[title]
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเจอร้านอาหารที่เชฟอยากให้คนกิน ‘ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าเชฟกำลังจะเสิร์ฟอะไร จนกระทั่งได้กินเข้าไป’ แต่เพราะความพิเศษบางอย่างของที่นี่ ทำให้เราอยากเชื่อใจและสนุกไปกับอาหารของเชฟจนจบคอร์ส
Small Dinner Club (SDC) เป็นร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งแห่งใหม่ที่เปิดอยู่ด้านหน้าโครงการเจริญ43 โดดเด่นด้วยหน้าตึกสีเทาเข้มดูลึกลับ เช่นเดียวกับบรรยากาศด้านในและอาหารที่เสิร์ฟ เฮดเชฟผู้รังสรรค์แต่ละจานอาหาร คือ ‘เชฟศรีล โรจนเมธินทร์’ ผู้เคยทำงานในร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งในประเทศออสเตรเลีย ก่อนกลับมาเปิดร้านเป็นของตัวเองในคอนเซ็ปต์ร้านอาหารที่ชูวัตถุดิบไทยล้วนๆ ซึ่งก็คือ SDC แห่งนี้
ความแปลกใหม่ของ SDC ทั้งที่ไม่ใช่ร้านอาหารแรกที่อยากชูวัตถุดิบไทย เราว่าอยู่ตรง ‘การเลือกใช้วัตถุดิบ’ และการนำมาปรุงใหม่อย่างสร้างสรรค์ รวมถึงการนำเสนออาหารอย่างมีศิลปะ ใส่ความสร้างสรรค์ลงไปอย่างไม่ขาดไม่เกิน
ร้านอาหารจะเปิดรับเพียงวันละ 1 รอบเท่านั้น เมื่อไปถึงทุกคนจะต้องนั่งรอที่ชั้นล่างก่อนขึ้นไปรับประทานอาหารพร้อมกันชั้นบน โดยรอบหนึ่งจะรับได้เพียง 12 คน นั่งกินหน้าเคาน์เตอร์บาร์ตัวสูงที่มองเห็นสเตชั่นทำอาหารได้ชัดเจน
คอร์สอาหารจะมีทั้งหมด 16 เมนู รวมจานพิเศษที่เชฟอยากเสิร์ฟแล้ว โดยเราชอบที่เชฟเล่นกับวัตถุดิบได้แปลกใหม่และหลากหลาย ทั้งด้านหน้าตาและรสชาติ รวมถึงชื่อเมนูในแต่ละคอร์สที่เหมือนคำใบ้ว่าคุณกำลังจะได้สัมผัสกับอะไร
อย่างเช่นในคอร์ส “What goes up must come down” เรากินไปแล้วนึกว่าเป็นข้าวโพดทอด แต่แท้จริงแล้วเป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งที่ทุกคนรู้จักกันดี จานนี้ทุกคนจะโดนหลอกด้วยรูปลักษณ์ “She put de lime in de coconut” ก็น่าสนใจไม่เบา เพราะเชฟเล่นกับเนื้อสัมผัสของสัตว์ทะเลกับผลไม้ เอาเป็นว่าหากใครไม่สังเกตคงนึกว่ากินเนื้อมะพร้าวอย่างเดียว
“Too many Italians, only one Asian” เป็นหนึ่งในจานที่เราประทับใจที่สุด เชฟได้แรงบันดาลใจมาจาก ‘พาสต้าและเพลงหมอลำ’ (ซึ่งเปิดให้ฟังอยู่ในร้านด้วย) อีกทั้งจานนี้เชฟศรีลบอกว่าสะท้อนตัวตนของเขาที่มีความเป็นไทยแบบอินเตอร์ได้เป็นอย่างดี ตามด้วยอีกจานที่เรายกนิ้วให้ “Daft Punk is playing in my mouth” แม้แวบแรกหน้าตาจะชวนฉงน เพราะเชฟเสิร์ฟปลาทูซ่อนไว้ใต้น้ำแข็ง ข้างๆ กันมีซอสเผ็ดสีดำ แต่พอกินเข้าไปแล้วรู้สึกเหมือนกิน ‘ต้มยำใส่น้ำแข็ง’ ที่รสจัดจ้านแต่สดชื่น
“Duck & Hide” ก็เป็นคอร์สที่จับคู่วัตถุดิบได้น่าสนใจ แถมก่อนเสิร์ฟเชฟจะมีของมาให้เลือกด้วย หลังจากนั้นจึงนำ ‘เป็ดดรายเอจและกล้วยปิ้ง’ มาให้เรากินคู่กันเป็นโปรตีนกับซอส ซึ่งเข้ากันดีอีกเช่นกัน
ส่วนเมนูของหวาน “Life of rice” เป็นจานที่สะท้อนความตั้งใจของเชฟศรีลได้ดีเหมือนกัน เพราะทุกอย่างทำจาก ‘ข้าว’ แต่เป็นข้าวที่ผ่านกระบวนการที่ต่างกัน มีตั้งแต่ข้าวคั่ว ข้าวดิบ ข้าวสุก ข้าวเกินสุก และข้าวหมัก เชฟนำทั้งหมดมาประกอบกันเป็นของหวานรสเค็มหวานมัน
Small Dinner Club เปิดบริการทุกวันพฤหัส - อาทิตย์ เวลา 18:00 น. ต้องจองล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ www.smalldinnerclub.com หรือสอบถามผ่านอีเมล hello@smalldinnerclub.com