คนรักช็อคโกแลตห้ามพลาด! เชฟเป้-สารัตถ์ นิ่มละมัย แชมป์จากรายการ Iron Chef Thailand 2015 และผู้เชี่ยวชาญด้านช็อกโกแลตมานานกว่า 13 ปีได้เปิดคาเฟ่เล็กๆ เลียบถนนสุทธิสารวินิจฉัย ย่านสะพานควาย พร้อมเสิร์ฟเมนูช็อกโกแลตหอมละมุนที่คนรักช็อกโกแลตพลาดไม่ได้เด็ดขาด
นอกจากรูปปั้นอุรังอุตังชิ้นโตหน้าร้านที่สร้างสรรค์จากช็อกโกแลตกว่า 70 กิโลกรัม เป็นที่ดึงดูดสายตาของนักท่องเที่ยวละแวกนั้นแล้ว การตกแต่งร้านเรียบๆ เน้นผนังโทนสีดำตัดกับผนังกระเบื้องสีขาว และบาร์ที่ประดับประดาด้วยช็อกโกแลตสีสันสะดุดตากว่า 20 รสชาติแล้ว ร้านนี้ยังพิถีพิถันทุกขั้นตอนการผลิตตั้งแต่การคัดเลือกโกโก้ชั้นดีจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และจันทบุรี สู่การหมักเมล็ด คั่วเมล็ด จนได้ออกมาเป็นเมนูดาร์กช็อกโกแลต ไวท์ช็อกโกแลต และนมมีให้เลือกทั้งของหวานและเครื่องดื่มหลากรส
เริ่มต้นเมนูแรกกับ The Triple Bar (195 บาท) เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวของมูสนม มูสไวท์ช็อกโกแลต และมูสดาร์กช็อกโกแลต ข้างล่างเป็นบิสกิตช็อกโกแลต เคลือบด้วยดาร์กช็อกโกแลตบางกรุบ ด้านบนเป็นวนิลาครีมหอมๆ ท็อปด้านบนด้วยโกโก้นิปส์ รสชาติไม่หวานจนเกินไป
ต่อด้วยเมนูเครื่องดื่มที่ชื่อว่า Single Origin Hot Chocolate (175 บาท) ที่กลายเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของร้านไปตั้งแต่อาทิตย์แรกที่เปิดตัว ความพิเศษของเมนูนี้อยู่ที่การเทนมช็อกโกแลตร้อนลงบนฝักโกโก้ที่แอบซ่อนด้วยมาชเมลโล่นุ่มๆ อยู่ข้างในเป็นกิมมิคลูกเล่นให้คนกินได้ทำความรู้จักกับหน้าตาของฝักโกโก้ เมื่อทานคู่กัน ให้รสชาติหวานกำลังดี เพราะมีมาชเมลโล่เป็นตัวเชื่อมรสชาติ
ที่ร้านยังมีช็อกโกแลตโบงโบงรสชาติใหม่ (60 บาท/ชิ้น หรือ 590 บาท/เซ็ต/12 ชิ้น) ซึ่งเป็นการผสมผสานรสชาติใหม่ระหว่างฝั่งยุโรป และรสชาติแบบไทย รสชาติที่น่าสนใจมีทั้ง
7 กรกฎาคมของทุกปี ถูกยกให้เป็น ‘วันช็อกโกแลตโลก’ หลังจากขนมหวานชนิดนี้เป็นที่รู้จักของชาวยุโรปอย่างกว้างขวางตั้งแต่ปี ค.ศ. 1550 เป็นต้นมา และการกินช็อกโกแลตก็เป็นหนึ่งในวิธีที่ผู้คนทั่วโลกใช้ฉลองกันในวันนี้ ใครอยากฉลองด้วย Time Out ขอพาไปเช็กอิน 3 คาเฟ่ช็อกโกแลตในกรุงเทพฯ ที่ใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต เพื่อให้ได้ช็อกโกแลตที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน