[title]
แม้ไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่หลายๆ คนก็มักจะมองหาที่พึ่งจากลางสังหรณ์บางอย่าง อย่างการแหงนหน้ามองดูดาว บางครั้งก็เปิดสำรับไพ่ทาโรต์ หรือเป็นการเข้าไปขอคำแนะนำจากหมอดูด้วยตัวเอง แต่ในยุคโซเชียลมีเดีย การดูดวงไม่ได้จำกัดแค่ผู้มีอายุที่มากด้วยประสบการณ์ในบรรยากาศคลาสสิกที่รายล้อมด้วยแสงเทียนสลัวๆ หรือหินคริสตัลไว้เสริมพลังงานอีกต่อไปแล้ว
ซึ่งหนึ่งในบุคคลที่บุกเบิกกระแสดูดวงในยุคดิจิทัลก็คือ ‘นก–นภัสสร โชติกวณิชย์’ เจ้าของเพจชื่อดัง Bird Eye View ที่กลายมาเป็นที่พึ่งทางใจของผู้คนมากมายเพื่อรับมือกับชีวิตของผู้คนที่คาดเดาได้ยาก โดยเฉพาะเรื่องความรัก อาการอกหัก และความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิง ถึงแม้หมอดูออนไลน์จะผุดขึ้นมากมายจนในที่สุดค่อยๆ หายไป แต่นกเป็นอีกคนหนึ่งที่กลับทำให้ผู้คนยังคงหลงใหลและติดตามเธอมาตลอดหลายปี เพราะด้วยเสน่ห์ ความเข้าใจที่ลึกซึ้ง และอารมณ์ขันของตัวเธอเอง
จากหยดน้ำตาที่เคยร่วงหล่น ไปจนถึงเสียงสับสำรับไพ่ (ทาโรต์) นกได้สร้างจักรวาลของความรักที่หลากหลาย และโลกแห่งการดูดวงที่ผสานกันได้ลงตัว ซึ่งเมื่อเราได้ทราบถึงเบื้องหลังว่า จริงๆ แล้วอะไรบ้างที่ทำให้ช่องดูดวงของเธอถึงดูมีเสน่ห์และชวนให้ติดตาม แถมยังทำให้รู้สึก ‘อิน’ ได้อย่างไม่น่าเชื่อได้ขนาดนี้
เพราะอกหักจึงพาเธอไปสู่เส้นทางใหม่
เมื่อถูกถามว่าเธอเริ่มต้นเส้นทางการเป็นหมอดูได้อย่างไร คำตอบของนกเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ฉันไม่คิดเลยว่าจะมาเป็นหมอดูจริงๆ” และเธอสารภาพอีกว่า “ได้เริ่มต้นเส้นทางการเป็นหมอดูจากการเรียนรู้ด้วยตัวเองมากกว่าหาเลี้ยงชีพ”
เธอเล่าว่าแรงผลักของอาชีพนี้จริงๆ มาจากตอนที่เธออกหักสมัยเป็นนักศึกษาปริญญาโท เมื่อเธอเจอกับปัญหาความรัก เธอเลยใช้เงินไปกับการดูดวงที่เยอะพอสมควร พอถึงจุดหนึ่งเธอคิดขึ้นมาได้ว่าสิ้นเปลืองเงินไม่เข้าท่า เลยลองเรียนหมอดูด้วยตัวเอง
จนวันที่ได้เริ่มต้นเรียนหมอดูด้วยตัวเอง แล้ววันหนึ่งกลับกลายเป็นแพสชันในชีวิตขึ้นมาเฉยๆ ซึ่งความพยายามแรกๆ ของเธอคือการเรียนรู้ศาสตร์โบราณอย่างการดูลักษณะโหงวเฮ้งแบบจีนเป็นเรื่องที่ยากมากๆ เพราะเธอไม่ชอบตัวเลขและการคำนวณมาตั้งแต่เด็ก ทำให้การกำหนดค่าที่แม่นยำตามศาสตร์โบราณนั้นสร้างความหงุดหงิดให้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ
เธอจึงพยายามหาวิธีดูดวงที่เหมาะกับตัวเอง จนกระทั่งมาเจอกับไพ่ยิปซี ที่ทำให้เธอรู้สึกเชื่อมโยงได้ทันทีด้วยภาพสัญลักษณ์ที่ดูทรงพลัง “มันเหมือนกับว่าเราได้พูดภาษาที่ตัวเองเข้าใจจริงๆ” เธอเล่า ซึ่งครูที่สอนไพ่ทาโรต์ก็สนับสนุนให้เธอสร้างแนวทางของตัวเอง เธอเลยใช้วิธีศึกษาทางช่อง YouTube จากต่างประเทศและอ่านหนังสือภาษาอังกฤษไปด้วย โดยเรียนรู้การอ่านความหมายของไพ่ทาโรต์ทั้งไพ่ตั้งตรงและไพ่กลับหัว ซึ่งตอนนั้นในใทยยังไม่ค่อยมีใครทำ โดยส่วนใหญ่จะยึดแนวทางแบบดั้งเดิมมากกว่าด้วยซ้ำ
จุดเริ่มต้นของการเป็นหมอดูนี้เธอได้รับอิทธิพลมาจากพื้นเพทางครอบครัวด้วย ซึ่งคุณยายของเธอก็เป็นหมอดูซึ่งใช้ศาสตร์ฮินดูโบราณ แต่ถึงแม้เธอจะไม่ได้เรียนรู้โดยตรงมาตั้งแต่เด็ก แต่ดูเหมือน ‘สัญชาตญาณ’ ในการเป็นหมอดูจะไหลเวียนอยู่ในสายเลือดเธอมาตั้งแต่ต้น “ฉันคิดว่านี่คงเป็นสิ่งที่ส่งต่อมาถึงฉัน” นกบอกพร้อมอธิบายว่า การดูไพ่ทาโรต์ของเธอต้องอาศัยการนั่งสมาธิและการกำจัดพลังงานที่ไม่ดีออกไป เพื่อให้การดูไพ่ทาโรต์สอดคล้องกับสภาวะปัจจุบันของลูกค้าแต่ละคนและให้ออกมาเป็นกลางมากที่สุด
ในปี 2016 ช่อง Bird Eye View ของเธอได้เริ่มต้นขึ้นโดยบังเอิญ เดิมทีเธอตั้งใจทำช่องเพื่อโชว์งานเฉยๆ แต่การทำคลิปแรกของเธอกลับกลายเป็นการอ่านไพ่ทาโรต์แบบง่ายๆ ให้ผู้ชมได้เลือกไพ่ใบใดใบหนึ่งก็ได้ ซึ่งคลิปนั้นถ่ายด้วยอุปกรณ์ง่ายๆ แค่ไม่กี่อย่าง คือหมอนกับผ้าปูพื้น แม้จะดูเรียบง่าย แต่กลับสะกดใจผู้ชมได้ไม่น่าเชื่อ
“เราไม่ได้คาดหวังอะไรเลย แต่ไม่กี่เดือนต่อมา ยอดวิวกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนนั้นมีผู้ติดตามแค่ไม่กี่คนเอง จนยอดวิวเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 วิว จนเรารู้สึกว่าเยอะมากเลย” เธอเล่าพลางหัวเราะ
การทลายกรอบภาพจำเดิมๆ

อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยมีประเพณีการดูดวงที่สืบทอดกันมายาวนาน แม้กระทั่งในราชสำนักก็ตาม “คนส่วนใหญ่ยังคงจินตนาการว่าหมอดูต้องเป็นผู้หญิงมีอายุ ล้อมรอบด้วยข้าวของศักดิ์สิทธิ์ ที่คนมักนึกภาพว่าต้องเป็นผู้สูงวัยที่มีออร่าแบบน่าเชื่อถือ” เธออธิบาย แต่สำหรับเธอ การทลายภาพจำนี้คือแนวทางการเริ่มต้นและถือเป็นหัวใจสำคัญที่สุด
ในตอนแรกที่เธอทำช่อง Bird Eye View เธอปกปิดใบหน้าตัวเอง เพราะกังวลถึงรูปลักษณ์ (ที่อายุน้อย) ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมสงสัยได้ แต่ด้วยการพิสูจน์จากความสามารถของเธอตั้งแต่ต้น และการได้ค่อยๆ เปิดเผยตัวเองออกมา เธอจึงเปลี่ยนภาพลักษณ์ได้ว่า หมอดูไม่จำเป็นต้องลึกลับหรือเข้าถึงยากเสมอไป แต่พวกเขาก็คือคนที่มีทักษะ (อย่างหนึ่ง) ซึ่งช่วยให้ผู้อื่นก้าวผ่านช่วงชีวิตที่ยากลำบากไปให้ได้
