รวมร้านอาหารและคาเฟ่อร่อยเด็ด น่าลอง ใน Siam Square One

อีกหนึ่งสาขาของร้านอาหารฟิวชั่นออร์แกนิกชื่อดังจาก เชียงใหม่ ที่กระแสตอบรับดีมากตั้งแต่เปิดสาขาแรกในกรุงเทพฯ ที่สยามสแควร์ ซอย 7 มาจนถึงสาขานี้ที่ยังคงคอนเซ็ปต์ความเป็นธรรมชาติ ด้วยการตกแต่งแบบโมเดิร์นลอฟต์ คุมสีเอิร์ธโทนให้อบอุ่น มีชุดเฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นพระเอก เคียงคู่มากับต้นไม้ที่ประดับตามมุมต่างๆ ของร้าน ส่วนเมนูอาหารก็มีให้เลือกเยอะมากไม่ได้มีเฉพาะเมนูผักล้วนเอาใจสายสุขภาพ แต่มีเมนูที่ครีเอตให้กินง่ายได้ทุกวัย อาทิ สลัดเต้าหู้แซลมอนสาหร่ายสามชนิด (245 บาท) ซุปเห็ดสามอย่าง (65 บาท) และ เลดี้ซี่โครงอ่อนซอสเชียงใหม่ (525 บาท)

ร้านอาหารและเบเกอรี่เจ้าดังในย่านถนนบำรุงเมืองที่เป็นผู้คิดค้นเมนูเค้กและเครปเค้กชาไทยจนโด่งดังอย่างมากในช่วงประมาณ 10 ปีที่แล้ว ได้เปิดอีกหนึ่งสาขาใจกลางเมืองที่ศูนย์การค้า Siam Square One เพื่อมอบความสุขให้กับวัยรุ่นและวัยเลยรุ่นในย่านนี้ โดยยังคงคอนเซ็ปต์อาหารไทยและเบเกอรี่แบบทานง่ายๆ ที่ผสมผสานกับวัฒนธรรมอาหารของฝั่งตะวันตก มีเมนูที่ต้องสั่งเมื่อไปเยือน ได้แก่ ส้มตำขาหมู (195 บาท) ไก่ผัดเผ็ดกะทิสด (145 บาท) และเครปเค้กชาไทย (120 บาท)

ร้านโรลสไตล์อเมริกัน สูตรต้นตำรับจากอเมริกา ที่เลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพอย่างล็อบสเตอร์จากรัฐเมน อันเป็นแหล่งที่ได้ชื่อว่าเนื้อแน่นและหวานที่สุดในโลก โดยเลือกใช้เฉพาะส่วนก้ามและข้อมาทำ Lobster Roll เท่านั้น เพราะเป็นเนื้อที่นุ่มและอร่อยที่สุดของล็อบสเตอร์ และแน่นอนว่าเมนูเด็ดที่ห้ามพลาดของร้านนี้ก็คือ Lobster Roll ( เริ่มต้น 290 บาท) โรลล็อบสเตอร์เนื้อแน่น มีให้เลือกหลายไซส์ หรือจะเลือกสั่งแบบเต็มชิ้นหรือครึ่งชิ้นก็ได้ (คล้ายๆ ร้าน Subway) รวมถึงเพิ่มเห็ดทรัฟเฟิลหอมๆ โรยด้านบนในราคาตั้งแต่ 70 บาทก็ได้เช่นกัน

ร้านก๋วยเตี๋ยวราคาเบาๆ ถูกใจนักเรียนและนักศึกษา กับบรรยากาศการตกแต่งร้านเรียบง่ายเป็นกันเอง คุมโทนสีขาวดำแดง เหมาะมากินกันตามสไตล์เพื่อนฝูงนัดเจอกัน หรือจะทานพร้อมหน้ากันแบบครอบครัวก็ดีไม่น้อย ราคาเริ่มต้นเพียงแค่หลักสิบเท่านั้น เมนูจานเด่นของร้านนั้นแน่นอนว่าหนีไม่พ้นก๋วยเตี๋ยวต้มยำหลายแบบที่ทางร้านครีเอตขึ้นเอง ได้แก่ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำตำลึงไข่ยางมะตูม (65 บาท) มาม่าต้มยำชีสหม้อไฟ (119 บาท) และบะหมี่ต้มยำไก่ทอดไข่ยางมะตูม (75 บาท)

บุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นสุดพรีเมี่ยมยอดนิยม ที่มีเซ็ตเมนูราคาที่แตกต่างกันให้เลือกหลากหลายโปรโมชั่น เต็มอิ่มในระยะเวลา 90-120 นาทีกันเลย ซึ่งเหตุผลที่ทำให้ร้านนี้เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นในดวงใจใครหลายคนก็น่าจะเป็นเพราะความฟู่ฟ่าของบรรดาเมนูจากแซลมอน อาหารญี่ปุ่นสุดฮิต และเมนูอื่นๆ รวมกว่า 50 เมนู อาทิ แซลมอนซาชิมิ โรลแซลมอนภูเขาไฟ โรลแซลมอนไส้กุ้งซอสลาวากระทะร้อน สลัดหนังปลาแซลมอน กุ้งทอดราดซอสวาซาบิ ข้าวปั้นหน้าโบตันฟัวกราส์ สลัดเนื้อปูซูไว มันปูย่าง เนื้อวากิวย่างใบโฮบะ ฯลฯ ซึ่งคนที่เคยกินแล้วต่างก็บอกว่าอาหารสด คุ้มค่าคุ้มราคาที่เสียไป นับว่าเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ดีสำหรับคนที่รักอาหารญี่ปุ่น

ร้านอาหารเพื่อสุขภาพขนาดกะทัดรัด หาไม่ยาก เพียงเดินขึ้นบันไดเลื่อนจากสตาร์บักส์ติดทางเชื่อม BTS ขึ้นมาก็จะเจอ ร้านนี้โดดเด่นด้วยเมนูสลัด ยำ ข้าวหน้าปลา และเมนูมังสวิรัติ ที่ใส่ความเป็นไทยเข้าไปผ่านน้ำจิ้มต่างๆ ได้แก่ น้ำลาบ น้ำยำ หรือน้ำปลาร้าแซ่บ โดยเลือกใช้วัตถุดิบดี อาทิ แซลมอนนำเข้าจากนอร์เวย์ ข้าวญี่ปุ่นผสมกับข้าวไรซ์เบอรี่หุงพิเศษ ขณะที่ผักก็ยังเป็นผักสดปลอดสารจากโครงการหลวงอีกด้วย เมนูเด่นๆ ที่เราคิดว่าควรจะลองกันคือ ข้าวหน้าแซลมอน (179 บาท) และ ยำขนมจีนปลาซาบะดอง (189 บาท)

ร้านคาเฟ่ขนมจากจังหวัดเชียงใหม่ที่มีเอกลักษณ์ด้วยเมนูดับร้อนอย่างโฮมเมดบิงซูฟิวชั่นใส่ความเป็นไทยลงไป โดยแม้ตัวร้านจะอยู่ในสเปซขนาดเล็กที่มีพื้นที่จำกัด แต่ก็มีการออกแบบอินทีเรียภายในอย่างมีชั้นเชิงเพื่อตอบโจทย์ความมีชีวิตชีวาสมกับชื่อร้าน ไม่ว่าจะเป็นการทำซุ้มประตูทางเข้าให้มีรูปทรงโค้งมนคล้ายเกลียวคลื่น ดูลื่นใหล หรือ การใช้สีเอิร์ธโทนขาว-น้ำตาล ควบคู่ไปกับเฟอร์นิเจอร์ไม้สไตล์มินิมอล บรรยากาศโดยรวมจึงออกมาน่านั่งสุดๆ ขณะที่เมนูของหวานก็ไม่ต่างจากที่เชียงใหม่มาก แนะนำให้ลอง Salty Egg Yolk Bua-Loi Bingsu (245 บาท) บิงซูน้ำแข็งนมผสมกับเนื้อมะพร้าวอ่อนโรยเม็ดบัวลอยหลากสี หรือ บิงซูลอดช่องอินทนิล (245 บาท) การรวมตัวของขนมไทยหากินยากอย่างลอดช่องน้ำตาลสดและขนมอินทนิลในรูปแบบบิงซู

