[title]
PAGA Microroastery ร้านกาแฟมินิมอลที่เปิดอยู่ในซอยสุขุมวิท 31 มีความพิเศษตรงการตั้งใจเป็นร้านกาแฟในคอนเซ็ปต์ Single Origin ที่ร้านตั้งใจคั่วเมล็ดกาแฟเองในร้านและนำรสขาติที่ได้มาสร้างสรรค์เป็นเครื่องดื่มที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร
ร้านแห่งนี้อาจฉีกแนวจากคาเฟ่ต่างๆ ที่ชาวคาเฟ่ฮ็อปปิ้งชอบไปกันสักหน่อย เพราะจะเหมาะสำหรับคนอยากมาดื่มกาแฟจริงจังมากกว่า เริ่มจากความตั้งใจของ ‘คุณแพท - ภัทริกา โยธินวัฒนาอุดม’ และ ‘คุณแกเบรียล คารอล’ แชมเปี้ยนจากการแข่งขัน Romania Brewers Cup ในปี 2017 ซึ่งทั้งสองมีความชอบเหมือนกันในเรื่องกาแฟและมองว่าในกรุงเทพฯ ยังไม่มีรสชาติกาแฟคุณภาพที่ถูกใจ จึงทำให้เกิดเป็นร้านกาแฟสีขาวแห่งนี้ที่อยากต้อนรับคอกาแฟโดยเฉพาะ
“พวกเราไม่ได้ตั้งใจออกแบบร้านให้เหมาะกับการถ่ายรูป แต่เพราะนักออกแบบดีไซน์ทุกอย่างออกมาได้ดีมาก และมันก็กลายเป็นผลตอบรับที่ดี” คุณแพทเล่าให้ฟัง
ร้านกาแฟแห่งนี้จะเน้นเมล็ดกาแฟแบบ single origin ที่มาจากเอธิโอเปีย เหมาะสำหรับชงเป็นเครื่องดื่มได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะลาเต้หรือเอสเพรสโซ่ ซึ่งคุณแกเบรียลก็ทำหน้าที่เป็นผู้สร้างสรรค์รสชาติต่างๆ สำหรับเมนูที่ร้าน PAGA โดยเมนูเครื่องดื่มจะแบ่งออกเป็น 4 หมวดหมู่ ต่างกันที่ลักษณ์การชง อาทิ กาแฟนม กาแฟน้ำผลไม้ หรือกาแฟคลาสสิคทั่วไปก็รวมอยู่เช่นกัน
สำหรับเมนูแนะนำของร้านให้ลองสั่ง Freddo เป็นเอสเพรสโซ่ระดับคั่วกลางท็อปด้วยฟองนม หรือ Paga ที่ทำตรงกันข้าม เป็นโฟมเอสเพรสโซ่ช็อตที่ท็อปด้วยนมสด ราคาทั้งสองแก้ว 150 บาท แต่หากใครเป็นคนไม่ชอบกาแฟนมล่ะก็ เราแนะนำให้สั่งเมนูกาแฟน้ำผลไ้ม้ ซึ่งที่ร้านจะมีทั้งน้ำผลไม้และสมุนไพรที่ทำให้เป็นไซรัปให้เลือก แล้วค่อยนำไปผสมกับกาแฟ PAGA แบบโคลด์บริว เมนูน่าลองอาทิ Joy (170 บาท) ที่มีรสชาติเปรี้ยวหวานของสตรอว์เบอร์รี่ หรือ Zuri (170 บาท) ที่มีรสหวานขมจากกาแฟและกีวี่เพียวเร
หากวันไหนใครอยากลองกาแฟฟิลเตอร์ที่นี่ก็มีให้จิบเช่นกัน โดยจะมีเมล็ดจาก 6 แหล่งให้เลือก ตั้งแต่เมล็ด Finca Carmen จากปานามา หรือเมล็ด Santa Monica จากโคลัมเบีย โดยราคาจะเริ่มต้นที่ 200 บาท
PAGA เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 8:00 - 17:00 น. นอกจากพื้นที่ชั้นแรกที่เปิดสำหรับนั่งดื่มกาแฟ บนชั้นสามก็มีพื้นที่สำหรับการจัดเวิร์กช็อปหรือคลาสกาแฟด้วย