Red Lobster

  • Restaurants
  • คลองเตย
  1. Red Lobster
    Tanisorn Vongsoontorn
  2. Red Lobster
    Tanisorn Vongsoontorn
  3. Red Lobster
    Tanisorn Vongsoontorn
  4. Red Lobster
    Tanisorn Vongsoontorn
  5. Red Lobster
    Tanisorn Vongsoontorn
  6. Red Lobster
    Tanisorn Vongsoontorn
  7. Red Lobster
    Tanisorn Vongsoontorn
  8. Red Lobster
    Tanisorn Vongsoontorn
  9. Red Lobster
    Tanisorn Vongsoontorn
  10. Red Lobster
    Tanisorn Vongsoontorn
การโฆษณา

Time Out พูดว่า

เรียกความคึกคักให้วงการอาหารบ้านเราพอสมควร กับการเปิดสาขาแรกในไทยของ Red Lobster เชนร้านอาหารซีฟู้ดในตำนานจากอเมริกา ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์โฉมใหม่ พร้อมเสิร์ฟล็อบสเตอร์ ซีฟู้ด และคอมฟอร์ทฟู้ดสไตล์อเมริกัน ที่ไม่ว่าคุณจะเคยชิมอาหารจากร้านนี้มาแล้วในสาขาประเทศแม่หรือไม่เคยก็สามารถเข้าใจได้ง่ายไม่ซับซ้อน

Lobster ถือว่าเป็นหนึ่งในร้านอาหารสามัญประจำบ้านของชาวอเมริกัน โดยเฉพาะเวลาที่อยากไปกินข้าวนอกบ้านในโอกาสพิเศษ ซึ่งแน่นอนว่าการตกแต่งร้านก็สะท้อนเส้นทางยาวนานของแบรนด์ด้วยสไตล์คลาสสิคและวัสดุไม้ แต่ Red Lobster ที่เมืองไทยถูกแปลงโฉมให้โมเดิร์นมากยิ่งขึ้นอีกนิด เน้นการใช้เส้นสายและโทนสีที่ได้แรงบันดาลใจมาจากท้องทะเล เติมความสนุกด้วยป้ายไฟนีออนวเชิญชวน

ในส่วนของอาหาร แน่นอนว่าต้องเริ่มที่ไฮไลต์อย่างล็อบเสตอร์ มีให้เลือกสั่งสองประเภทใหญ่ๆ คือแบบทั้งตัวไลฟ์ เมน ล็อบสเตอร์ นำเข้าจากแคนาดา เลือกสั่งได้แบบรสออริจินัลราคา 1,350 บาท และ 1,850 บาท ถ้าอยากเพิ่มรสชาติด้วยซอสเทอร์มิดอร์ อีกแบบคือ ดูโอ้ ล็อบสเตอร์เทล ราคา 1,550 บาท ส่วนหางล็อบสเตอร์เสิรฟ์ทั้งแบบออริจินัลและซอสเทอร์มินอลในจานเดียว — และความพิเศษของสาขาที่ไทยที่เราไปกระซิบถามมา คือจะมีน้ำจิ้มซีฟู้ดให้บริการด้วย เพื่อให้ถูกปากชาวเรา

เราได้ลองทั้งสองแบบแล้ว ความแตกต่างของทั้ง 2 แบบที่พอจะบอกได้คือ ไลฟ์ เมน ล็อบสเตอร์ จะเนื้อแน่น เด้ง สู้ฟัน แต่ถ้าเป็นแบบล็อบสเตอร์เทลจะมีความนุ่ม ลื่น มากกว่าระดับหนึ่ง

แต่อีกอย่างที่ต้องกระซิบบอกดังๆ คือราคาเมนูล็อบสเตอร์อาจมีเปลียนแปลงตามน้ำหนักและฤดูกาล ดังนั้นอาจต้องเช็คก่อนสั่งอีกที รวมถึงซอสที่เสิร์ฟมาจะเป็นแค่ซอสเนย ความเลี่ยนอาจจะมาจอยโต๊ะได้ในทันที ถ้าอยากเปลี่ยนรสชาติลองขอน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบไทยๆ ของร้านที่ทำได้ดีครบรสจากพนักงานได้

