวชูโรงของร้านที่ไม่ว่าใครไปก็ต้องสั่งอย่าง ซุปไก่โสม (Samgyetang) ที่มีให้เลือกหลากหลายรสชาติ ทั้งงาขี้ม้อน ไก่ดำ งาดำ และสมุนไพรคอลลาเจน แถมยังมีสูตร hangover สำหรับคนที่ปาร์ตี้อย่างหนักหน่วงมาทั้งคืน แล้วต้องการทานซุปร้อนๆ ในวันถัดไป นอกจากนี้ยังมีเต้าหู้ซัมฮับ แพนเค้กมินาริ และสาหร่ายทอดกรอบให้ทานเล่นแบบเพลินๆ และเราแนะนำให้เผื่อท้องไว้สำหรับไอศกรีมทั้ง 4 รสชาติ ไม่ว่าจะเป็น งาดำ พิสตาชิโอ เต้าหู้ และลูกพลับ รับรองว่าได้ลองแล้วจะลืมภาพอาหารเกาหลีแบบที่คุ้นเคยกันอย่างแน่นอน

เรื่องเด่น
    การโฆษณา