
หน้าหลัก Time Out Bangkok
เอดิชันภาษาไทยของมีเดียแพลตฟอร์มระดับโลกที่อัปเดตไลฟ์สไตล์คนเมืองมาตั้งแต่ปี 1968

Bars
พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ Time Out เลือก ‘ไปค่ะไป’ มาร่วมทำคู่มือพิเศษเกี่ยวกับบาร์เปิดใหม่ที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ...

Things to do
อีเวนต์น่าสนใจในกรุงเทพฯ ตลอดเดือนตุลาคมนี้
ก้าวเข้าสู่เดือนตุลาคม เดือนที่ 10 ของปี เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและก็ใกล้สิ้นปีเข้าไปทุกที เดือนนี้ยังเป็นช่วงเวลาพิเศษที่หลายคนรอคอย...

Things to do
กิจกรรมน่าทำในกรุงเทพฯ สุดสัปดาห์นี้ (9 - 12 ตุลาคม)
หน้าฝนยังไม่ทันจากไปดี แต่เดือนตุลาคมนี้กลับเต็มไปด้วยกิจกรรมสุดสนุกที่ชวนให้ออกไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ กันอีกเพียบ Time Out รวบรวมอีเวนต์เด็ดทั่วกรุงเทพฯ...

Things to do
กรุงเทพฯ เดินหน้าสู้มลพิษทางอากาศ
ตึกสูงระฟ้าของกรุงเทพฯที่ขนานกับเส้นขอบฟ้า อาจจะเป็นภาพจำของเมืองหลวงไทย แต่หมอกควันหนาทึบกลับเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากเห็น เพื่อจัดการกับปัญหานี้ ผู้ว่าฯ...

Things to do
ครบรอบ 10 ปี TEDxBangkok: เรียนรู้แนวคิด Through the Cracks ผ่านสปีกเกอร์ 12 คน
กว่าสิบปีที่ผ่านมาของเวทีทอล์กที่เต็มไปด้วย ‘ความคิด’ ของบุคคลที่มีไอเดียปลุกพลังหรือแรงบันดาลใจบนเวที TEDxBangkok...
การโฆษณา
อีเวนต์และกิจกรรมน่าสนใจในกรุงเทพฯ
อัปเดตข่าวล่าสุดจาก Time Out กรุงเทพฯ

Things to do
ครบรอบ 10 ปี TEDxBangkok: เรียนรู้แนวคิด Through the Cracks ผ่านสปีกเกอร์ 12 คน
กว่าสิบปีที่ผ่านมาของเวทีทอล์กที่เต็มไปด้วย ‘ความคิด’ ของบุคคลที่มีไอเดียปลุกพลังหรือแรงบันดาลใจบนเวที TEDxBangkok เป็นการการันตีได้แล้วว่าพลังความคิดของคนมีของนั้นย่อมเป็นคลังเชื้อเพลิงชั้นดีให้สังคม
ซึ่งงานทอล์กระดับประเทศอย่าง TEDxBangkok เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2015 เป็นการรวมตัวของ TEDxOrganizers และสมาชิก TED Open Translation Project ที่หลงใหลใน TEDxTalk โดยเฉพาะ พวกเขาเชื่อว่าความรู้และความคิดจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของคนในสังคม
ส่วน TEDxBangkok 2025 ปีนี้มี ‘พิ-พิริยะ’ เป็น Licence Holder และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังงาน ที่นำเสนอแนวคิด ‘Through the Cracks ผ่านรอยร้าว’ ซึ่งพูดถึง ‘รอยแตก’ หรือ ‘รอยแยก’ ที่อยู่ในตัวเราหรือในโลกอย่างเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อต้นปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงที่มาจากความล้มเหลว ความเปราะบาง ความผิดพลาด เพื่อกลับไปทำความความเข้าใจและสร้างสิ่งใหม่จากความเปราะบางนั้น
จากแนวคิดดังกล่าว TEDxBangkok ได้เปิดตัวสปีกเกอร์ 12 คน ด้วยบุคคลในวงการที่หลากหลาย ทั้งศิลปิน นักวิชาการ ผู้กำกับ แม้แต่อดีตคนไร้บ้านที่มีแนวคิดริเริ่มทำบางอย่างได้น่าทึ่ง นอกจากสปีกเกอร์แล้วยังเป็นการสำรวจกิจกรรมให้เห็นคุณค่าของความงามและความเปราะบางที่ซ่อนอยู่ ด้วยกิจกรรม Museum of Broken, Voices through the Cracks และ Constructing Bangkok
Photograph: TEDxBangkok
ขอเรียกน้ำย่อยด้วยสปีกเกอร์จากหลากหลายวงการ ที่มีผลต่อแรงสั่นสะเทือนเทียบเท่าแผ่นดินไหว อย่าง อาจารย์มิก ผู้ก่อตั้ง iTAX แอปพลิเคชันที่ทำให้เรื่องภาษีกลายเป็นเรื่องง่าย, ไก่-ณฐพล ผู้กำกับซีรีส์ล่าสุดอย่างสงครามส่งด่วน, ลาดิด-ณชนก นักศึกษาแพทย์ปี 5 ที่ลาออกมาเป็นนักเขียนวรรณกรรมเควียร์ เจ้าของผลงานล่าสุดอย่างวิมานหนาม, ปั๊บ-โปเตโต้ ศิลปินร็อกในตำนาน ผู้เติบโตจากความคาดหวังของสังคมและบาดแผลในชีวิต, ดร.สันติ นักธรณีวิทยาหรือเจ้าของเพจ มิตรเอิร์ธ – mitrearth ผู้ให้ความรู้และความเคลื่อนไหวเรื่องแผ่นดินไหวจากรอยเลื่อนสะกายเมื่อต้นปีที่ผ่านมา, ดร.ตฤณห์ นักอาชญวิทยา ผู้ถอดรหัสตัวตนที่เปราะบางของมนุษย์
