7 หนังทริลเลอร์พล็อตทวิสต์ที่ต้องดู หากคุณรัก Weapons

ยังจำ The Shining กันได้ไหม? ลองจินตนาการว่าพ่อแม่ทั่วโลกพร้อมใจกันคลุ้มคลั่งแบบ แจ็ก นิโคลสัน แล้วเพิ่มความบ้าระห่ำในสไตล์ นิโคลัส เคจ เข้าไป นั่นแหละคือภาพยนตร์ Mom & Dad (2017) ที่มาพร้อมพล็อตตรงไปตรงมา ว่าด้วยเรื่องราวของโรคประหลาดที่ทำให้พ่อแม่หันมาไล่ล่าฆ่าลูกตัวเองราวกับสัตว์ป่าที่กำลังตามล่าเหยื่อ แม้ในหนังเรื่องนี้จะไม่ได้แฝงไหวพริบเสียดสีหรือเผยให้เห็นความกังวลเชิงสังคมอย่างแยบยลเหมือน Weapons แต่ทั้งสองเรื่องต่างพุ่งไปแตะความกลัวลึกๆ ของเด็กๆ ที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์อันตรายและผู้ปกครองที่ไม่อาจคาดเดาได้

เมื่อฆาตกรต่อเนื่องลักพาตัวเด็ก ความสยองก็เริ่มปกคลุมเมืองเล็กๆ พ่อแม่ต่างก็เริ่มวิตกกังวล ในขณะที่ตำรวจเร่งคลี่คลายคดีอย่างกระวนกระวาย M (1931) ผลงานของ ฟริตซ์ แลง เรื่องนี้ จึงกลายเป็นหนังคลาสสิกเหนือกาลเวลา และวางรากฐานให้กับหนังแนว ‘เด็กสูญหาย’ ที่ยังส่งอิทธิพลต่อมาหลายทศวรรษ ทั้งภาพของฝูงชนที่อยากลุกขึ้นล้างแค้น ผู้ต้องสงสัยที่นิ่งสงบจนน่าสงสัย ไปจนถึงบทสรุปที่ทิ้งร่องรอยโศกเศร้ามากกว่าความโล่งใจ ความกลัวร่วมกันของผู้คนในหนังเรื่องนี้ยังสะท้อนชัดใน Weapons เช่นกัน เมื่อ จูเลีย การ์เนอร์ ในบทครูสาวถูกดึงเข้าสู่การล่าแม่มด และเหล่าพ่อแม่ที่สิ้นหวังจนเลือกลงมือแก้แค้นด้วยตัวเอง

ลืมเวอร์ชันฮอลลีวูดไปก่อน แล้วหันกลับไปดูหนังต้นฉบับดัตช์ของ จอร์จ ชลายเซอร์ อย่าง The Vanishing (1988) แล้วจะเห็นว่านี่ไม่ใช่แค่หนังลักพาตัวธรรมดาๆ แต่เล่าถึงการหายตัวไปของผู้หญิงคนหนึ่ง และการตามหาสุดสิ้นหวังของแฟนหนุ่มที่ไม่ยอมแพ้ แต่แทนที่จะเล่าแบบสูตรสำเร็จ หนังกลับพาเราเข้าไปอยู่ในมุมมองของผู้ต้องสงสัย ซึ่งทำให้ทั้งเรื่องยิ่งน่าหวาดหวั่นและกดดันขึ้นไปอีก ซึ่งใน Weapons เองก็ใช้วิธีการเล่าเรื่องผ่านตัวละครถึงหกตัวผ่านหลายมุมมองเช่นกัน ทำให้การหายตัวไปที่เป็นจุดตั้งต้นของเรื่องทั้งหมดกลายตัวเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการดูหนังรสชาติเข้มข้น แม้อาจจะมืดหม่นและชวนไม่สบายใจอยู่ไม่น้อยก็ตาม

