เจาะผลงานจัดแสดงในห้างเก่า New World x Old Town Part.2 เมื่อบางลำพูถูกตีความใหม่ผ่านแสงไฟ

น่าจะเป็นฮอตสป็อตแห่งใหม่ของเทศกาลศิลปะการออกแบบเลยล่ะ เพราะทันทีที่หลายคนรู้ว่างาน Bangkok Design Week ปีนี้ขยายพื้นที่ใหม่ไปถึงย่านพระนคร และมีสถานที่ใหม่อย่าง 'ห้างนิวเวิลด์’ เข้าร่วมจัดแสดงในเทศกาลนี้ด้วย ทุกรอบเข้าชมการแสดงก็ถูกจองเต็มทันทีจนถึงวันสุดท้าย ทำให้หลายคนพลาดโอกาสเข้าไปเยือนสถานที่แห่งนี้ที่เคยเป็นห้างร้างใจกลางย่านบางลำพูมาก่อน 

แต่เพราะเหตุนั้น เราเลยอยากพาทุกคนที่ไม่สามารถไปชมได้ด้วยตัวเอง มาฟังและอ่านเรื่องราวจากเราด้วยกันว่าสถานที่และนิทรรศการด้านในนั้นจะน่าสนใจมากแค่ไหน 

ต้องเท้าควาามไปเมื่อ 2 ปีก่อน เพราะห้างร้างนิวเวิลด์ถูกคืนชีพกลับมาใหม่หลังจากปิดไปนานหลายปี ด้วยการจัดนิทรรศการ New World x Old Town ของทีมคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งผลตอบรับก็ดีเกินคาดอย่างที่รู้กันแม้ว่าพวกเขาจะเน้นชักชวนชาวบางลำพูให้มาชมเท่านั้น โดยทีมจัดนิทรรศการก็บอกเหตุผลไว้ว่า “เพราะพวกเขาอยากทำให้ย่านบางลำพูกลับมาคึกคัก เลยอยากเริ่มจากทำให้ชาวบางลำพูที่เป็นเจ้าของถิ่นกลับมาผูกพันธ์กับแลนด์มาร์กนี้ก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยชวนคนภายนอกเข้ามาชมเสน่ห์ของย่านบางลำพู”

ทำให้กลับมาในปีนี้ ทีมสถาปัตย์ศิลปากร ก็เลยชวนคนนอกมาเล่าถึงย่านบางลำพูบ้าง ผ่านการตีความเสน่ห์ของย่านให้กลายเป็นงานออกแบบที่จับต้องได้ โดยเน้นใช้แสงและเสียง จนเกิดเป็นนิทรรศการนี้ “New World x Old Town Part 2: The Reflection From the Light Source” ซึ่งด้านในมีผลงานทั้งหมด 9 ชิ้น เป็นชิ้นงานที่คณะทำร่วมกับทีม HUI Design, Saturate Designs, คณะดุริยางค์ศาสตร์ ม.ศิลปากร และภาคีนักออกแบบอิสระ กลุ่มแสงปลากบ

“ผมไม่อยากทำให้งานนี้เป็นมิวเซียม ผมอยากใช้การออกแบบจัดวางและแสงเป็นตัวกลางเล่าถึงย่านบางลำพูมากกว่า” คุณพล หุยประเสริฐ จากทีม HUI Design ผู้เป็นไดเรกเตอร์นิทรรศการนี้เล่าถึงไอเดียคร่าวๆ ให้เราฟัง

“ผมไม่อยากทำให้งานนี้เป็นมิวเซียม ผมอยากใช้การออกแบบจัดวางและแสงเป็นตัวกลางเล่าถึงย่านบางลำพูมากกว่า” 

นิทรรศการครั้งนี้เลยมีความน่าสนใจอยู่ตรงการจัดแสงโดยใช้เทคนิค ‘Single Light Source’ เป็นการยิงแสงจากจุดๆ เดียวให้กระทบกับวัตถุ (ชิ้นงาน) จนเกิดเป็นเงาและมิติต่างๆ ขึ้นมา ผสมกับเสียงในชิ้นงานบางชิ้นที่จะทำให้เราจินตนาการถึงย่านบางลำพูและห้างนิวเวิลด์ที่เคยคึกคักในอดีต

แม้จะเสียดายในวันที่เราไปบางชิ้นงานกำลังติดตั้งอยู่ และเนื่องจากฝนตกหนักนิทรรศการก็เลยโชว์ผลงานได้ไม่ครบทุกชิ้น แต่เอาเป็นว่าเรามีภาพตัวอย่างบางชิ้นงานมาเล่าให้ฟังกัน เผื่อว่าทุกคนอยากเข้าใจคอนเซ็ปต์ของงานนี้มากขึ้น โดยเริ่มจากชิ้นงานแรกที่เราได้ชม “Light Up our Culture” เป็นการนำสิ่งของอันเป็นของค้าขายประจำย่านบางลำพูมาจัดแสดง เช่น สังฆทาน ชุดนักเรียน หรืออุปกรณ์ฝีมือ เพื่อทำให้เราเห็นสิ่งที่ช่วยหล่อเลี้ยงย่านนี้มาตลอด 10 ปี

หลังจากนั้นเป็น “Shadow of Togetherness” ที่เล่าถึงความหลากหลายเชื้อชาติของคนในย่านนี้ ผ่านการใช้แสงและตัวอักษรหลายภาษาสะท้อนลงกำแพง มีทั้งอักษรไทย อิสลาม มอญ และอังกฤษ 