ส่วนสปีกเกอร์อีก 6 คนก็เป็นบุคคลที่อยู่ในแวดวงของศิลปิน นักสำรวจและนักเล่าเรื่องที่มีชื่อเสียง ไม่เว้นแม้แต่วิศวกร หรือนักบำบัดที่อยู่ในกรอบของธีม ‘ผ่านรอยร้าว’ ด้วยเช่นกัน อย่าง Mackcha –ชรารัตติ์ ผู้สร้างคาแรกเตอรชาล็อตต์ให้เป็นตัวแทนของความกล้า, สิงห์–วรรณสิงห์ นักเล่าเรื่องผู้ใช้เลนส์สำรวจรอยร้าวของมนุษย์ผ่านสงคราม, ออม–ณัชนาถ นักศิลปะบำบัด อดีตนักระบำใต้น้ำทีมชาติ ผู้ที่จะสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ใจของตัวเอง, ไปป์–ธาวัน วิศวกรผู้ออกแบบหุ่นยนต์เก็บขยะอวกาศ, ลุงธร อดีตคนไร้บ้าน ผู้ริเริ่มร้านค้าราคาศูนย์บาท ที่เปลี่ยนขยะให้กลายเป็นต้นทุนชีวิต และตูน–ชยานันท์ ศิลปินคินสึงิที่ซ่อมรอยร้าวด้วยความรัก
ไปเจอเหล่าสปีกเกอร์ทั้ง 12 ท่านได้ที่งาน ‘TEDxBangkok 2025: Through the Cracks ผ่านรอยร้าว’ วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เวลา 13.00–19.00 น. ณ เคแบงก์สยามพิฆเนศฮอลล์ (อาคารสยามสแควร์วัน ชั้น 7) หรือติดตามความเคลื่อนไหวกิจกรรมได้ทางเฟซบุ๊ก tedxbangkok และเว็บไซต์ tedxbangkok.com

Shopping
Thai Market โผล่สาขาใหม่ที่ Jurong Point พร้อม ‘กองทัพมาม่า’ สตรีตฟู้ด และสินค้ากว่า 2,000 รายการ
ผ่านมาแล้วกว่า 40 ปี นับตั้งแต่ Thai Supermarket หรือเพื่อนไทยมาร์เก็ต ได้เปิดร้านเล็กๆ ครั้งแรกที่ย่านโกลเด้นไมล์ ตอนนี้ซูเปอร์มาร์เก็ตอย่างเพื่อนไทยมาร์เก็ตที่คนสิงคโปร์ชื่นชอบ ได้ฉลองวันสำคัญด้วยการเปิดสาขาใหม่ที่ Jurong Point ห้างดังในสิงคโปร์เพิ่มอีกหนึ่งสาขา หลังจากเปิดแฟลกชิปสโตร์เต็มรูปแบบที่ Aperia Mall ในย่านกัลลังเพียงแค่สองปี
Photograph: Thai Supermarket
ภายในร้านเต็มไปด้วยสินค้ากว่า 2,000 รายการ ที่คัดสรรจากเมืองไทย ครบครันด้วยของกินและของใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นขนม เครื่องปรุงรส พริกแกงรสจัดจ้านสำหรับทำอาหารรสเผ็ดหรือน้ำซุปแบบไทยๆ
ไฮไลต์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ ‘กองทัพมาม่า’ ที่มีทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและโจ๊กกึ่งสำเร็จรูปจากหลากหลายแบรนด์และหลายรสชาติ นับเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งแรกในสิงคโปร์ที่รวบรวมมาม่าจากเมืองไทยมาไว้เพียบ เหมาะสำหรับมื้อดึกหรือวันที่ขี้เกียจทำอาหารสุดๆ
Photograph: Thai Supermarket
บรรยากาศในร้านเป็นการจำลองเสน่ห์ของร้านสตรีตฟู้ดในไทย ด้วยซุ้มอาหารสดแบบสตรีตฟู้ด ที่ปรุงให้เห็นกันตรงหน้า หนึ่งในนั้นคือ ‘The Crispy Crepes’ เครปกรอบแบบไทย มีขนมเบื้องทั้งคาวหวาน รวมถึงขนมถังแตก แพนเค้กใบเตย ข้าวเหนียวมะม่วง และชาไทยร้อนหรือเย็นหอมๆ
Photograph: Thai Supermarket
อีกมุมหนึ่งคือ ‘ยำยำทอดทอด’ บาร์ส้มตำที่เลือกระดับความเผ็ดได้ตามใจชอบ มีทั้งตำมะม่วง ตำมะละกอ เสิร์ฟพร้อมหนังหมูกรอบ หรือมะม่วงเปรี้ยวจิ้มน้ำปลาหวาน เหมาะกับคนอยากกินของแซ่บแบบกินเล่นในมื้อง่ายๆ
Photograph: Thai Supermarket
ไม่เพียงแค่อาหารเท่านั้น แต่ยังมีของใช้และของฝากไลฟ์สไตล์จากเมืองไทยให้เลือกอีกเยอะ ทั้งผลิตภัณฑ์เย็นชื่นใจจากแบรนด์ตรางู ขี้ผึ้งแซมบัค และยาดมที่มีทั้งแบบแท่งและกระปุกที่หลายคนต่างก็ติดใจ
เข้าไปชมและช้อปได้ที่ Thai Market by Thai Supermarket ตั้งอยู่ที่โซน #B1-45 ในห้าง Jurong Point เดินทางง่ายๆ ด้วยรถไฟฟ้า MRT แล้วลงที่สถานี Boon Lay ซึ่งเชื่อมต่อกับห้างโดยตรง ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง เพื่อนไทย

Things to do
กลับมาอีกครั้งกับปาร์ตี้สำหรับคนรักกาแฟ Morning Affair Vol.5
กลับมาอีกครั้งกับปาร์ตี้สำหรับคนรักกาแฟในงาน Morning Affair Vol.5 ปาร์ตี้สุดชิคที่รวมเอาความหอมกรุ่นของกาแฟเข้ากับจังหวะดนตรีสุดมันส์ได้อย่างลงตัว ครั้งนี้กลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิมในสเกลที่จัดเต็มทั้งบรรยากาศ โปรดักชัน และความสนุกที่ขยับระดับขึ้นอีกขั้น พร้อมยึดพื้นที่ทั้ง Sphere Hall Stage และเวทีสุดฮอตอย่าง OG TTT Stage ให้กลายเป็นโลกของดนตรี คาเฟอีน และเสียงหัวเราะตั้งแต่สายยันบ่าย
