Ma Rainey’s Black Bottom
Ma Rainey’s Black Bottom
Ma Rainey’s Black Bottom

16 ภาพยนตร์เข้าชิงรางวัล Oscars ในปี 2021 ที่หาชมได้บน Netflix

มาตามเก็บหนังชิงรางวัลกันดีกว่า

Kenika Ruaytanapanich
การโฆษณา

ในปีที่ผ่านมานี้เป็นที่รู้กันดีว่า 'โควิด' ทำให้หลายอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจนหัวหมุนไปตามๆ กัน แต่ละวงการต้องช่วยกันหาทางออกที่พอให้ทุกคนได้หายใจต่อไปพร้อมๆ กันได้ เช่นเดียวกับวงการภาพยนตร์ที่ในปีที่ผ่านมาไม่สามารถนำผลงานเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ได้เลย

แม้หลังๆ สถานการณ์จะดีขึ้น และมีผลงานบางเรื่องได้ขึ้นจอใหญ่สมจริง ทว่าเพื่อความแฟร์กับทุกคน ทีมผู้จัดงานประกาศรางวัลออสการ์ (Oscars) หรือองค์กร The Academy ก็มีการตั้งกฎใหม่ขึ้นมาเพื่อใช้ตัดสินรางวัลในปีน้โดยเฉพาะ ซึ่งก็คือ ภาพยนตร์ที่เข้าชิงไม่จำเป็นต้องฉายในโรงภาพยนตร์ก็ได้ เพียงแต่ว่าต้องเป็นภาพยนตร์ที่เคยมีแพลนจะฉายในโรงภาพยนตร์มาก่อน ทว่าได้รับผลกระทบจากโควิดทำให้ต้องยกเลิกไป ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้เห็น รายชื่อผู้เข้าชิงออสการ์ ปี 2021 มีผลงานหลายเรื่องที่ฉายบนสตรีมมิ่งออนไลน์ก็มีชื่อเข้าชิงรางวัล

ส่วนคนไหนที่อยากตามเก็บหนังชิงรางวัลย้อนหลัง เราก็ได้รวมหนังส่วนหนึ่งที่หาชมได้บน Netflix มาให้ตามไปชมกันได้แล้ว ข้างล่างนี้เลย

1. Mank

ภาพยนตร์ขาวดำ ผลงานกำกับของ เดวิด ฟินเชอร์ (David Fincher) ที่เขามีผลงานกำกับให้เห็นล่าสุดก็เมื่อปี 2014 กับเรื่อง Gone Girl สำหรับภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่เขากลับมากำกับอีกครั้ง และได้มีชื่อเข้าชิงออสการ์ถึง 10 สาขา (ว้าว!) ก็คือเรื่อง Mank 

หนังเรื่องนี้จะแฉเกี่ยวกับเบื้องหลังระหว่างการเขียนบทของ Herman J. Mankiewicz หรือ Mank ผู้อยู่เบื้องหลังบทภาพยนตร์ขาวดำชิ้นตำนานอย่าง Citizen Kane (1941) โดยนักแสดงนำ ได้แก่ แกรี่ โอลด์แมน (Gary Oldman) และ อะแมนดา ไซเฟร็ด (Amanda Seyfried)

Mank ชื่อเข้าชิงรางวัล 10 สาขา ได้แก่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม, นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม, เครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม, ดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, เสียงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, การออกแบบการผลิตยอดเยี่ยม, แต่งหน้าและทรงผมยอดเยี่ยม และ กำกับภาพยอดเยี่ยม 

2. The Trial of the Chicago 7

ภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นจากเรื่องจริง จากเหตุการณ์การประท้วงอย่างสันติเพื่อประชาธิปไตย ที่เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ เมื่อปี 1968 ก่อนการประท้วงครั้งนั้นจะกลายเป็นความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีการใช้กำลังจนมีคนบาดเจ็บหลายร้อย และแกนนำถูกจับกุมจนต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ทำให้การประท้วงครั้งนี้เป็นเหตุการณ์อันฉาวโฉ่ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์

หนังเรื่องนี้เขียนบทและกำกับโดย Aaron Sorkin นำแสดงโดย Eddie Redmayne, Alex Sharp, Sacha Baron Cohen และ Jeremy Strong

ภาพยนตร์มีชื่อเข้าชิง 6 รางวัล ได้แก่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม, ตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และ กำกับภาพยอดเยี่ยม

การโฆษณา

3. My Octopus Teacher

สารคดีใต้น้ำความยาว 1 ชั่วโมง 25 นาทีเรื่อง My Octopus Teacher ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาสารคดียอดเยี่ยม (Best Documentary) เชื่อว่าอาจด้วยเรื่องราวและความสวยงามของธรรมชาติที่เราทุกคนจะได้ชมผ่าน ชายคนหนึ่ง ที่ตกหลุมรักปลาหมึกและโลกใต้น้ำ

ผลงานเรื่องนี้กำกับและเขียนบทโดย Pippa Ehrlich และ James Reed ซึ่งกว่าจะออกมาเป็นหนังสารคดีชั่วโมงกว่าๆ ให้เราได้ชม พวกเขาใช้เวลาสร้างผลงานเรื่องนี้กันนานถึง 10 ปีเลยทีเดียว

4. The Midnight Sky

หนังแนวไซไฟแฟนตาซีเกี่ยวกับอวกาศ เป็นผลงานกำกับของ จอร์จ คลูนีย์ (George Clooney) นักแสดงที่ลงมาทั้งเล่นและกำกับหนังเรื่องนี้เองด้วย ส่วนบทเขียนอิงจากนวนิยายรางวัลเรื่อง Good Morning, Midnight ซึ่งทีมผู้เขียนบทก็คือ  Lily Brooks-Dalton และ Mark L. Smith ที่เคยร่วมเขียนบทในหนังรางวัลออสการ์ The Revenant (2015)

The Midnight Sky เป็นหนังเกี่ยวกับนักวิทยาศาสตร์ที่ประจำอยู่ที่อาร์กติก เขาต้องพยายามหาวิธีส่งข่าวไปให้นักบินอวกาศที่กำลังจะกลับมาโลกว่า โลกไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เข้าชิงรางวัลสาขา Best Visual Effects หรือเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม

การโฆษณา

5. Hillbilly Elegy

หนังเรื่องนี้สร้างอิงจากหนังสือขายดีที่เขียนขึ้นจากเรื่องจริงอีกทีหนึ่ง เป็นเรื่องของนักเรียนกฎหมายที่เติบโตจากชนบท ทว่ากลับสอบเข้า Yale มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศอเมริกาได้ แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ต้องกลับมาหาครอบครัวตัวเองที่เป็นเหมือนฝันร้ายในชีวิตอีกครั้ง

Hillbilly Elegy เป็นภาพยนตร์แนวดราม่า มีชื่อเข้าชิงรางวัลสาขา นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม และ แต่งหน้าและทรงผมยอดเยี่ยม

6. The Life Ahead

หนังสัญชาติอิตาลีเรื่องนี้ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมยอดเยี่ยมของฝรั่งเศส The Life Before Us (1975) ท่ีเขียนโดย Romain Gary โดยนำมาทำใหม่และมีฉากหลังอยู่ในประเทศอิตาลี เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับชีวิตและความหวังที่เล่าผ่านตัวละคร มาดามโรซ่า หญิงขายบริการที่ได้มาเจอกับ โมโมะ เด็กกำพร้าชาวมุสลิมที่มาขโมยของของเธอ

The Life Ahead มีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขา Best Original Song หรือเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม

การโฆษณา

7. Pieces of a Woman

หนังเรื่องนี้อาจได้เห็นผ่านตากันมาบ้างตั้งแต่เริ่มออกฉาย แต่อาจเพราะเนื้อเรื่องที่ดราม่าหนักหน่วงทำให้หลายคนไม่พร้อมเตรียมใจเปิดดู ทว่าผลงานเรื่องนี้ก็ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ไปมากโข

เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ตัดสินใจทำคลอดเองที่บ้าน ทว่าการทำคลอดกลับล้มเหลวและทารกก็เสียชีวิต เนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างแตกสลาย ทั้งเธอ สามี และคนรอบข้างที่ล้วนต้องเผชิญความรู้สึกสูญเสียจากเหตุการณ์นี้ หนังเป็นผลงานกำกับของ Kornél Mundruczó ผู้กำกับชาวฮังการี นำแสดงโดย Vanessa Kirby, Shia LaBeouf และ Ellen Burstyn

ภาพยนตร์มีชื่อเข้าชิงใน สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม

8. Two Distant Strangers

ภาพยนตร์สั้นเรื่องนี้น่าสนใจ เพราะหยิบเอาประเด็นสังคมอย่าง Black Lives Matter มาสร้างเป็นหนังสั้นแนวไซไฟความยาวครึ่งชั่วโมง ถ้าใครติดตามประเด็นสังคมเรื่องคนผิวสี คงรู้กันดีว่าเหตุเริ่มต้นมาจากชายผิวดำที่ชื่อ จอร์จ ฟลอยด์ ที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมด้วยความรุนแรงจนถึงแก่ชีวิต (ด้วยการใช้เข่ากดต้นคอจนขาดอากาศหายใจ)

หนังเรื่องนี้หยิบเหตุการร์ดังกล่าวมาเสียดสี โดยเล่าเรื่องผ่านชายที่ชื่อ คาร์เตอร์ เจมส์ เมื่อวันหนึ่งเขาตื่นขึ้นมาตามปกติ แต่กลับถูกจับกุมโดยตำรวจนายหนึ่ง (และมีฉากถูกกดต้นคอด้วย) แต่พอรู้ตัวอีกทีเขาก็ตื่นขึ้นมาบนที่นอนอีกครั้ง เหตุการณ์เกิดขึ้นวนลูปเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนไม่รู้ว่าจุดสิ้นสุดอยู่ตรงไหน

การวนลูปในหนังเรื่องนี้อาจต้องการทำให้ทุกคนรู้ว่า ยังมีคนผิวสีอีกไม่รู้เท่าไหร่ที่ยังคงเจอการใช้ความรุนแรงแบบที่เกิดขึ้นกับ จอร์จ ฟลอยด์

Two Distant Strangers ได้เข้าชิงรางวัล สาขาภาพยนตร์สั้นยอดเยี่ยม

การโฆษณา

9. If Anything Happens I Love You

แอนิเมชั่นความยาวเพียง 12 นาที แต่มีลายเส้นและเนื้อเรื่องที่สวยงาม และชวนสะเทือนใจ หนังสั้นเรื่องนี้ได้เข้าชิงรางวัลสาขา ภาพยนตร์สั้นแนวแอนิเมชั่นยอดเยี่ยม กำกับและเขียนบทโดย Michael Govier และ Will McCormack

พวกเขาสร้างผลงานเรื่องนี้โดยเล่าเกี่ยวกับ ครอบครัวหนึ่งที่พ่อแม่มักมีปากเสียงกัน แต่ทั้งหมดนั้นมีเหตุผล ซึ่งเหตุการณ์สำคัญก็คือ เหตุกราดยิงในโรงเรียน ที่เป็นชนวนของหนังสั้นเรื่องนี้

10. Eurovision Song Contest: The Story of Fire Saga

ภาพยนตร์ดูเพลินแนวมิวสิค-คอมเมดี้ เป็นผลงานกำกับของ David Dobkin เขียนบทโดย Andrew Steele และ Will Ferrell ผู้เป็นนักแสดงตลกที่มาร่วมเขียนบทเอง และเล่นเองด้วย

หนังเรื่องนี้เกี่ยวกับดูโอที่ตามล่าฝันในการเป็นนักดนตรี พวกเขาได้ขึ้นประกวดบนเวทีใหญ่อย่าง Eurovision Song Contest ที่เป็นงานประกวดดนตรีที่มีจริงๆ และจัดมานานกว่า 60 ปี ตั้งแต่ปี 1956

