Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club

  • Restaurants
  • อารีย์
  • ราคา 2 จาก 4
  1. Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club
    Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club
  2. Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club
    Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club
  3. Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club
    Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club
  4. Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club
    Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club
  5. Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club
    Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club
  6. Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club
    Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club
  7. Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club
    Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club
  8. Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club
    Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club
การโฆษณา

Time Out พูดว่า

ตอนนี้ Oh! Vacoda คาเฟ่สเปเชียลตี้อโวคาโด้ที่ซอยอารีย์สัมพันธ์ 4 เติบโตและก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 แล้ว ทางร้านเลยรีแบรนด์ครั้งใหญ่ ตั้งแต่ตกแต่งร้านใหม่ ออกแบบโลโก้เป็นครั้งแรก เพิ่มเมนูใหม่ และเปิดบาร์ในช่วงเย็น เป็นเหตุผลที่ชื่อร้านมี The Fruit Bar Club ห้อยท้ายอยู่ เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน แต่ก็ยังคงน่ารัก อบอุ่น สไตล์ Oh! Vacoda ที่ทุกคนคุ้นเคยไว้อยู่

Oh! Vacoda คือคาเฟ่ของ ‘เพียงพลอย-รุจิยาทร โชคสิริวรรณ’ อดีตนักเขียนไลฟ์สไตล์ที่ตอนนี้หันมาดูแลร้านเต็มตัว และ ‘บอม-วัชรพงษ์ ทองยาน’ ทั้งคู่เปิดคาเฟ่นี้ด้วยความหลงใหลในอโวคาโดล้วนๆ และทุกเมนูก็จะมีผลไม้ชนิดนี้เป็นส่วนผสม การรีแบรนด์ครั้งนี้แพสชั่นนั้นก็ยังไม่ได้หายไปไหน แต่ถูกนำมาผสมกับความชอบอีกอย่างหนึ่งของเจ้าของร้าน นั่นคือแนวเพลง City Pop ซึ่งพ่วงมาด้วยไวบ์แบบญี่ปุ่นยุค 80’s ยุคแรกๆ ที่แนวเพลงนี้ถือกำเนิดในญี่ปุ่นและได้รับความนิยมอย่างสูง การตกแต่งร้านใหม่รอบนี้เลยถูกโอบล้อมด้วยบรรยากาศแบบนั้น

เมนูใหม่ที่เพิ่มเข้ามาจะเป็น all-day brunch ลูกครึ่งญี่ปุ่น-ฮาวาย ที่ได้ เชฟเจมส์-พงษกร บุญรักษา จากร้าน Jamie's Burger และ Jamie's Grill มาช่วยให้คำแนะนำและปรับรสชาติ ซึ่งทุกเมนูยังคงมีอโวคาโดเป็นส่วนผสมเหมือนเดิม

ไม่ว่าจะเป็น Avocado Pesto Rice with Hamburg and Curry (370 บาท) ข้าวแกงกะหรี่แฮมเบิร์กที่นำอโวคาโดไปทำเพสโตแล้วคลุกกับข้าวจนได้สีเขียว เสร็จแล้วก็ทำให้เป็นรูปทรงคล้ายอโวคาโดและท็อปด้วยไข่แดงดองดาชิก็จะหน้าตาเหมือนอโวคาโด ด้านล่างเป็นแฮมเบิร์กเนื้อสูตรคุณแม่ญี่ปุ่น และซอสแกงกะหรี่เนื้อรสกลมกล่อม เป็นจานที่หน้าตาสวยและรสชาติดี

หรือ Kimchi Fried Rice with Bacon & Avocado (340 บาท) ข้าวผัดกิมจิโปะไข่ข้นและโปะอโวคาโดแน่นๆ อีกที และ Smoked Salmon Ceviche with Avocado Vasabi (360 บาท) สโมกแซลม่อนเซวิเช ราดซอสอโวคาโดวาซาบิมาโยเป็นลายตาราง เน้นสีสันน่ารักๆ ฯลฯ

พอตกเย็นมู้ดร้านจะเปลี่ยนจากคาเฟ่น่ารักอบอุ่นเป็นบาร์สปีกอีซี่ฟีลญี่ปุ่น เสิร์ฟค็อกเทลที่ใช้เหล้าผลไม้เป็นวัตถุดิบหลัก แต่ละแก้วจะได้แรงบันดาลใจมาจากเพลง City Pop ที่เจ้าของร้านชอบ (และเปิดคลอในร้านตลอดเวลา) และตั้งชื่อค็อกเทลตามชื่อเพลงนั้นๆ

แก้วแนะนำ ได้แก่ Last Summer Whisper (360 บาท) มาจากเพลงของ Anri ที่พูดถึงการหวนนึกถึงคนรักเก่าในช่วงซัมเมอร์ปีที่แล้ว แก้วนี้ใช้เหล้าเมล่อนญี่ปุ่นผสมกับบ๊วยดองเกลือ ให้ทั้งความสดชื่นของกลิ่นเมล่อนเจือกับรสเค็มๆ และ Pina Vacoda (340 บาท) ค็อกเทลที่เล่นกับความเป็นฮาวาย เพราะในยุครุ่งเรืองของแนวเพลง City Pop เป็นยุคที่ญี่ปุ่นได้รับอิทธิผลจากฮาวายมาค่อนข้างเยอะ แก้วนี้เลยจะมีความเป็นลูกครึ่งฮาวาย-ญี่ปุ่น ส่วนผสมก็จะมีไอศครีมอโวคาโดฮันนี่ ที่ทางร้านสั่งทำจาก farm to table นำไปเชกกับรัมมะพร้าวรสชาติที่ได้ก็จะคล้ายๆ Pina Colada เลยถูกตั้งชื่อให้คล้ายๆ กัน

อีกแก้วจะเป็น Shyness Boy (320 บาท) จากเพลงของ Anri เหมือนกัน แต่จะมีความน่ารักกว่าแก้วก่อนหน้า เพราะเพลงนี้พูดถึงการแอบชอบผู้ชายขี้อาย ต่างฝ่ายต่างไม่กล้าจีบ แก้วนี้เลยถูกออกแบบมาให้พ่อหนุ่มขี้อายคนนั้นจิบ เผื่อจะได้มีความกล้าขึ้นมาบ้าง ตัวส่วนผสมจริงๆ แล้วก็คือเนโกรทวิสต์นั่นแหละ โดยเปลี่ยนเวอร์มุธเป็นอูเมะชูญี่ปุ่น ส่วนจินจะนำไปอินฟิวส์ชาอู่หลงให้ได้อาฟเตอร์เทสต์ขมๆ ของชา ตามด้วยคัมพารีและรมควันเปลือกส้มก่อนเสิร์ฟ

Suriyan Panomai
เขียนโดย
Suriyan Panomai

รายละเอียด

ที่อยู่
1/1
ซ.อารีย์สัมพันธ์ 4
กรุงเทพมหานคร
ข้อมูลติดต่อ
ดูเว็บไซต์
089-4978926
เปิดบริการ
Wed-Mon 11:00-01:00 (closed Tuesday)
การโฆษณา
เรื่องน่าสนใจอื่นๆ ที่คุณน่าจะชอบ