สำหรับใครที่เคยประทับใจกับ Morning Affair ครั้งก่อนเตรียมตัวให้พร้อม เพราะทุกอย่างที่คุณรักยังอยู่ครบ ทั้งกาแฟดี ดนตรีโดน และผู้คนที่เต็มไปด้วยพลังบวก แต่ครั้งนี้รับรองว่างานจะสนุกคึกคัก และอบอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟยิ่งกว่าเดิมแน่นอน สำหรับสายกาแฟที่อยากอัปเลเวลประสบการณ์กาแฟแก้วโปรด ภายในงานนี้จัดเต็มด้วยเมนูจาก Rise Coffee พร้อมเสิร์ฟทั้งกาแฟหอมกรุ่นและเบเกอรี่รสละมุนให้ได้เลือกชิมกันแบบจุใจ
Photograph: tictactoebangkok
ส่วนใครที่อยากเพิ่มความสดชื่นอีกนิดก็ไม่ต้องห่วง เพราะภายในงานก็มีซิกเนเจอร์ค็อกเทลจาก Tictactoe ให้ได้จิบเบาๆ คู่กับจังหวะบีตจากดีเจที่จะปลุกให้คุณตื่นตัวตลอดทั้งงาน จะเต้น จะชิล หรือจะจีบใครสักคนระหว่างถือแก้วกาแฟก็ไม่ผิดกติกา เพราะนี่คือปาร์ตี้ที่เกิดมาเพื่อคนที่อยากสนุกโดยไม่ต้องรอให้ถึงกลางคืน ไม่ต้องกลัวเมา ไม่ต้องกลัวแฮงค์ แค่เตรียมร่างกายให้พร้อมแล้วมาปล่อยความมันส์ตั้งแต่เช้าไปด้วยกัน
นอกจากกาแฟและเสียงเพลง สิ่งที่ทำให้ Morning Affair โดดเด่นกว่าปาร์ตี้ทั่วๆ ไป คือบรรยากาศของผู้คนที่พร้อมจะสร้างความทรงจำใหม่ๆ ในทุกแก้วกาแฟ ไม่ว่าคุณจะมาเดี่ยวหรือมาเป็นแก๊ง ก็มีโอกาสได้เจอเพื่อนใหม่ที่คุยกันถูกคอ หรืออาจจะเจอ คอฟฟี่เดตที่รออยู่ในงานก็เป็นได้ นี่คือพื้นที่ของคนที่อยากใช้เวลายามเช้าให้มีความหมาย สนุกได้โดยไม่ต้องพึ่งแอลกอฮอล์
Photograph: tictactoebangkok
งานนี้จะจัดขึ้นที่ Tictactoe Bangkok ชั้น 5, Emsphere บัตรมีให้เลือกสองประเภท — Pink Ticket (Sphere Hall Stage) ราคา 490 บาท รวมเครื่องดื่ม 2 แก้ว และ Purple Ticket (Tictactoe + Sphere Hall Stage) ราคา 990 บาท รวมเครื่องดื่ม 2 แก้ว (จองบัตร) สำหรับใครที่อยากมาสนุกยกแก๊ง โต๊ะใน Phase 2 สำหรับทั้งสองเวทีมีจำนวนจำกัด สามารถสำรองโต๊ะได้ทาง LINE OA: @tictactoebangkok วันที่ 19 ตุลาคม ตั้งแต่เวลา 10.30 - 16.00 น.

Movies
8 หนังสั้นชนะรางวัลใน Inspiring Thailand 2025: สำรวจเยาวชนมองเห็นอะไรใน (จิตใจ) ตัวเอง
ประกาศผลแล้วกับ 8 ผู้ชนะรางวัลในการประกวดเทศกาลหนังสั้น Inspiring Thailand 2025 ที่โรงภาพยนตร์เฮาส์ สามย่าน นับเป็นเรื่องแปลกใจน่าใจหาย เมื่อพบว่า เยาวชนในปัจจุบันเริ่มหันมาโอบอุ้มดูแลเรื่องสุขภาพจิตและกล้าที่จะสื่อสารหรือเป็นกระบอกเสียงให้ตนเองและคนรอบข้างกันจริงจังมากขึ้น
เทศกาลหนังสั้นเพื่อสังคมระดับเอเชีย หรือ Inspiring Thailand Micro Film Festival 2025 คือเวทีที่รวบรวมนักเล่าเรื่องและนักสร้างสรรค์ผ่านพลังของภาพยนตร์ ซึ่งมีจุดเริ่มต้นในสิงคโปร์เมื่อปี 2021 โดย Mr. Lionel Li ผู้ก่อตั้งและประธานมูลนิธิ Li Foundation (LIF) โดยปีที่แล้วได้มีผลงานเข้าประกวดถึง 70 เรื่องจาก 8 ประเทศด้วยกัน
ส่วนปีนี้ Inspiring Thailand จัดขึ้นโดย Documentary Club และ ECCA Family Foundation รวมถึงเครือข่ายพันธมิตร กับธีมสุขภาพจิตเยาวชน ได้มีผลงานหนังสั้นส่งเข้าประกวดทั้งหมด 243 เรื่อง ทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด และอังกฤษ
จากหนังสั้นทั้งหมด 243 เรื่อง ได้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย 16 เรื่อง จนคณะกรรมการได้คัดเลือกเหลือผู้ชนะเพียง 8 เรื่อง ซึ่งรางวัลจะแบ่งออกเป็น 2 สาขาหลัก ได้แก่ รางวัล Best Micro Film Award 3 เรื่อง คือ It's Okay to be a Jellyfish (คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ที่จะเป็นแมงกระพรุน), ราตรีวงกต (The Way to Escape from Eternity) และ We Are Abdullah ส่วนรางวัล Best Project Award 2 เรื่อง คือ When the Bench Hears และ Quiet Legacy (มรดกเงียบ)
ยังมีรางวัลพิเศษ Audience Award (หนังขวัญใจคนดู) 1 เรื่อง คือ In her monologue ยังมีรางวัลพิเศษอย่าง Young Filmmaker Award ในฐานะคนทำหนังรุ่นใหม่น่าจับตาระดับมัธยมศึกษาอีก 2 เรื่อง คือ Dilettante Serotonin และ AWAKENING