คาเฟ่แห่งนี้โดดเด่นด้วยเรื่องงานดีไซน์ อัดแน่นไปด้วยดอกไม้สีชมพู สีม่วง และสีขาวห้อยระย้าเหมือนหลุดเข้าไปในสวนยังไงยังงั้น แถมเข้ากันกับผนังสีชมพู และไฟนีออนชมพูที่นำมาเป็นชื่อร้าน ขณะที่เครื่องดื่มของที่นี่จะไม่ได้เน้นกาแฟ แต่มุ่งไปที่ความแฟนซีจัดเต็มเรื่องการตกแต่งแก้ว และการออกแบบเมนู อย่าง Violatte (140 บาท) ที่ใช้มันม่วงจับคู่กับครีมชีส และมีดอกไม้ประดับมาด้านบน ส่วน Sakura Breeze (150 บาท) ก็นำความหอมหวานของดอกซากุระมาจับคู่กับกะทิ

ต้นตำรับปูผัดผงกะหรี่สูตรพิเศษที่มีอายุกว่า 50 ปี จากสาขาแรกบนถนนบรรทัดทอง สู่หลายสาขารวมถึงสาขาในห้างสรรพสินค้าอย่างในปัจจุบัน โดยเมนูเด่นประจำร้านก็จะเป็นอาหารซีฟู้ด ที่ใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา ในราคาที่สมเหตุสมผล พร้อมรักษามาตรฐานความอร่อยและคุณภาพไว้อย่างคงที่ตลอด โดยเมนูห้ามพลาดนอกจากปูผัดผงกะหรี่ก็ได้แก่ ต้มยำกุ้ง กุ้งอบวุ้นเส้นหม้อดิน และกั้งทอดกระเทียม นอกเหนือจากอาหารไทยเหล่านี้แล้วยังมีบริการอาหารจีนอีกด้วยเช่นกัน

ราเมงน้องเต่า ร้านชื่อดังจากโอซาก้า กับหลากหลายเมนูให้เลือก มีทั้งน้ำซุปกระดูกหมู น้ำซุปโชยุ ซุปเกลือ มิโสะ แกงกะหรี่และแบบแห้ง พร้อมด้วยเมนูทีเด็ดอย่างหมูชาชูย่างและกระดูกหมูอ่อนย่างไซซ์ยักษ์เนื้อนุ่มที่ทำรสชาติออกมาได้ดีเยี่ยม มีเมนูขายดีอันดับหนึ่งเลยคือ Kio Ramen (240 บาท) ราเมนซุปกระดูกหมูรสนุ่มนวลพร้อมด้วยหมูชาชูย่างรสเยี่ยมและไข่ต้มเยิ้มๆ

แบรนด์ไก่ทอดคาราอาเกะชื่อดังจากญี่ปุ่นที่มีสาขาในญี่ปุ่นกว่า 30 สาขา พร้อมด้วยสาขาในต่างประเทศอีก 5 ประเทศ รวมถึงในบ้านเรา ไก่ทอดของที่นี่นั้นเขาการันตีว่าไม่ใช้สารเร่งฮอร์โมน ทำให้คนกินสบายใจได้ว่ากินแค่ไหนก็ปลอดภัย ส่วนความอร่อยนั้นยืนยันได้จากคุณภาพเครื่องปรุงที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นเกือบทั้งหมด เตาทอดตามมาตรฐานเจแปนนิส กระทั่งผักสดที่ใช้เสิร์ฟก็ต้องผ่านการอนุมัติจากบริษัทแม่ในประเทศญี่ปุ่น ทั้งหมดก็เพื่อไก่ทอดที่กรอบนอกฉ่ำในตั้งแต่ชิ้นแรกจวบจนชิ้นสุดท้ายของวัน และถึงจะเป็นร้านไก่ทอดแต่เรื่องความหลากหลายของเมนูก็ไม่เบาเลยทีเดียว เมนูเด่นของร้านมีทั้ง ไก่ทอดคาราอาเกะสูตรต้นตำรับ (35 บาท/ชิ้น) เซ็ตข้าวไก่ทอดคารายามะ (189 บาท) แซนวิชไก่ทอดโกกุซอสงากระเทียม (169 บาท) และเมนูหมุนเวียนตามฤดูกาลอีกเพียบ

คาเฟ่ขนมหวานของนักแสดงสาว ออม-สุชาร์ มานะยิ่ง เสิร์ฟเบบี้แพนเค้กสไตล์เยอรมันที่มีกลื่นอายของความเป็นเกาหลีนิดๆ โดยเมนูแต่ละจานนอกจากจะอร่อยแล้ว ยังหน้าตาน่ารักน่าถ่ายรูปอีกต่างหาก เริ่มต้นด้วย Korean Banana Milky Way Dutch Baby (245 บาท) ท็อปด้วยไอศกรีมวนิลา ครัมเบิ้ล กล้วย ราดด้วยนมกล้วยสไตล์เกาหลี อีกจานคือ soufflé pancake (195 บาท) แพนเค้กหนานุ่มเสิร์ฟกับเนยที่ให้รสเค็มนิดๆ 

