Penthouse Bar+Grill

  • Restaurants
  • เพลินจิต
  1. Penthouse Bar+Grill
    Penthouse Bar+Grill
  2. Penthouse Bar+Grill
    Penthouse Bar+Grill
  3. Penthouse Bar+Grill
    Kenika Ruaytanapanich / Time Out Bangkok
  4. Penthouse Bar+Grill
    Kenika Ruaytanapanich / Time Out Bangkok
  5. Penthouse Bar+Grill
    Kenika Ruaytanapanich / Time Out Bangkok
  6. Penthouse Bar+Grill
    Kenika Ruaytanapanich / Time Out Bangkok
  7. Penthouse Bar+Grill
    Kenika Ruaytanapanich / Time Out Bangkok
  8. Penthouse Bar+Grill
    Kenika Ruaytanapanich / Time Out Bangkok
  9. Penthouse Bar+Grill
    Kenika Ruaytanapanich / Time Out Bangkok
  10. Penthouse Bar+Grill
    Kenika Ruaytanapanich / Time Out Bangkok
การโฆษณา

Time Out พูดว่า

เบาะหนัง โต๊ะไม้ และวัสดุสีทองที่ปรากฎอยู่บนดีเทลต่างๆ ทำให้เรารู้สึกว่าที่นี่เป็นห้องอาหารบรรยากาศคลาสสิกที่ชวนมานั่งแล้วนึกถึงกรุงนิวยอร์กได้เลย แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความเรียบหรู โก้เก๋ และเหมาะจะเป็นจุดแฮงเอาต์นัดกินอาหารมื้อกลางวัน ต่อด้วยจิบเครื่องดื่มดีๆ ที่บาร์ยามค่ำต่อเลยก็ได้

Penthouse Bar+Grill จะอยู่บน 3 ชั้นสูงสุดของโรงแรมปาร์ค ไฮแอทฯ งานออกแบบร้านเป็นผลงานของทีมสถาปนิกจากกรุงนิวยอร์ก โดยแบ่งเป็นบาร์ค็อกเทล ห้องอาหาร และรูฟท็อปบาร์ แต่วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักบรรยากาศและรสชาติของอาหารที่นี่กันเสียก่อน เพราะห้องอาหารเพิ่งได้ตัวเชฟคนใหม่มาจากออสเตรเลีย พร้อมกับฝีมือทำอาหารสไตล์ย่างเตาถ่าน ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของห้องอาหาร Penthouse มาแต่ไหนแต่ไร

ห้องอาหารจะอยู่บนชั้น 34 และค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว แต่ละโต๊ะมีพื้นที่ของตัวเองและห่างกันมากพอที่จะเพลิดเพลินกับอาหารและบรรยากาศได้แบบไม่ต้องเขิน (เผื่อว่าใครอยากถ่ายรูปแบบเต็มที่เหมือนอยู่ต่างประเทศ) อีกทั้งทุกโต๊ะยังสามารถมองเห็นครัวแบบเปิดได้ตลอดเวลา ซึ่งทีมเชฟจะคอยทำอาหารด้วยไฟลุกโชนให้เรารู้สึกตั้งตารอที่จะชิม

เมนูของที่นี่แน่นอนว่าเน้นการย่างเตาถ่าน และมีทั้งเนื้อและอาหารทะเล แต่บางเมนูจะเสิร์ฟเฉพาะมื้อกลางวันหรือมื้อเย็นเท่านั้น นำโดย “เชฟเบนน์ โรเว” ผู้เคยรับตำแหน่งเชฟผู้ช่วยที่ร้านอาหารสไตล์บาร์ แอนด์ กริลล์ ชื่อดังในเมืองเพิร์ธ 

อาหารจะแบ่งเป็นหมวดๆ มีตั้งแต่ของกินเล่นและสลัด สเต๊ก เครื่องเคียง และของหวาน รวมถึงเมนูสไตล์ Land & Sea ที่เชฟอยากนำเสนอวัตถุดิบอื่นๆ ให้ลองกันด้วย จานแนะนำอย่างเช่น “Tuna Crudo (650 บาท)” ของกินเล่นที่เสิร์ฟเนื้อทูน่ากับมะกอกอบแห้งบนขนมปังชิ้นพอดีคำ ตามด้วย “Tiger Prawn Agnolotti (920 บาท)” เมนูพาสต้าโฮมเมดสอดไส้กุ้ง กับซอสเนยมะเขือเทศรมควัน

“Seared Foie Gras (1,100 บาท)” จานนี้เชฟก็ทำรสชาติได้สมดุลจนกินแล้วไม่เลี่ยนอย่างที่คิด เรายกความดีงามให้ ‘ลูกฟิกย่าง’ ที่ช่วยตัดรส และเข้ากับบัลซามิกได้ดี

เมนูจานหลักเชฟนำเสนอ “เนื้อวากิว Mb5 (2,100 บาท/250 กรัม)” ใช้เนื้อส่วนหัวไหล่ที่เชฟบอกว่าค่อนข้างนุ่มและมีเนื้อสัมผัสให้เคี้ยว ซึ่งจะแปลกใหม่กว่าทั่วไป และราดกินคู่ทรัฟเฟิลจูส์ แต่ถ้าใครไม่กินเนื้อ เราอยากให้ลอง “Grilled Black Cod” ปลาคอดย่างเสิร์ฟพร้อมแอสพารากัสและ ‘ซอสเนยยูสุโคโช’ ที่รสชาติดีเลยทีเดียว ทว่าเมนูนี้จะเสิร์ฟในคอร์สมื้อกลางวันเท่านั้น

แล้วเชฟก็มีเมนูไฮไลต์เพื่อคนไม่กินเนื้อสัตว์ด้วย “Smoked Eggplant Tortellini (650 บาท)” ทอร์เทลลินีโฮมเมดแบบไม่ผสมไข่ ด้านในเป็นไส้มะเขือย่าง ราดกินคู่ซอสมะเขือเทศใส จานนี้ชาววีแกนต้องตามไปลอง หรืออีกเมนูที่น่าสั่งมากินคู่กัน “ราตาตุย (300 บาท)” กินร้อนๆ แล้วได้รสผักที่หวานและอบจนเปื่อยนุ่ม

สำหรับใครที่อยากตามไปลองจะเลือกสั่งเป็นเซ็ตมื้อกลางวันดูก็ได้ เริ่มต้นที่ราคา 2 คอร์ส 950 บาท (ไม่รวมของหวาน) หรือจะสั่งเมนูอะลาคาร์ทมาชิมเองก็ไม่มีปัญหา

Penthouse Bar+Grill เปิดทุกวัน มื้อกลางวัน 12:00 - 15:00 น. และ มื้อเย็น 17:30 - 00:00 น.  สอบถามโทร 02011 7480

Kenika Ruaytanapanich
เขียนโดย
Kenika Ruaytanapanich

รายละเอียด

ที่อยู่
ชั้น 34 - 36
Park Hyatt Bangkok
88 ถ. วิทยุ แขวง ลุมพินี เขตปทุมวัน
กรุงเทพมหานคร
10330
การโฆษณา
เรื่องน่าสนใจอื่นๆ ที่คุณน่าจะชอบ