เรื่องราวของหนังสั้นที่ชนะการประกวดทั้ง 8 ผลงานต่างเคล้าไปด้วยความกังวล ความเหงา การดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองหายจากโรคทางใจ การเชื่อมโยงกับตัวเองในสภาวะเบื่อหน่ายโดยใช้จินตนาการและความฝัน การรังเกียจตัวเองจนถึงขั้นอยากกลายเป็นแมงกะพรุน การถูกทำร้ายจนกลายเป็นปมในใจ การอยากมีอิสรภาพเช่นสัตว์ การได้เป็นเพื่อนคอยรับฟังปัญหา หรือการได้เป็นพื้นที่ปลอดภัยให้ใครสักคน
ต่อไปนี้คือ 8 หนังสั้นชนะรางวัลที่แบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 สาขาด้วยกัน
อันดับที่ 8 รางวัลสาขา Audience Award หรือหนังขวัญใจคนดู
Photograph: Documentary Club
In her monologue (2025 / 4.46 นาที) : ผู้กำกับ: คะนึงลักษณ์ ใบโพธิ์วงศ์ / โปรดิวเซอร์: ณิชกานต์ ธรมธัช / London School of Economics and Political Science & King’s College London
เริ่มจากอันดับที่ 8 สำหรับ In her monologue ที่คว้า Audience Award รางวัลพิเศษ ‘หนังขวัญใจคนดู’ คือหนังสั้นที่ได้รับคะแนนโหวตมากที่สุดจากผู้ชมในวันงานเทศกาล เป็นหนังสั้นจากโครงการ Parkjai หรือพื้นที่พักใจของเยาวชนไทยในต่างแดน โดยเริ่มต้นจากลอนดอน ที่อังกฤษ ผ่านการสื่อสารเรื่องการดูแลจิตใจทางโซเชียล หรือเป็นการนำเสนอช่องทางและหน่วยงานด้านสุขภาพจิตต่างๆ
In her monologue คือการผจญภัยครั้งใหม่ที่ได้เดินตามความฝันและออกเดินทางเพียงลำพัง ในวันที่ของเด็กผู้หญิงที่ต้องใช้ชีวิตไกลบ้าน ห่างจากครอบครัว และคนที่รัก แต่แล้วเสียงในหัวก็พาเธอไปพบกับ ‘เพื่อนใหม่’ ในตัวเธอ ทั้งความเหงา ความกังวล ความตื่นเต้น ความสนุก ฯลฯ ทำให้เธอได้เรียนรู้ ปรับตัว และเติบโตในระหว่างการเดินทางครั้งนี้
อันดับที่ 7 และ 6 ชนะรางวัลสาขา Young Filmmaker Award
Photograph: Documentary Club
Dilettante Serotonin (2025 / 5.07 นาที) ผู้กำกับ-โปรดิวเซอร์: กานต์พิชชา พงษ์นิล / โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย และโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี จ.ลพบุรี
มาถึงอันดับที่ 7 คือผู้ชนะรางวัลสาขา Young Filmmaker Award นั่นคือ Dilettante Serotonin เรื่องราวของ ‘บ๊วย’ เด็กนักเรียน ม.ปลาย ที่รับรู้ตัวเองป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อตัวเธอ ทั้งความคิด ความฝัน และพฤติกรรมต่างๆ ที่เปลี่ยนไป ยิ่งกว่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กอย่าง ‘ปาล์ม’ ก็ค่อยๆ ย่ำแย่ลง เพราะความเข้าใจที่ไม่ตรงกันเหมือนแต่ก่อน เธอจึงพยายามหาวิธีให้ตัวเองหายจากโรคนี้ให้ได้
Photograph: Documentary Club
AWAKENING (2022 / 7.00 นาที) ผู้กำกับ-โปรดิวเซอร์: บัวริเยท เอี่ยมกมล / โรงเรียนไตรพัฒน์ / ปัจจุบัน: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ส่วนอันดับที่ 6 หนังสั้นเรื่อง AWAKENING เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ชนะรางวัลสาขา Young Filmmaker Award ว่าด้วยเรื่องราวเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ในสภาวะเซื่องซึมและขาดแรงจูงใจในการใช้ชีวิต เนื่องจากต้องใช้ชีวิตวนลูปอยู่แต่ในห้อง จนวันหนึ่ง เขาได้เข้าไปผจญภัยในโลกแห่งความฝัน และกลับไปเชื่อมโยงกับตัวเองอีกครั้ง
อันดับที่ 5 และอันดับที่ 4 รางวัลรองชนะเลิศ สาขา Best Micro Film Award
Photograph: Documentary Club
It's Okay to be a Jellyfish (คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ที่จะเป็นแมงกระพรุน) (2025 / 5.30 นาที) ผู้กำกับ: ยูซึงมิน, สุดารัตน์ สาโรจน์จิตติ / โปรดิวเซอร์: ปฏิภาณ บุณฑริก Error Brothers, เชียงราย
สำหรับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 5 สาขา Best Micro Film Award คือการเล่าเรื่อง (จินตนาการ) ในโลกที่ผู้คนบางส่วนเริ่มกลายเป็น ‘แมงกะพรุน’ โดยหญิงสาวที่ชื่อ ‘แฮอึน’ ก็คือคนที่เกิดอาการรังเกียจตัวเองมากขึ้นทุกขณะ เธอรู้สึกว่าตัวเธอเองค่อยๆ โปร่งใสจนร่างกายแสบชาราวกับมีไฟฟ้าสถิต แต่ระหว่างที่ชีวิตล่องลอยไร้ทิศทาง เธอกลับเริ่มมองเห็นตัวเองอาศัยอยู่ในแมงกะพรุน แถมยังยอมรับสภาวะนั้นอย่างเงียบเชียบ
