Tony's

  • Restaurants
  • นานา
  • แนะนำ
  1. Tony's
    Thanyanop Lhabngoen / Time Out Bangkok
  2. Tony's
    Thanyanop Lhabngoen / Time Out Bangkok
  3. Tony's
    Thanyanop Lhabngoen / Time Out Bangkok
  4. Tony's
    Thanyanop Lhabngoen / Time Out Bangkok
  5. Tony's
    Thanyanop Lhabngoen / Time Out Bangkok
  6. Tony's
    Thanyanop Lhabngoen / Time Out Bangkok
  7. Tony's
    Thanyanop Lhabngoen / Time Out Bangkok
  8. Tony's
    Thanyanop Lhabngoen / Time Out Bangkok
  9. Tony's
    Thanyanop Lhabngoen / Time Out Bangkok
การโฆษณา

Time Out พูดว่า

ร้านอาหารสไตล์อิตาเลียน-อเมริกันที่จะทำให้คุณอยากชวนคนพิเศษกลับมาด้วยกันบ่อยๆ

หลังจากแอบได้ยินชื่อร้านมานานตั้งแต่เปิดใหม่ๆ ในที่สุดเราก็ได้โอกาสมาพิสูจน์ Tony’s (โทนี่ส์) ด้วยตัวเองสักที ความน่าสนใจของร้านนี้คืออาหารสไตล์อเมริกัน-อิตาเลียนที่เราไม่ค่อยพบเห็นในกรุงเทพฯ 

ก็ตามชื่อ - เจ้าของร้านสีขาวในซอยสุขุมวิท 11 แห่งนี้คือ เชฟโทนี่ หรือชื่อเต็มๆ ว่า แอนโธนี่ เบิร์ด (Anthony Burd) เขาจบจากสถาบันสอนทำอาหาร CIA ที่นิวยอร์ก ก่อนจะเดินทางเก็บประสบการณ์เพิ่มในร้านอาหารในอเมริกา อิตาลี และฮ่องกง ซึ่งเป็นช่วงนั้นเองที่ฝีมือเขาไปเตะตาเชฟรุ่นใหญ่ ฌ็อง-ฌอร์ฌ วงเฌอริกเตน (Jean-Georges Vongerichten) ที่ดึงตัวเขาไปเป็นเชฟประจำร้าน Mercato สาขาใหม่ของเขาบนเกาะฮ่องกง

หลังจาก Mercato ปิดตัวลง เชฟโทนี่ก็โลดแล่นอยู่ในวงการอาหารฮ่องกงและไต้หวันสักพัก ก่อนจะย้ายมาประจำที่ La Scala ของโรงแรมสุโขทัยในปี 2020 และสามารถนำหลากหลายรางวัลมาสู่ให้ห้องอาหารอิตาเลียนแห่งนี้ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจออกมาเปิดร้านอาหารของตัวเองในปลายปีที่แล้ว

กับ Tony’s เชฟโทนี่ตั้งใจทำอาหารที่ เป็นตัวเอง มากขึ้นกว่าที่ผ่านมา โดยเขาบอกกับเราว่า “เพราะผมเติบโตมากับอาหารสไตล์อิตาเลียน-อเมริกัน และนั่นคือสิ่งที่ผมเป็น ผมเลยอยากทำร้านอาหารที่สะท้อนตัวตนของผมได้เป็นอย่างดี”

หลังจากเรานั่งลงตรงโต๊ะกลางร้านที่สามารถมองเห็นบรรยากาศโดยรอบได้ชัดเจน ก็รู้สึกว่าที่นี่เป็นร้านสไตล์ casual ที่มีบรรยากาศใกล้เคียงกับร้านหรูๆ ไม่น้อยเลย ทั้งการจัดวางโต๊ะและการบริการ เลยแอบคิดว่าที่นี่จะเหมาะกับคนอยากกินมื้อพิเศษๆ แต่นั่งอยู่ในบรรยากาศที่ไม่น่าอึดอัดหรือต้องวางตัวจนเกินไป

“ผมอยากทำอาหารอิตาเลียนให้กินได้สนุก เลยตั้งใจทำให้รสชาติเข้มข้นขึ้นกว่าปกติอย่างที่คนไทยชอบ” เชฟโทนี่อธิบาย และเราเองก็สังเกตได้ว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะขนมปังแท่งกรอบที่เสิร์ฟมาให้กินเล่นระหว่างรออาหารก็ได้รสพริกไทยที่ปกติไม่ค่อยเจอเท่าไหร่

เมนูของร้านจะเสิร์ฟแบบอลาคาร์ทและแบ่งเป็นประเภทต่างๆ ให้เลือกสั่งง่ายๆ มีตั้งแต่จานกินเล่น จานหลัก จานเคียง หรือของหวาน แต่ถ้าใครกลัวเลือกไม่ถูกหรือมาชิมครั้งแรก เราแนะนำให้เชื่อใจและจิ้มสั่งเมนูแนะนำของร้านไปเลย ซึ่งจะเป็นเมนูชุดเดียวกับที่เราชิม เริ่มจาก Salmon Tartar (360 บาท) เสิร์ฟพร้อมขนมปังกรอบ จานนี้มีรสเปรี้ยวและเข้มข้นอย่างที่เชฟตั้งใจ ทำให้กินแล้วไม่เลี่ยนแถมยังช่วยให้กินจานอื่นๆ ได้อย่างลื่นไหลด้วย ตามด้วย Grilled Octopus (580 บาท) เราชอบความนุ่มของหนวดปลาหมึกย่างที่ใช้มีดตัดได้ง่ายดาย กินคู่กับมันฝรั่งริซอตโตและชิลลี่ออยล์ 

จานหลักเราเลือกเป็นพาสต้ากุ้ง Tortellini (480 บาท) ที่ขอบอกเลยว่าแฟนพาสต้าไม่ควรพลาดเลย เพราะร้านทำเส้นสดได้ดีจริงๆ เข้ากับซอสรสเค็มๆ มันๆ และที่พลาดไม่ได้อีกหนึ่งอย่าง Truffle Pizza (780 บาท) พิซซ่าอบด้วยเตาฟืนที่แม้จะไม่ใช่เมนูแนะนำ แต่เอาเป็นว่าหากใครอยากลองชิมทรัฟเฟิล เชฟจะสไลด์ลงหน้าพิซซ่าให้อย่างจุใจ ทว่ากินแล้วกลับหอมและปริมาณกำลังดี ไม่เยอะเกินไปจนรู้สึกเลี่ยน

ของหวานในร้านอาหารอิตาลีที่ห้ามพลาด Tiramisu (320 บาท) เราว่าเชฟทำรสชาติและเนื้อสัมผัสได้กำลังดี ไม่รู้สึกว่ากินแล้วหนักเกินไปหลังจากอิ่มกับอาหารทั้งหมด และนอกจากเมนูอาหาร ร้านก็ยังมีบาร์ค็อกเทลให้สั่งเครื่องดื่มมาจิบเพลินๆ อีกด้วย สามารถขอคำแนะนำจากบาร์เทนเดอร์ได้เลย

Kenika Ruaytanapanich
เขียนโดย
Kenika Ruaytanapanich

รายละเอียด

ที่อยู่
27, 477
Soi Sukhumvit 11
Khlong Toei Nuea, Watthana
Bangkok
10110
ข้อมูลติดต่อ
092 329 6629
เปิดบริการ
จันทร์-ศุกร์ 16:00 - 23:00 น., เสาร์-อาทิตย์ เวลา 12:00 - 23:00 น.
การโฆษณา
เรื่องน่าสนใจอื่นๆ ที่คุณน่าจะชอบ