That fat kid Buddy

  • Restaurants
  • เย็นอากาศ
  • แนะนำ
  1. That fat kid Buddy
    Photograph: Tanisorn VongsoontornThat fat kid Buddy
  2. That fat kid Buddy
    Photograph: Tanisorn VongsoontornThat fat kid Buddy
  3. That fat kid Buddy
    Photograph: Tanisorn VongsoontornThat fat kid Buddy
การโฆษณา

Time Out พูดว่า

หลายคนอาจจะเคยชิมฝีมือของ ‘เชฟบัดดี้-ถมธนัตถ์ หทโยดม’ มาแล้วจากร้านผัดกะเพรา Easy Buddy หรือร้านข้าวมันไก่ หุง สองร้านอาหารที่ยกระดับเมนูคุ้นปากคนไทยด้วยเทคนิคการปรุงที่ทันสมัยและวัตถุดิบชั้นดี แต่อาหารที่เราจะได้ชิมในเวอร์ชั่น Chef’s Table ที่ That fat kid Buddy จะต่างออกไป เพราะเชฟบัดดี้ได้ใส่ความเป็นตัวเองลงไปอย่างเต็มที่ในทุกๆ คอร์ส ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘เด็กอ้วน’

ถามว่าเด็กอ้วนคือใคร? ก็คือเชฟบัดดี้นั่นแหละ สมัยเด็กๆ เชฟคือตัวตึงยืนหนึ่งเรื่องการกินจนเป็นเด็กอ้วน – พูดให้ดูดีก็คือการเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพื่อมาเป็นเชฟที่ดีในวันนี้ เพราะเราจะได้ชิมของอร่อยจากความทรงจำวัยเด็กของเชฟที่มีความฟิวชั่นกันหลายสัญชาติทั้งไทย จีน ญี่ปุ่น และฝรั่งต่างๆ เอาง่ายๆ คือเชฟกินอะไรแล้วอร่อย เราก็จะได้กินด้วย ฟีลเพื่อนเด็กอ้วนชวนไปกินของอร่อยๆ

ก่อนเข้าเรื่องอาหาร ขอชมก่อนว่าเชฟแต่งร้านได้น่ารักมาก นี่คือร้านโฉมใหม่ที่เพิ่งปรับเปลี่ยนเมื่อช่วงต้นปี เน้นตกแต่งด้วยไม้สีน้ำตาลเข้มตัดกับผนังและม่านสีครีม แซมด้วยลวดลายและสีสันสดใส น่ารักๆ ของเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งชิ้นเล็กชิ้นน้อย มีกลิ่นอายมิดเซนจูรี่โมเดิร์น เดินเข้าร้านแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่น เป็นกันเอง สบายๆ

มื้อนี้เชฟเด็กอ้วนจะเสิร์ฟของอร่อยให้ชิมทั้งหมด 6 คอร์ส แต่ก่อนจะเริ่มเสิร์ฟคอร์สแรกต้องผ่านจานเรียกน้ำย่อยก่อนเป็น ‘เฟรนช์ฟรายกับไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ’ เชฟบอกให้ใช้มันฝรั่งทอดจิ้มไอศกรีมกินได้เลย ต่อด้วยสแน็กที่เชฟจะเสิร์ฟมา 4 คำ ใช้วัตถุดิบหลากหลายทั้งกุ้งญี่ปุ่น ตับไก่บด ปลาหมึก รวมถึงผลไม้อย่างมะพร้าวและส้มยูสุ และจบการเรียกน้ำย่อยด้วยเมนูพิเศษอย่าง Uni Ice Cream Sanwich เสิร์ฟเป็นไอศกรีมบราวน์บัตเตอร์โชยุโปะอูนิชิ้นใหญ่ๆ

เชฟบอกว่าเฟรนช์ฟรายกับไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟที่เสิร์ฟมาเป็นอย่างแรกถือเป็นการแนะนำให้เรารู้จักอาหารฉบับเด็กอ้วน เพราะองค์ประกอบของมันคือ ความเย็น ความหวานมัน และของทอด ซึ่งทั้งหมดเป็นเหมือนหัวใจสำคัญของอาหารทุกคอร์สที่จะตามมาหลังจากนี้