Photograph: Documentary Club
ราตรีวงกต (The Way to Escape from Eternity) (2025 / 4.36 นาที) ผู้กำกับ-โปรดิวเซอร์: ศิวกร บุญสร้าง กรุงเทพฯ
อีกหนึ่งรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 4 ในสาขา Best Micro Film Award กับเรื่องราวของการเล่าเรื่องภาพสีโทนเดียวกันในห้วงราตรี ในขณะที่จิตสำนึกก็สับสนในคราวเดียวกัน อีกทั้งการบอกกล่าวของชายหนุ่มนักศึกษาซึ่งได้เปิดเผยเรื่องราวของการถูกแม่ของแฟนสาวทำร้าย จนกลายเป็นปมในใจ ที่ทำให้เขานอนไม่หลับตลอดหลายเดือน
อันดับที่ 3 ผู้ชนะสาขา Best Micro Film Award รางวัลหนังสั้นยอดเยี่ยม
Photograph: Documentary Club
We Are Abdullah (2025 / 7.00 นาที) ผู้กำกับ-โปรดิวเซอร์: วีรพงษ์ สุนทรฉัตราวัฒน์: Survey Film Ahead, เชียงใหม่
ส่วนรางวัลหนังสั้นยอดเยี่ยมนั้นเป็นเรื่องราวของ ‘อับดุลเลาะห์’ ที่อยากปลดปล่อยให้นกปรอดหัวโขนได้มีชีวิตเป็นอิสระ แต่การอาศัยอยู่ในเมืองที่ผู้คนขังนกไว้เพื่อฟังเสียงร้องอาจเป็นความสุขแค่ไม่กี่อย่างที่พวกเขาครอบครองได้ แต่เขาจะมีเรี่ยวแรงปล่อยนกทุกตัวได้จริงหรือไม่ และเขาเริ่มเหนื่อยล้าจากการพยายามปลดปล่อยนกเข้าแล้ว หรือเป็นเพราะตัวเขาเองต่างหากที่ติดอยู่ในกรงที่ยังมองไม่เห็น
อันดับที่ 2 รางวัลรองชนะเลิศสาขา Best Project Award
(รางวัลหนังสั้น+โครงการเพื่อสังคมยอดเยี่ยม)
Photograph: Documentary Club
When the Bench Hears (2025 / 6.20 นาที) ผู้กำกับ-โปรดิวเซอร์: สุธรรม จีระศิลป์
When the Bench Hears คือเรื่องราวของผู้ป่วยจิตเวชจำนวนมหาศาลในไทยซึ่งไม่เคยมีพื้นที่ระบายความอัดอั้นตันใจออกมา แต่หากผู้ป่วยได้มีโอกาสพูดปัญหาของตนออกมาก็เท่ากับได้ช่วยเหลือพวกเขาในเบื้องต้นแล้ว จึงเป็นที่มาของโครงการ ‘ม้านั่งมีหู’ (Bench With Ears) กระบวนการอาสาสมัครสุขภาพจิตในชุมชน โดย Sati App ที่ต้องการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสุขภาพจิต และคอยรับฟังปัญหา นั่นเพราะปัญหาสุขภาพจิตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ในหลายพื้นที่ชุมชนยังขาดแคลนทรัพยากรและบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ
อันดับที่ 1 รางวัลชนะเลิศสาขา Best Project Award
(รางวัลหนังสั้น+โครงการเพื่อสังคมยอดเยี่ยม)
Photograph: Documentary Club
Quiet Legacy (มรดกเงียบ) (2025 / 6.56 นาที) ผู้กำกับ-โปรดิวเซอร์: กุลวดี ทองไพบูลย์ / โปรดิวเซอร์: กุลกานต์ ชนะกาญจน์-แมมเบอร์
สำหรับรางวัลชนะเลิศของโครงการ Micro Film Festival Inspiring Thailand 2025 ยกให้แก่ Quiet Legacy (มรดกเงียบ) คือการส่งต่อความเจ็บปวดของวัยรุ่นอายุ 14 ปี กับแม่ที่ยังติดอยู่กับบาดแผลในอดีตจนไม่อาจก้าวข้ามช่องว่างทางอารมณ์ได้ ผ่านภาพย้อนความทรงจำที่คู่ขนานกัน ทั้งความเงียบที่ไม่ได้เอ่ย และรอยแผลที่ต่างแบกรับ
หนังสั้นเรื่องนี้มาจากโครงการ ‘ส่งต่อใจ: ส่งต่อพื้นที่ปลอดภัยด้วยความเข้าใจ’ โดยสมาคมนักจิตวิทยาคลินิกไทย ที่มุ่งเน้นการสร้าง ‘พื้นที่ปลอดภัย’ ภายในครอบครัวและชุมชน โดยคำนึงถึงผลกระกระทบจากบาดแผลทางใจ เพื่อตอบสนองต่อปัญหาสุขภาพจิตของเยาวชนที่ทวีความรุนแรงขึ้น
หลังจากนี้รอติดตามการประกาศผลตัวแทนจากประเทศไทยว่าจะได้รับโอกาสเข้าสู่รอบ Grand-Final Round จากเทศกาลหลักที่สิงคโปร์ได้หรือไม่ ในวันจันทร์ที่ 13 ตุลาคมนี้ทางเพจ Documentary Club

Things to do
The Nutcracker บัลเลต์ที่ครองใจคนทั้งโลกมายาวนาน จัดแสดงครั้งแรกในไทย 11 ตุลาคมนี้
ครั้งแรกของไทยที่จะได้ชมการแสดงคณะบัลเลต์ที่มีชื่อเสียงก้องโลกอย่าง The Nutcracker บัลเลต์ 2 องก์ที่เป็นอมตะประจำเทศกาลคริสต์มาสของไชคอฟสกี (Tchaikovsky) โดยครั้งนี้ Samara Theatre พร้อมนักเต้นกว่าร้อยชีวิต จะนำโปรดักชั่นล่าสุดร่วมกับวงออร์เคสตร้ามาถ่ายทอดความงามผสานจินตนาการ ดนตรี และภาพฝันให้ผู้ชมได้ตื่นตา