ภาพยนตร์เรื่องนี้จะมาเล่าเกี่ยวกับเบื้องหลังและเส้นทางการประกวดของคนล่าฝันทั้งหลาย โดยหนังมีชื่อเข้าชิงสาขา Best Original Song หรือ เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม

การโฆษณา

11. Ma Rainey’s Black Bottom

หนังเรื่องนี้เป็นอีกผลงานที่น่าจับตามอง เพราะมีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ทั้งหมด 5 สาขา ได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 10 ผลงานยอดเยี่ยมที่สุดแห่งปี 2020 อีกทั้งเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของนักแสดงอย่าง แชดวิก โบสแมน (Chadwick Boseman) ด้วย

Ma Rainey’s Black Bottom หรือชื่อไทยคือ มา เรนีย์ ตำนานเพลงบลูส์ เป็นภาพยนตร์ดราม่าที่สร้างมาจากละครเวทีชื่อเรื่องเดียวกันอีกทีหนึ่ง ซึ่งละครเวทีเรื่องนั้นได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ด้วย โดยตัวละครหลัก มา เรนีย์ เป็นบุคคลที่มีอยู่จริง และหนังจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของเธอช่วงทำการบันทึกแผ่นเสียงที่เมืองชิคาโก ในปี 1920 และต้องเจอกับมือฮอร์นเจ้าปัญหา (แชดวิก โบสแมน) กับชายผิวขาวที่พยายามสั่งการเธอ

หนังเรื่องนี้ได้เข้าชิงรางวัล ได้แก่ นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม, นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม, เครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม, การออกแบบการผลิตยอดเยี่ยม, แต่งหน้าและทรงผมยอดเยี่ยม

12. Da 5 Bloods

ภาพยนตร์ที่เล่าเกี่ยวกับประเด็นคนผิวสีอีกเรื่องหนึ่ง เป็นผลงานกำกับของ Spike Lee ผู้กำกับชาวแอฟริกัน-อเมริกันที่สร้างผลงานเสียดสีประเด็นสีผิวมาแล้วหลายเรื่อง ในเรื่องนี้จะเล่าผ่านทหารชาวแอฟริกัน-อเมริกัน 4 นายที่เคยร่วมรบในสงครามเวียดนามด้วยกัน พวกเขากลับมาที่เวียดนามอีกครั้งเพื่อตามหาเพื่อนร่วมรบที่หายไป (รับบทโดย แชดวิก โบสแมน) รวมถึงตามหาสมบัติอย่าง 'ทองคำ'

ผลงานเรื่องนี้ไม่ได้เล่าถึงสิ่งที่คนผิวสีต้องเจออย่างเดียว แต่ยังมีกระทั่งปัญหาในสังคมคนผิวสีเองที่ยังแก้ไขไม่ได้ โดยเรื่อง Da 5 Bloods ได้เข้าชิงในสาขา Best Score หรือ ดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม

การโฆษณา

13. Crip Camp: a Disability Revolution

ภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับ ผู้พิการ ที่เล่าในมุมมองน่าสนใจ ผ่านซัมเมอร์แคมป์ที่จัดโดยกลุ่มวัยรุ่นนักศึกษาชาวฮิปปี้ ในนครนิวยอร์ก ปี 1971 เรื่องนี้ไม่ได้จะชวนให้สงสาร แต่จะทำให้เราเข้าใจคำว่า 'ความเท่าเทียมอย่างแท้จริง' มากขึ้นมากกว่า

เรื่องนี้น่าสนใจเพราะเล่าเกี่ยวกับแคมป์ฤดูร้อน Camp Jened ที่จัดโดยวัยรุ่นชาวอเมริกา เป็นแคมป์ทั่วไปอย่างที่วัยรุ่นอเมริกันชอบไปทำกิจกรรม มีทั้งพี่เลี้ยงและคนดูแล เพราะที่นี่เป็นสถานที่รวมตัวกันเพื่อผู้พิการโดยเฉพาะ ทุกคนมาเล่นสนุก เล่นกีฬา ทำความสพอาด ทำอาหาร พูดคุยและตกหลุมรักกันได้ เสมือนเป็นสังคมหนึ่งๆ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นปกติจริงๆ