เมื่อเส้นเรื่องของไสยศาสตร์มาบรรจบกับปัญหาดราม่าครอบครัว Hereditary คือผลงานเปิดตัวสุดสะเทือนขวัญของ อารี แอสเเตอร์ ที่ได้ โทนี คอลเล็ตต์ มารับบทแม่ผู้โศกเศร้า ที่ต้องรับมือกับครอบครัวที่กำลังแตกสลาย และความลับดำมืดที่สืบทอดอยู่ในสายเลือด แม้ว่า Weapons จะขับเคลื่อนไปในทิศทางระทึกขวัญเร้าใจ แต่ทั้งสองเรื่องก็มีดีเอ็นเอร่วมกันอย่างชัดเจน ตั้งแต่บทสนทนารอบโต๊ะอาหารที่ทำให้ขนลุก การระเบิดอารมณ์ของพ่อแม่ที่เกือบแตกร้าวจนถึงขีดสุด ไปจนถึงพิธีกรรมลึกลับที่ฝากร่องรอยบาดแผลฝังลึกเกินเยียวยา

ในชานเมืองของดีทรอยต์ การตื่นตัวทางเพศของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกลับกลายเป็นเกมแท็กที่บิดเบี้ยว เมื่อเจย์ ตัวละครของไอคอนสาวแห่งแนวสยองขวัญ ไมก้า มอนโร ถูกคำสาปที่ติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ตามติด ตัวหนังจึงก้าวจากแค่เรื่องตลกร้ายๆ สู่หนังสยองขวัญคลาสสิกยุคใหม่ ที่กระตุ้นความกังวลลึกๆ ของผู้ชม ไปพร้อมกับสร้างรอยยิ้มเล็กๆ ตัวเอกในเรื่องนี้ยังคงมีข้อบกพร่องแต่ก็ทำให้คนดูเอาใจช่วยตลอดทั้งเรื่อง และการก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้กำกับแนวสยองขวัญของเดวิด โรเบิร์ต มิทเชล ผู้กำกับหน้าใหม่

เมื่ออุบัติเหตุรถบัสคร่าชีวิตเด็ก 14 คนพร้อมกัน ผู้เป็นพ่อแม่จะรับมือกับความสูญเสียนี้อย่างไร? และเด็กผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ประหลาดนี้จะใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างไร The Sweet Hereafter ไม่ได้ให้คำตอบแบบง่ายๆ แต่แฝงข้อคิดลึกๆ ที่ทำให้เราหยุดคิดถึงโศกนาฏกรรมในโลกจริง ที่สามารถเปลี่ยนชีวิตเราได้ในพริบตา และถึงแม้ Weapons จะมีมุมมืดที่เสียดสีแบบตลกร้าย แต่ก็ยังแทรกช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความเศร้าและบาดแผลท

ก่อนที่ เดอนี วีลเนิฟว์ จะสร้างมหากาพย์ไซไฟทะเลทรายอย่าง Dune เขาเคยกำกับหนึ่งในหนังลักพาตัวที่เข้มข้นที่สุดอย่าง Prisoners นำแสดงโดย ฮิว แจ็กแมน ที่ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้อย่างเต็มศักยภาพ เรื่องราวสะเทือนใจนี้พาเราติดตามการลักพาตัวเด็กสาวสองคน และความพยายามอย่างสิ้นหวังของชายผู้ตัดสินใจใช้กฎหมายด้วยตัวเอง ขณะที่ เจก จิลเลินฮอล ในบทตำรวจผู้สิ้นหวัง ช่วยเพิ่มมิติทางอารมณ์ให้กับพล็อตที่ค่อยๆ คืบคลานเข้าสู่ความมืด และหากการแสดงของ จอช โบรลิน ใน Weapons ทำให้คุณลุ้นทุกฉากแล้ว Prisoners ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่รับประกันความตึงเครียดและความวิตกกังวลแบบไม่หยุดหย่อนแน่นอน

อ่านบทรีวิวฉบับเต็มของ Weapons ได้ (ที่นี่)