The Nutcracker คือการเต้นรำของคณะบัลเลต์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก โดยจัดแสดงทุกปีในช่วงเทศกาลวันหยุด ทั้งคณะบัลเลต์มืออาชีพและโรงเรียนสอนศิลปะ ซึ่งบัลเลต์เรื่องนี้ถือเป็นผลงานที่ครองใจผู้ชมทุกวัยและคนทั้งโลก และอาจเป็นผลงานที่เปิดประตูให้ใครหลายคนได้รู้จักโลกของศิลปะการเต้นรำได้แท้จริง
การแสดงครั้งนี้จะเล่าเรื่องราวของเวทมนตร์ในคืนวันคริสต์มาสอีฟของครอบครัวซิลเบอร์เฮาส์ (Silberhaus) ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่น และการผจญภัยในอาณาจักรมหัศจรรย์ของเด็กหญิง ‘คลาร่า’ กับของขวัญและตุ๊กตาไม้ ‘นัทแคร็กเกอร์’ และการต่อสู้กับ ‘ราชาหนู’ แต่เรื่องราวดันจบลงเมื่อคลาร่าตื่นขึ้นมาในเช้าวันคริสต์มาสเสียก่อน
ซึ่งจริงอย่างว่าที่ เธีย ซิงเกอร์ นักข่าวจากหนังสือพิมพ์ The Boston Globe บอกไว้ว่า การเต้นรำเปล่งประกายยิ่งกว่าอัญมณี
แต่กว่าจะเป็นคณะบัลเลต์ที่มีชื่อเสียงอย่าง The Nutcracker ได้ทุกวันนี้ อาจจะเพราะพรสวรรค์หรือโชคเข้าข้างก็ตาม ที่แน่ๆ พวกเขาเคยเผชิญเบื้องหลังที่ไม่เคยสวยหรูมาก่อน
Photograph: anadolu/gettyimages
The Nutcracker ต้นกำเนิดจากนิทานของนักเขียนฮอฟมันน์
The Nutcracker คือบัลเลต์ที่มีต้นกำเนิดจากนิทานของนักเขียนชาวเยอรมันชื่อ อี.ที.เอ. ฮอฟมันน์ (E.T.A. Hoffmann) ที่ชื่อว่า Nutcracker and Mouse King พูดถึงเด็กหญิงชื่อ Marie Stahlbaum ที่ใช้ชีวิตอยู่ในกรอบและธรรมเนียมเคร่งครัดของครอบครัว วันหนึ่งในงานเลี้ยงวันคริสต์มาส คุณพ่อทูนหัว ดรอสเซลไมเออร์ (Drosselmeier) ได้นำของขวัญมาให้เด็กๆ รวมถึงมารีก็คือ ตุ๊กตานัทแคร็กเกอร์ เพื่อปลุกพลังและจินตนาการให้แก่เธอ แต่เผอิญตุ๊กตาดันแตกหักเสียก่อน
แต่คืนนั้นหลังจากงานเลี้ยงจบลง ตุ๊กตานัทแคร็กเกอร์ของเธอได้กลายร่างเป็นคน และได้ต่อสู้กับราชาหนู จนเมื่อนัทแคร็กเกอร์เอาชนะราชาหนูได้ เขาก็ชวนมารีเดินทางสู่โลกแห่งจินตนาการที่เต็มไปด้วยความอัศจรรย์ ในที่สุดเธอจึงได้ตัดสินใจเลือกที่จะอยู่ในโลกนั้นตลอดไป
ต่อมานิทานเรื่องนี้ถูกนำมาเรียบเรียงใหม่โดยนักเขียนชาวฝรั่งเศส ชื่อ Alexandre Dumas ผู้เขียน The Three Musketeers และ The Count of Monte Cristo เขาได้เปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น The Nutcracker of Nuremberg และเปลี่ยนชื่อเดิมของ ‘มารี’ เป็น ‘คลาร่า’
ดูมาส์ได้แต่งเติมเรื่องราวให้สนุกและมีสีสัน โดยเพิ่มฉากการเต้นระบำในองก์แรก และเหล่าขนมหวานในการแสดงองก์ที่สอง ส่วนฉากที่สำคัญที่สุดคือ เขาตัดตอนจบอันแสนเศร้าของต้นฉบับออกไป เปลี่ยนเป็นให้คลาร่าและนัทแคร็กเกอร์ได้กลับบ้านอย่างมีความสุขแทน
Photograph: anadolu/gettyimages
ไชคอฟสกี นักแต่งเพลงประกอบบัลเลต์ใน The Nutcracker
ซึ่งในองก์ที่สองนี้เอง ไชคอฟสกี ได้รับมอบหมายให้แต่งเพลงประกอบบัลเลต์เรื่องนี้โดยผู้อำนวยการโรงละครหลวงแห่งมอสโก (Moscow’s Imperial Theatres)
ระหว่างที่เขากำลังแต่งเพลงก็ได้ค้นพบเครื่องดนตรีชนิดใหม่ เรียกว่า เซเลสตา (celesta) ที่มีหน้าตาคล้ายเปียโน ซึ่งให้เสียงที่ใสระยิบระยับเหมือนกล่องดนตรี ทันทีที่ได้ยินเสียงนี้เขาก็รู้ทันทีเลยว่าต้องถูกนำมาใช้ในประกอบบัลเลต์เรื่อง The Nutcracker อย่างแน่นอน ซึ่งเสียงจากเซเลสตาก็ปรากฏในโน้ตเปิดเพลงบรรเลง Hedwig’s Theme ในหนังเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ด้วย
Photograph: anadolu/gettyimages
จากอดีตถึงปัจจุบันของ The Nutcracker
ในที่สุด The Nutcracker ก็ได้เปิดการแสดงครั้งแรกที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ในปี 1892 แต่กลับล้มเหลวและไม่ประสบความสำเร็จ
เพราะ มาริอุส เปติปา นักออกแบบท่าเต้นชื่อดังซึ่งเป็นผู้กำกับคณะบัลเลต์เรื่องนี้ดันป่วยเสียก่อน ทำให้งานทั้งหมดตกไปอยู่ในมือของผู้ช่วยของเปติปาเพียงคนเดียว ทำให้พวกเขาได้รับคำวิจารณ์อย่างหนัก ตั้งแต่ดนตรี ฉากการแสดง เครื่องแต่งกาย ไปจนถึงการแสดงบนเวที