สำหรับ 3 คอร์สแรกเชฟจะใส่เมนูมาให้เลือกคอร์สละ 3 เมนู เผื่อใครเป็นลูกค้าประจำอยากแวะมาบ่อยๆ จะได้ลองเมนูใหม่ๆ และมื้อนี้คอร์สแรกเราเลือกเป็นปลาแบล็กค็อดย่างเสิร์ฟบนข้าวเหนียวผัดเห็ด แรงบันดาลใจคือข้าวเหนียวหมูทอดร้านโปรดสมัยเชฟเด็กๆ ที่มัดใจเชฟด้วยน้ำจิ้มหวานๆ เชฟเลยตั้งใจปรุงรสชาติให้ออกไปทางนั้นโดยนำปลาไปหมักน้ำหมูแดงก่อนย่างบนเตาถ่าน ราดน้ำพะโล้ทรัฟฟเฟิลเพิ่มความหอม เสิร์ฟคู่กับเจลพริกน้ำส้ม

คอร์สที่ 2 เราเลือกเป็น Bonito Ramen with Kinki ราเมงเส้นสดในซุปกระดูกปลาเสิร์ฟคู่ปลาคิงกิราดน้ำมัน ที่มาของราเมงชามนี้คือ ช่วงล็อกดาวน์เชฟพยายามทำราเมงซุปกระดูกหมู แต่ไม่ชอบรสชาติสักที เลยลองเอาก้างปลาที่เหลือจากเมนูปลาดิบต่างๆ มาย่างแล้วตุ๋นทำน้ำซุปแทน ปรากฏว่าอร่อยและหอมกว่า ตอนนั้นเชฟเติมครีมลงไปแล้วกินกับอุด้ง แต่ซุปเวอร์ชั่นนี้เชฟลดครีมลงเพื่อความคลีน แต่ยังมีรสสัมผัสที่เข้มข้นอยู่ ส่วนรสชาติก็กลมกล่อมจนต้องซดให้เกลี้ยงชาม

ต่อด้วยคอร์ส 3 ที่เราเลือกเป็น Spicy Candied Peanut Ceviche ดาวเด่นของจานนี้คือปลาชิมาอาจิ มาพร้อมความจี๊ดจ๊าดของยำถั่วตัดที่เชฟเอาไปทำเป็นน้ำยำและปั่นเป็นไอศกรีม บาลานซ์รสชาติด้วยผักกาดฮีนและปลาเงินทอด

หลังจากเล่นสนุกใน 3 คอร์สแรกอย่างเต็มที่ เชฟเลือกเสิร์ฟเมนคอร์สแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน เป็นสเต๊กที่ใช้เนื้อชั้นดี ปรุงอย่างถูกวิธี เสิร์ฟคู่มันฝรั่งบดเนื้อเนียนๆ เนยเยอะๆ และจูส์ที่มีความกลอสซี่แบบที่เห็นแล้วน้ำลายไหล และคอร์สนี้มีเซอร์ไพรส์ที่เสิร์ฟมาคู่กันซึ่งแน่นอนว่าเราจะให้ทุกคนดูรูปและเดากันเอาเองว่าคืออะไร (เดี๋ยวไม่เซอร์ไพรส์) พอจบเมนคอร์สก็ล้างปากด้วย Got any Grapes? ที่เป็นไอศกรีมรสองุ่น กินแล้วภาพซองสีม่วงของเจลลี่ยี่ห้อดังจะลอยขึ้นมาทันที

ตบท้ายด้วยของหวานแบบน่ารักๆ เป็นพานนาคอตตาน้ำเต้าหู้ที่เชฟนำไปอัดไนโตรเจนให้ฟูแล้วฟรีซในไนโตรเจนเหลว รสชาติออกมันๆ หวานนิดหน่อย เท็กซ์เจอร์กรุบๆ เคี้ยวเพลิน มีท็อปปิ้งให้เลือกหลายอย่าง เช่น สตรอว์เบอร์รี่ พิสตาชิโอ อัลมอนด์ ราดช็อกโกแล็ตแล้วเสิร์ฟตอกย้ำความเป็นเด็กอ้วนจนคอร์สสุดท้าย

เขียนโดย
Time Out Bangkok editors

รายละเอียด

ที่อยู่
ซอยเย็นอากาศ 2 แยก 1
กรุงเทพมหานคร
เปิดบริการ
Open Wed-Fri for dinner; Sat-Sun for lunch and dinner
การโฆษณา
เรื่องน่าสนใจอื่นๆ ที่คุณน่าจะชอบ