Crip Camp: a Disability Revolution มีชื่อเข้าชิงออสการ์ สาขาสารคดียอดเยี่ยม

14. A Love Song for Latasha

สารคดีสั้นความยาว 19 นาที ที่สร้างขึ้นจากเหตุการณ์จริงอันน่าสลดของ ลาตาชา ฮาร์ลินส์ (Latasha Harlins) เด็กสาวผิวสีอายุ 15 ปีที่อาศัยอยู่ในลอสแอนเจลลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย เธอถูกยิงเสียชีวิตโดยเจ้าของร้านสะดวกซื้อในปี 1991 เพราะถูกกล่าวหาว่าขโมยน้ำส้ม

ทว่าสารคดีเรื่องนี้จะไม่เน้นไปที่การตายของลาตาชา แต่จะเล่าให้เราเห็นว่าเด็กผู้หญิงคนหนึ่งได้มองเห็นอะไรบ้างในช่วงเวลาที่เธอมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสังคมรอบข้าง ความฝัน และความหวัง โดยสร้างผ่านการบอกเล่าจากลูกพี่ลูกน้องและเพื่อนสนิทของเธอ

A Love Song for Latasha เข้าชิงรางวัลสาขา สารคดีสั้นยอดเยี่ยม

การโฆษณา

15. Over the Moon

ผลงานแอนิเมชั่นผลิตโดยสตูดิโอ Pearl จากเซี่ยงไฮ้ ร่วมกับ Netflix Animation และ Sony Pictures เป็นหนังที่มีกลิ่นอายความเป็นเอเชียชัดเจน (แต่ก็ผสมความเป็นสากลนิดๆ) โดยจะเล่าถึงประเพณีการรวมตัวกันช่วงเทศกาลของคนเชื้อสายจีน ซึ่งภาพยนตร์ก็ตั้งใจปล่อยมาให้ชมช่วงเดือนตุลาคม 2020 ซึ่งเป็นฤดูเทศกาลวันไว้พระจันทร์ของคนเชื้อสายจีนพอดี

หนังเรื่องนี้หยิบเอาตำนานเก่าแก่อย่าง 'เทพีฉางเอ๋อ' ที่รอคนรักบนดวงจันทร์มาเล่าใหม่ ผสมกับประเด็นการเป็นลูกหลานในตระกูลคนจีนที่ต้องอยู่รวมกันหลายเจเนอเรชั่นมาแทรกให้เนื้อเรื่องน่าสนใจมากขึ้น

ผลงานเรื่องนี้กำกับโดย Glen Keane เจ้าของผลงานแอนิเมชั่นดังหลายเรื่อง อาทิ Tangled, Beauty and The Beast และ Tarzan ร่วมกับผู้กำกับ John Kahrs เจ้าของผลงาน Tangled, The Incredibles และ Monster, Inc

Over The Moon มีชื่อเข้าชิงรางวัลสาขา ภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม

16. The White Tiger

เป็นภาพยนตร์ที่เราว่ามีเนื้อหาหนักหน่วงไม่น้อยเลย เพราะเล่าถึง 'ความจริง' ในสังคมอินเดียที่มีการแบ่งชนชั้นวรรณะกันอย่างชัดเจน คนชนชั้นล่างถูกปลูกฝังให้เกิดมาแล้วต้องรับใช้ใครสักคนเพื่อทำให้ตัวเองมีคุณค่า ส่วนชนชั้นบนก็ไม่ต้องพูดถึง... อีกทั้งเรื่องนี้ก็ไม่มีฉากไหนเลยที่ชวนให้รู้สึกว่านี่คือจุดพลิกผันที่คนดีจะประสบความสำเร็จ

บทภาพยนตร์ดัดแปลงมาจากหนังสือชื่อเดียวกัน The White Tiger เขียนโดย Aravind Adiga ส่วนภาพยนตร์กำกับและเขียนบทโดย Ramin Bahrani ได้เข้าชิงรางวัลสาขา บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม

เรื่องเด่น
    เรื่องน่าสนใจอื่นๆ ที่คุณน่าจะชอบ
      การโฆษณา