แต่การแสดง The Nutcracker ยังคงเดินสายจัดแสดงต่อไปชั่วครั้งคราวทั่วรัสเซียและยุโรปในบางประเทศ แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร จนวิลเลียม คริสเตนเซ่น ผู้ก่อตั้ง San Francisco Ballet และ Ballet West ได้ชักชวนทีมงาน The Nutcracker มาจัดแสดงที่ซานฟรานซิสโก ในปี 1944 ซึ่งครั้งนี้เรียกว่าประสบความสำเร็จก็ย่อมได้ แต่มามีชื่อเสียงโด่งดังจริงๆ ก็หลังจากที่ จอร์จ บาลานชิน ได้เปิดตัว The Nutcracker กับ New York City Ballet ขึ้นในปี 1954
หลังจากนั้น The Nutcracker ก็ดังเป็นพลุแตก สาเหตุมาจากมาเรีย ทอลชีฟ นักบัลเลต์ผู้เปี่ยมพรสวรรค์ซึ่งเป็นคนรักและแรงบันดาลใจของบาลานชิน ได้รับบทเป็น Sugar Plum Fairy ซึ่งบทบาทเด่นของเธอในวันนั้นทำให้ The Nutcracker กลายเป็นที่รักและโด่งดังในชั่วข้ามคืน
ปัจจุบัน The Nutcracker จัดแสดงในคณะบัลเลต์มืออาชีพทั่วโลก นอกจากนี้ยังทำการแสดงโดยโรงเรียนและสตูดิโอบัลเลต์ขนาดเล็กอีกด้วย โดย Studio R Ballet ได้นำ The Nutcracker มาแสดงในทุกเทศกาลตั้งแต่ปี 2010 ซึ่งทั้งฉากการแสดง ชุด และนักแสดง มีการปรับเปลี่ยนและเติบโตจนกลายเป็นการแสดง The Nutcracker ในรัฐแอริโซนา ที่มีรอบการแสดงราวๆ 1 ชั่วโมง และเหมาะกับผู้ชมทุกวัย
อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่ไชคอฟสกีและเปติปาไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อมองเห็นความสำเร็จของ The Nutcracker ในภายหลัง
The Nutcracker เริ่มแสดงวันที่ 11 ตุลาคมนี้ ที่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ดูราคาบัตรและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ bangkokfestivals

Things to do
ชมฝนดาวตกโอไรออนิดส์ เศษฝุ่นจากดาวหางฮัลเลย์ ในคืนวันที่ 21 ถึงเช้าวันที่ 22
ใครที่ชื่นชอบปรากฏการณ์ฝนดาวตกเป็นชีวิตจิตใจ หรือเฝ้ารอคอยที่จะชมให้ได้สักครั้ง ทาง สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) ชวนชมดาวเคราะห์เด่นและปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่น่าติดตามตลอดเดือนตุลาคมนี้
แน่นอนว่า ดาวเคราะห์เด่นของเดือนนี้คือ ฝนดาวตกโอไรออนิดส์ ที่จะเริ่มปรากฏให้เห็นในเวลา 22.30 น. ของวันที่ 21 ตุลาคมไปจนถึงเช้าวันที่ 22 ตุลาคม
Photograph: Genevieve de Messieres / Shutterstock
ปกติแล้วฝนดาวตกโอไรโอนิดส์ (Orionid Meteor Shower) จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 2 ตุลาคม - 7 พฤศจิกายนของทุกปี ตอนที่โลกได้เคลื่อนผ่านแนวเศษฝุ่นของดาวหางฮัลเลย์ (Halley’s Comet) หนึ่งในดาวหางที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งในปี 2025 นี้ ฝนดาวตกโอไรโอนิดส์จะถึงช่วงพีคในคืนวันที่ 21-22 ตุลาคมที่จะถึงนี้ สายดูดาวรอชมกันได้
เหตุที่กลุ่มดาว ‘โอไรโอนิดส์’ เป็นดาวเคราะห์เด่น นั่นก็เพราะมีที่มาจากกลุ่มดาวนายพราน (Orion) เป็นหนึ่งในกลุ่มดาวที่เด่นและรู้จักกันมากที่สุดบนท้องฟ้าในช่วงฤดูหนาวของซีกโลกเหนือ และฤดูร้อนของซีกโลกใต้ มีชื่อมาจากนายพรานในตำนานกรีก โดยมีดาวสำคัญในกลุ่มดาวนายพราน ได้แก่ 1) Betelgeuse คือดาวยักษ์แดงที่เป็นไหล่ซ้ายของนายพราน 2) Rigel คือดาวสีน้ำเงินขาวที่เป็นเท้าขวา 3) Bellatrix คือดาวสว่างที่เป็นไหล่ขวา 4) Mintaka, Alnilam, Alnitak คือดาวสามดวงที่เรียงเป็นเส้นตรงเหมือนเข็มขัดของนายพราน และ 5) Saiph คือดาวสว่างที่เปรียบเสมือนเท้าซ้าย
Photograph: VCG / getty images
อย่างไรก็ตาม กลุ่มดาวนายพรานเป็นที่นิยมทั้งในด้านดาราศาสตร์และวัฒนธรรมของนักดูดาว เพราะไม่เพียงแต่สวยงาม ยังช่วยให้สังเกตเห็นปรากฏการณ์อย่างฝนดาวตกโอไรโอนิดส์ได้ง่ายขึ้น
จริงๆ แล้วฝนดาวตกจะมองเห็นได้ทุกตำแหน่งบนท้องฟ้า ปีนี้จึงถือว่าเหมาะมากสำหรับการชม เพราะเป็นคืนที่ไม่มีแสงจันทร์รบกวน ทำให้ท้องฟ้ามืดสนิทและมองเห็นดาวตกชัดเจน ซึ่งฝนดาวตกโอไรโอนิดส์ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในฝนดาวตกที่สว่างและเคลื่อนที่เร็วที่สุด โดยจะพุ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลกด้วยความเร็วเกือบ 70 กิโลเมตรต่อวินาที และอาจมองเห็นได้มากถึง 20-30 ดวงต่อชั่วโมง