โดยหัวใจหลักในการอ่านไพ่ของเธอคือ อ่านเร็ว กระชับ และตรงประเด็น ด้วยสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ โดยแต่ละเซสชั่นมักใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที ที่มุ่งเน้นไปยังเรื่องของความรักหรือความสัมพันธ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่เธอเห็นว่ามีความไม่แน่นอนทางด้านอารมณ์มากที่สุด
“ทุกคนเรียนรู้เรื่องงานหรือเรื่องเงินเพื่อวางแผนปรับปรุงเรื่องนี้ได้ แต่กับเรื่องความรักมักต่างออกไป เพราะเกี่ยวข้องกับอารมณ์ มีความละเอียดอ่อน และมักอยู่เหนือการควบคุม” เธออธิบาย
แม้ทุกวันนี้จะมีช่องดูดวงบนโลกออนไลน์มากมาย แต่ช่อง Bird Eye View ยังคงเติบโตและดำเนินต่อไปเป็นเวลาถึง 9 ปี ซึ่งเธอมองว่าสาเหตุที่ช่องดูดวงได้รับความนิยมมาเรื่อยๆ ก็เพราะสไตล์การอ่านไพ่ที่รวดเร็ว และทำให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วม แม้บางคนจะบอกว่าเธออ่านเร็วเกินไป แต่ฐานแฟนคลับของเธอกลับขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ เลยด้วยซ้ำ
ใช้ AI เป็นตัวช่วย

ถ้าพูดถึงเรื่องการทำคอนเทนต์บนช่อง YouTube ที่ก่อนหน้านี้เธอมักจะอิงคอมเมนต์จากผู้ชมและคำค้นหายอดนิยมบนเว็บไซต์เป็นหลัก แต่ปัจจุบันเธอมีคู่หูอย่าง ChatGPT เข้ามาช่วยสร้างไอเดียในการทำคอนเทนต์ ทำให้การทำงานของเธอมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่นแทนที่เธอเสิร์ชหาแนวคิดอย่าง ‘การอ่านไพ่สำหรับเรื่องความรัก’ แต่เธอกลับค้นพบรายชื่อหัวข้อที่น่าสนใจแทน เช่น ‘คุณจะได้เจอเนื้อคู่เมื่อไร?’ หรือ ‘ทำไมคุณถึงยังโสด?’
เพราะในยุคที่หลายคนหันไปพึ่งตัวช่วยอย่างเอไอในการดูดวง เธอเชื่อว่าบางครั้งเทคโนโลยีก็แทนที่หมอดูอย่างมนุษย์ไม่ได้หรอก
“มนุษย์ต้องการการปฏิสัมพันธ์ และต้องการใครสักคนที่รับฟังพวกเขาได้” เธออธิบาย “ความสบายใจที่แท้จริงไม่ได้มาจากเทคโนโลยี แต่มนุษย์ต้องรู้สึกได้ว่าใครสักคนเข้าใจพวกเขาได้จริงๆ”
ความรักคือหลากมิติของอารมณ์
“ทุกคนมีเรื่องราวหลากมิติเกี่ยวกับความรักโดยที่บางคนอาจไม่รู้ตัว” แต่สำหรับนก ความรักคือจักรวาลแห่งอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและอาจพลิกผันเมื่อไรก็ได้ การอ่านไพ่ของเธอจึงมุ่งเน้นไปยังเรื่องความสัมพันธ์ ตั้งแต่ความรักที่โรแมนติก ไปจนถึงความสัมพันธ์ในครอบครัว เพราะเธอเชื่อว่าความรักเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ทั้งยุ่งเหยิงและน่าหลงใหลในคราวเดียวกันโดยไม่มีที่สิ้นสุด
เพราะเธอมักสังเกตว่าผู้คนใช้โซเชียลมีเดียเป็นพื้นที่ไว้สำหรับประมวลผลเรื่องความรัก เพื่อแชร์ความคิดหรือความรู้สึกในพื้นที่ที่ปลอดภัย
“บางครั้งคนก็แค่ต้องการพื้นที่ระบายหรือทำความเข้าใจอารมณ์ของตัวเอง การได้อยู่ในตำแหน่งนั้นทำให้ฉันเข้าใจคนอื่นได้ดีขึ้น และเข้าใจตัวเองด้วย” เธอสะท้อนให้เห็นภาพ

