The Never Ending Summer

The Never Ending Summer นำเอาเสน่ห์แห่งฤดูร้อนมาบรรจบกับรสชาติของอาหารไทยแบบต้นตำรับได้อย่างลงตัว ภายใต้โครงสร้างร้านแบบโกดังหลังคาสูงโปร่งซึ่งบูรณะขึ้นจากโรงนํ้าแข็งเก่าริมแม่นํ้าเจ้าพระยาที่ปิดร้างมานานราว 40 ปี โดยฝีมือการออกแบบและการบริหารของสถาปนิกชื่อดัง ดวงฤทธิ์ บุนนาค ที่นำความชื่นชอบอาหารไทยแบบส่วนตัวมาสร้างสรรค์เป็นเมนูของร้าน

ร้านแห่งนี้เป็นหนึ่งในโครงการ The Jam Factory ที่ประกอบด้วยร้านหนังสือและคาเฟ่ Candide ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ Anyroom ตลอดจนแกลเลอรีศิลปะและออฟฟิศของเขาเอง บอกตรงๆ ว่ารายการอาหารแต่ละอย่างของ The Never Ending Summer ไม่ได้เว่อร์วังอลังการ แต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นอาหารไทยที่เราคุ้นเคยดี อาทิ ห่อหมก ไข่พะโล้ แกงส้ม ต้มยำ ผัดผัก และนํ้าพริกต่างๆ หากแต่ความพิเศษอยู่ที่ความใส่ใจในขั้นตอนการปรุง เลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพดี และรักษารสชาติไม่ให้ผิดเพี้ยนไปจากอาหารไทยต้นตำรับ ที่สำคัญคือมีอาหารไทยโบราณที่หารับประทานยากให้คนรุ่นใหม่ (ที่อาจส่ายหน้าว่าไม่เคยได้ยิน) ให้ได้ลิ้มลองตั้งแต่ ม้าฮ่อ ปลาแห้งแตงโม สายบัวผัดกะปิ ไข่เจียวดอกโสน จนถึงนํ้าพริกตะลิงปลิงปลาสลิดทอด และนํ้าพริกมะดันหมูหวาน ซึ่งนํ้าพริกสองถ้วยหลังเสิร์ฟพร้อมผักสดหน้าตาแปลกๆ สารพัดชนิด เช่น ผักปลัง ผักพาย ผักกูดนํ้าอกชมจันทร์ ใบบัวบก และมะแว้ง (จะเล่นเกมทายชื่อผักระหว่างกินก็ไม่ว่ากัน)

เมนูแต่ละจานในร้านทำอย่างจริงจัง (และจริงใจ) ยกตัวอย่าง พะโล้โบราณที่ไม่ได้ใช้โป๊ยกั๊กและเครื่องเทศจีนเลย หรือข้าวซอยไก่ก็ใช้พริกแกงจากเชียงใหม่ กระทั่งนํ้าสมุนไพรต่างๆ ก็ชงจากสมุนไพรธรรมชาติจริงๆ ไม่มีสำเร็จรูป ความธรรมดาที่ไม่ธรรมดาของอาหารนี่แหละคือความน่าหลงใหลของร้านอาหารแห่งนี้ เช่นเดียวกับบรรยากาศของร้านที่โปร่งโล่งสบาย ไร้กำแพงกั้น มีเพียงกระจกใสบานใหญ่ที่กั้นอยู่หน้าห้องครัว ให้เราได้เห็นขั้นตอนการเตรียมอาหารระหว่างนั่งรออย่างเพลินตา แต่ความเรียบง่ายก็แฝงไว้ด้วยความเก๋เท่ของกำแพงอิฐ ปูนเปลือย และคานไม้ใต้หลังคา ที่มาจากโครงสร้างเก่าแทบทั้งสิ้นตัดกับสีเขียวของพันธุ์ไม้เลื้อยที่แขวนไว้เป็นหย่อมๆ สะท้อนถึงความรื่นรมย์ในเหมันต์ฤดูที่ไม่เคยผ่านพ้นไป