จุดต่อมาเป็นอีกงานน่าสนใจ เพราะเป็นผลงานทำร่วมกับคณะดุริยางค์ฯ ม.ศิลปากร ชื่อชิ้นงานว่า “Beauty of Being Existed” เป็นการฉายเรื่องราวของห้างนิวเวิลด์ที่สมัยก่อนเป็นศูนย์รวมความศิวิไลซ์และทำให้บางลำพูคึกคัก ภาพในอดีตจะถูกฉายลงบนฉากวงกลมที่ตั้งอยู่ไกลๆ หน้าบันไดห้าง เพื่อให้เราจินตนาการถึงบรรยากาศในห้างสมัยก่อน โดยงานนี้จะมีเสียงที่ออกแบบโดยคณะดุริยางค์ฯ ช่วยบอกเล่ากิจกรรมของคนในย่านบางลำพูด้วย เช่น เสียงคนนั่งคุยกันตอนกินกาแฟ เสียงพ่อค้าแม่ค้าเชื้อเชิญซื้อของ

ต่อมาเป็นหนึ่งในชิ้นที่เราชอบ “Shadow Casting of Today’s” เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับย่านข้าวสาร ซึ่งสิ่งที่ทำให้เราชอบก็คือการจัดแสงที่มีการเคลื่อนไหวบอกเล่าถึงการเปลี่ยนแปลง โดยเงาสะท้อนบนพื้นจะเคลื่อนตัวแบบขยายออกและย่อลง ยืนมองแล้วรู้สึกชิ้นงานมีชีวิตอย่างบอกไม่ถูก

“Power of the Lightsource” อาจเป็นชิ้นงานที่สะเทือนใจนิดหน่อย (หากใครอ่านไม่ไหวก็ข้ามได้) เพราะชิ้นงานนี้จะห้อยลงมาอยู่เหนือช่องว่างที่เคยมีการถล่มระหว่างรื้อถอนตึก 11 ชั้นที่ต่อเติมเกินจากกฎหมายกำหนด และเนื่องจากห้างทำการรื้อถอนตึกไปพร้อมๆ กับเปิดให้บริการตามปกติ อีกทั้งคนงานก็นำเศษซากมากองฝั่งเดียวจนพื้นฝั่งนั้นรับน้ำหนักไม่ไหว เลยทำให้เกิดเหตุการณ์พื้นถล่มจนมีคนถึงแก่ชีวิต โดยปัจจุบันจะมีการกั้นรั้วพื้นที่ส่วนนี้เอาไว้แล้วเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

ส่วนชิ้นงานนี้ก็ต้องการเล่าถึงพลังของแสงสว่างที่สามารถสะท้อนไปกระทบสิ่งต่างๆ ได้มากมาย

มาถึงอีกชิ้นงานที่หลายคนชอบที่สุด “From the Light to the Gold” เป็นผลงานของทีม Hui Design ที่เล่าถึงประวัติศาสตร์ของย่านบางลำพูที่มีความผูกพันธ์กับวังและวัดวาอาราม แต่ลดทอดรายละเอียดลงเหลือแค่รูปทรงเรขาคณิตสี่เหลี่ยมที่เห็นได้บ่อยๆ เช่น บนหลังคาวัดโพธิ์ วัดแจ้ง โดยความสวยงามของชิ้นนี้คือแผ่นสีทองจะเคลื่อนไหวเป็นรูปต่างๆ เล่นกับแสงไฟที่ส่องตรงลงมาที่ชิ้นงาน

และสุดท้ายเป็นผลงานฟินนาเล่ของนิทรรศการนี้ “The Rivival of Hope” การฉายแมปปิ้งสะท้อนบนลูกบอลดิสโก้จนเกิดเป็นแสงไฟดวงเล็กๆ ที่เปลี่ยนวังมัจฉาให้กลายเป็น วังหิ่งห้อย หรือใครจะมองเป็นละอองเกสรที่สื่อถึงทีมเกสรลำพูก็ได้ โดยพวกเขาคือกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ในย่านบางลำพูที่เข้ามาช่วยไกด์และให้ความรู้เกี่ยวกับย่านนี้ตั้งแต่การจัดนิทรรศการ New World x Old Town ครั้งแรก

แต่ไม่ว่าทุกคนจะมองเป็นเรื่องราวไหน ทั้งสองสิ่งนี้ก็เป็นตัวแทนแสงแห่งความหวังที่ทุกคนอยากทำให้ย่านบางลำพูกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

นิทรรศการ New world X Old town Part 2: The Reflection from the Light Source จัดแสดงตั้งแต่วันที่ 5 - 13 กุมภาพันธ์ 2565 โดยตอนนี้เปิดให้จองรอบเข้าชมผ่านการ walk-in เท่านั้น สามารถเช็คจำนวนรอบที่เปิดรับได้หน้างานแบบวันต่อวัน ตั้งแต่เวลา 15:30 น. เป็นต้นไป และปิดรับเมื่อเต็มโควต้า (รอบละ 65 คน)

สอบถามและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บางลำพู everyday

หมายเหตุ: อาคารได้รับการตรวจสอบจากวิศวกรผู้เชี่ยวชาญแล้วว่ามีความแข็งแรงและปลอดภัยที่จะใช้จัดนิทรรศการ ทั้งนี้ให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของผู้จัดงาน ในการจัดงาน คณะผู้จัดได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่ดินและสำนักงานเขตแล้ว