การให้คำปรึกษาของเธอดูกลมกลืนตามสัญชาตญาณที่เธอเป็น ทั้งพลังงานเชิงบวกและความเข้าใจ แม้ต้องเจอกับคำปรึกษาที่เปราะบางหรือเจ็บปวดก็ตาม เธอผ่อนแรงด้วยคำปลอบโยนและพลิกสถานการณ์ด้วยอารมณ์ขันอยู่เสมอ เพื่อเตือนไว้ว่าความรักอาจมีหลายอารมณ์ แต่ก็สวยงามและสะท้อนความเป็นมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง
เพราะหลายๆ คนมักมาขอคำปรึกษาจากเธอหลังจากโศกเศร้าจากอาการอกหักบ้าง หรือเมื่อความสัมพันธ์เริ่มไม่แน่นอนบ้าง ซึ่งการอ่านไพ่แบบ ‘เลือกไพ่ใบใดใบหนึ่ง’ ของเธอมักจะได้รับความนิยม โดยเฉพาะคำถามยอดฮิตอย่าง ‘คนคนนี้คิดยังไงกับฉัน’ นั้นจะช่วยให้ผู้คนเห็นภาพได้ชัดเจน เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง และค้นหาทางออกได้
อย่างไรก็ตาม เธอเชื่อว่าความสัมพันธ์ที่ดีไม่ควรทำให้เกิดข้อสงสัยหรือเกิดการตั้งคำถาม แต่ถ้าเกิดขึ้นแล้ว คำแนะนำของเธอคือการช่วยให้พวกเขาเข้าใจแนวทางและสถานการณ์ได้ดีขึ้น รวมถึงทำให้พวกเขายอมรับว่า การอยู่เป็นโสดจริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรเลย
คอยดูแลและมอบความสบายใจ
สำหรับลูกค้าที่เข้ามาหาเธอไม่ใช่แค่เพื่อการทำนายอย่างเดียว แต่เพื่อความสบายใจและความชัดเจน เธอเจอสถานการณ์ละเอียดอ่อนหรือความเจ็บปวดอยู่บ่อยครั้ง และถ่ายทอดด้วยถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความเอาใจใส่เสมอ
“แต่ถ้าเป็นข่าวร้าย ฉันจะสอดแทรกสิ่งดีๆ เพื่อชี้แนวทางต่อไปให้พวกเขา” เธอเล่า ซึ่งแนวทางของเธอเต็มไปด้วยความเมตตาแต่ซื่อตรง ตรงนี้ช่วยให้ลูกค้าได้สะท้อนถึงตัวเอง ได้ตัดสินใจด้วยความมั่นใจ และเข้าใจสถานการณ์ได้ดียิ่งขึ้น
แม้ฐานผู้ชมจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่เธอยังคงตระหนักถึงบทบาทของตัวเอง เห็นได้จากในช่วงที่ Bird Eye View กลายเป็นที่นิยมสูงสุด เธอได้ดูแลและเทคแคร์ลูกค้าหลายร้อยคนต่อเดือน ไปจนถึงการได้ทำงานกับแบรนด์ต่างๆ ในฐานะอินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งเธอก็ยังคงรักษามาตรฐานของความเป็นมืออาชีพและเข้าถึงได้ง่าย
“ฉันอยากให้คนเห็นว่าหมอดูเข้าถึงได้ง่าย เป็นกันเอง และมีความสามารถมากกว่าที่หลายคนคิด” เธอยืนยัน
แต่ถึงอย่างนั้น การให้คำปรึกษาหรือให้ความสบายใจแก่ผู้คนเหล่านั้นก็ย่อมหนีไม่พ้นคำถามสุดแปลกที่เธอเคยเจอ
เช่น “ครั้งหนึ่งมีคนถามว่า ในจักรวาลมีกาแล็กซี่จำนวนเท่าไร” เธอเล่าพร้อมหัวเราะ
“ฉันต้องบอกเขาว่า แม้แต่นักวิทยาศาสตร์อาจจะยังไม่รู้ก็ได้ กรุณาโฟกัสที่ชีวิตตัวเองก่อนดีกว่า อย่าไปสนใจจักรวาลให้มากนักเลย”