ด้วยความเป็นแบรนด์อเมริกัน อาหารที่นี่เลยจะเสิร์ฟมาในจานที่ใหญ่แบบสามารถแชร์ทั้งโต๊ะได้สบายๆ เช่นพวก อัลกลิโอ โอลิโอ สปาเก็ตตี้ผัดพริกกระเทียม ให้รสเผ็ดร้อนตัดเลี่ยนได้ดี ราคา 1,620 บาท และ 1,120 บาท แตกต่างตามชนิดของล็อบสเตอร์ หรือจานแชร์ประเภทแกรนด์ กริลด์ ฟีสท์ ราคา 1,750 บาท ที่แน่นไปด้วยซีฟู้ดย่างทั้งล็อบสเตอร์เทล แซลมอน และกุ้งเสียบไม้ มีฝรั่งอบและหน่อไม้ฝรั่งเป็นเครื่องเคียง

แต่ที่ต้องพูดถึงและตอบสิ่งที่หลายคนกำลังสงสัยคือเชดดาร์ เบย์ บิสกิต บิสกิตชุ่มเนยและชีสอบร้อนๆ เมนูที่ทำให้ Red Lobster ดังกระฉ่อน ที่จะเสิร์ฟให้ฟรีทันทีเมื่อคุณนั่งโต๊ะ แต่ถ้าติดใจและอยากได้เพิ่มสามารถสั่งได้ราคาชิ้นละ 35 บาท ไม่มีเสิร์ฟไม่อั้นจนกว่าจะอิ่มแบบที่สาขาประเทศแม่

ส่วนเมนูเครื่องดื่มก็ถือว่ามาครบ พ่วงด้วยสายแอลกอฮอล์ ทั้งไวน์ เบียร์ และค็อกเทล ที่อย่างหลังเรียกว่าพอสั่งมากินสนุกๆ ได้ เพราะเน้นความรีเฟรชชิ่งด้วยผลไม้เป็นหลัก

จากปริมาณอาหารที่เยอะและคาร์บแบบจัดเต็ม จนเกือบจะขอข้ามของหวาน แต่พอได้ลองชิมทั้ง 3 เมนูอย่าง ซิกเนเจอร์ สตอว์เบอร์รี่ ชอร์ทเค้ก (ราคา 250 บาท) วอลนัท ชีสเค้ก แฟลมเบ (ราคา 280 บาท) และ ทริปเปิ้ล ช็อกโกแลต ครั้นชี่ เค้ก (ราคา 220 บาท) ที่ทำได้ดีตรงตามมาตรฐานเด็กอ้วนแล้วรู้สึกดีใจที่ไม่ขอข้าม คุ้มค่าความอ้วนแน่นอน ถ้าใครจะไปตามรอยแนะนำว่าเผื่อพื้นที่ท้องไว้ของหวานกันด้วยนะ

ใครที่ไม่เคยลองรสชาติของ Red Lobster มาก่อน การไปลองในสาขาแรกของประเทศไทย ก็น่าจะไม่ต่างอะไรจากสาขาต้นตำรับ เพราะทีมครัวและระบบทุกอย่างมาจากสาขาแม่ทั้งสิ้น โดยเฉพาะการตอบโจทย์ใหญ่สุดของร้าน ที่ต้องการให้คนเข้าถึงอาหารซีฟู้ดคุณภาพดีในราคาที่พอจะเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์ แต่สำหรับในเมืองไทยการจะขึ้นแท่นร้านสามัญประจำบ้านเหมือนที่อเมริกาอาจจะต้องรอดูอีกสักพักใหญ่

Aekkachai Suttiyangyuen
เขียนโดย
Aekkachai Suttiyangyuen

รายละเอียด

ที่อยู่
Queen Sirikit National Convention Center
Ratchadapisek Road
Bangkok
การโฆษณา
เรื่องน่าสนใจอื่นๆ ที่คุณน่าจะชอบ