ร้านชาบูบรรยากาศเท่ๆ เก๋ไก๋ไม่ซ้ำใคร ด้วยการตกแต่งอันเป็นเอกลักษณ์ จากคอนเซ็ปต์ของร้านที่ว่า ‘Hell of the Hot Pot นำบาปมาแลกความอร่อย’ ทั่วทั้งร้านจึงเต็มไปด้วยโซ่ตรวนจำนวนมากกับชุดโต๊ะเก้าอี้และอุปกรณ์การกินคุมโทนสีขาวดำ ทำให้เหมือนเราอยู่ในห้วงแห่งบาปหม่นๆ ส่วนชื่อร้านนั้นก็มาจากความหลากหลายของน้ำซุปสูตรลับเฉพาะที่มีให้เลือกถึง 7 แบบ โดยน้ำซุปที่ขึ้นชื่อก็คือน้ำซุปหมาล่า (ทางร้านเรียกว่า Envy) พร้อมด้วยน้ำจิ้มสูตรเด็ดอีก 7 ชนิดที่จะช่วยปลุกสัญชาตญาณความอร่อยให้กับมื้ออาหารของเรา ขณะที่เนื้อสัตว์ก็มีให้เลือกกินกว่า 80 อย่าง เริ่มต้นที่จานละ 89 บาท พร้อมตัวเลือกเครื่องดื่มสุดคุ้มทั้ง รีฟิลน้ำและไอศกรีม (99 บาท) หรือรีฟิลน้ำอย่างเดียว (69 บาท)

คาเฟ่สไตล์ไต้หวันชื่อดังจากเชียงใหม่ในลักษณะบาร์ป๊อปอัปที่เน้นให้ซื้อถือไปกินกันเพลินๆ มีซิกเนเจอร์อยู่ที่ไข่มุกเคี่ยวน้ำตาลทรายแดงสูตรพิเศษ เข้ากันได้ดีกับทั้งชา ชาชีส และกาแฟ ทุกเมนู โดยมีเมนูแนะนำคือ Fresh Milk (60 บาท) นมสดไม่เติมความหวานทำให้เราได้สัมผัสรสชาติและความหอมของไข่มุกได้แบบเต็มๆ และ Peach tea with rainbow bubble (80 บาท) ชาพีชสีใสมาพร้อมไข่มุกที่ทำจากบุกจึงมีแคลลอรี่น้อยกว่า เหมาะสำหรับสายสุขภาพอย่างยิ่ง นอกจากเหนือจากพวกเมนูชานมแล้ว ที่สาขานี้ยังมีเมนูขนมปัง Taiwan With Bubble Toast (59 บาท) ขนมปังปิ้งหน้าเนยคัสตาร์ด โปะไข่มุกร้อนๆ ด้านบน รสชาติอร่อยแปลกใหม่อีกด้วย

สาขาที่สองของร้านสมูธตี้โบวล์ย่านทองหล่อ ในลักษณะป๊อปอัปบาร์ ตกแต่งด้วยสไตล์ฮาวาย มุงหลังคาใบจาก เน้นสีสันสดใสแบบซัมเมอร์​ มีเมนูแนะนำคือ Acai Softserve (150 บาท) ไอศกรีมอาซาอิเบอร์รี่พร้อมกราโนล่าฟรี 1 อย่าง ที่ให้ทั้งพลังงานและความสดชื่นแบบสุขภาพดี HALEIWA Bowl (275 และ 420 บาท) ที่เป็นอาซาอิสมูทตี้ท็อปปิ้งด้วยกราโนล่าและผลไม้หลายชนิดทั้งเฮลตี้แถมยังอิ่มท้อง และไม่เพียงเท่านั้นทางร้านยังมีเครื่องดื่มอย่าง Iced Latte (130 บาท) ที่ใช้กาแฟนำเข้าจาก Hawaii และน้ำผลไม้เมนูชื่อว่า Restart (120 บาท) รสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ ที่ดื่มแล้วสดชื่นรีสตาร์ตสมชื่อจริงๆ