Photograph: VCG / getty images
ส่วนเคล็ดลับการชมฝนดาวตกโอไรโอนิดส์ให้เต็มอิ่ม คือช่วงเวลาระหว่างเที่ยงคืนถึงรุ่งสาง รวมถึงการเลือกสถานที่ที่มืดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์พิเศษอย่างกล้องโทรทรรศน์หรือกล้องส่องทางไกล ซึ่งความลับคือการทอดสายตามองท้องฟ้าให้กว้างและไกลที่สุด อย่าลืมปรับสายตาให้ชินในความมืดก่อนประมาณ 30 นาที
นอกจากฝนดาวตกโอไรออนิดส์ ยังมีปรากฏการณ์เด่นที่เริ่มดูได้ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม เช่น ดาวเสาร์เคียงดวงจันทร์ ดาวพฤหัสบดีเคียงดวงจันทร์ กระจุกดาวรวงผึ้งเคียงดวงจันทร์ หรือดาวชื่อเพราะพริ้งอย่างดาวแอนทาเรสเคียงดวงจันทร์อีกด้วย
ติดตามข้อมูลและการชมปรากฏการณ์ฝนดาวตกได้ที่ NARIT หรือข้อมูลแนะนำสำหรับสายซีเรียส อย่างการใช้กล้องดูดาวหรือการคำนวณเวลาตามตำแหน่งของพระอาทิตย์และดวงจันทร์ได้ที่ space.com

Things to do
ดูหนังธีมสยองขวัญรับฮาโลวีนท่ามกลางบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา
กลับมาอีกครั้งกับโปรแกรมดูหนังกลางแจ้งสุดพิเศษที่ในครั้งนี้ Skyline Film Bangkok จับมือกับ Asiatique The Riverfront ชวนทุกคนออกมาต้อนรับเทศกาลฮาโลวีนไปกับการดูหนัง 4 เรื่องหลอนสุดคลาสสิก ที่จะพาคุณอินไปครบทุกอารมณ์ ทั้งโรแมนติก อบอุ่น สะเทือนใจ ไปจนถึงขนหัวลุก!
เริ่มจากความฝันยามค่ำคืนของชายหนุ่มและหญิงสาวในห้วงเวลา กับ Midnight in Paris, ต่อด้วยหนังผีที่หลายคนยกให้เป็นหนึ่งในที่สุดของความสยองกับ The Conjuring คนเรียกผี ตามด้วยความรักข้ามเวลาสุดซึ้งใน Sleepless in Seattle และปิดท้ายด้วยการไขคดีฆาตกรหน้ากากผีสุดคลั่งใน Scream
ถ้าคุณเป็นคอหนังสยองขวัญ ไม่ควรพลาดกับโอกาสสุดพิเศษนี้ จะมาดูคนเดียว มาดูกับแฟน หรือยกทีมเพื่อนมาทั้งกลุ่ม ก็ได้ฟีลสุดอบอุ่นในบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมวิวเรือหรูและฉากหลังเป็นชิงช้าสวรรค์ยามพระอาทิตย์ตก 25 - 26 ตุลาคมนี้ ที่ Asiatique The Riverfront บัตรราคา 350 บาท ทุกเรื่องทุกรอบ (จองบัตรได้ที่นี่) และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Facebook: Skyline Film ดูหนังบนดาดฟ้า
โปรแกรมฉายหนัง
Photograph: Skyline Film Bangkok
วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม เวลา 17.30 น. - Midnight In Paris
หนังข้ามเวลาสุดคลาสสิกที่คนรักความหลัง ไม่ควรพลาด เมื่อ ‘กิล เพนเดอร์’ นักเขียนชาวอเมริกันผู้หลงใหลในยุคทองของศิลปะ เดินทางมากรุงปารีสพร้อมคู่หมั้น แต่ในคืนหนึ่งหลังเที่ยงคืน เขากลับพบว่าตัวเองหลุดเข้าไปยังยุค 1920s ที่เต็มไปด้วยศิลปินและนักเขียนระดับตำนาน การได้พบปะคนเหล่านั้นทำให้เขาหลงใหลในเสน่ห์ของปารีสมากกว่าเดิม และเมื่อหญิงสาวคนหนึ่งผู้มีความฝันใกล้เคียงกันปรากฏตัวขึ้น ความรู้สึกของกิลก็เริ่มสั่นไหว จนต้องตั้งคำถามกับความสัมพันธ์ปัจจุบัน ว่าแท้จริงแล้ว เขาอยากอยู่กับคนที่เหมือนกัน หรือ เข้าใจมากกว่ากัน
Photograph: Skyline Film Bangkok
วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม เวลา 20.30 น. - The Conjuring
เตรียมหลอนไปกับหนึ่งในภาพยนตร์สยองขวัญเหนือธรรมชาติ ที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของ จักรวาลคนเรียกผีอันโด่งดัง สร้างจากเหตุการณ์จริงของ เอ็ด และ ลอร์เรน วอร์เรน คู่สามีภรรยานักปราบผีชื่อก้องโลก ที่ถูกเชิญให้ไปช่วยเหลือครอบครัวเพอร์รอน หลังจากพวกเขาพบว่า บ้านหลังใหม่เต็มไปด้วยพลังงานลึกลับและวิญญาณร้ายสุดอาฆาต สิ่งที่มองไม่เห็นค่อยๆ แสดงตัวออกมา พร้อมเหตุการณ์ประหลาดที่ยากจะอธิบาย ทวีความน่ากลัวขึ้นทุกที ในขณะที่เอ็ดและลอร์เรนต้องเสี่ยงชีวิตต่อสู้กับพลังเหนือธรรมชาติที่ไม่เคยเผชิญมาก่อน
Photograph: Skyline Film Bangkok
วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม เวลา 17.30 น. - Sleepless In Seattle
นี่อาจเป็นหนึ่งในหนังรักที่พระเอกและนางเอกแทบไม่ได้เจอกันเลยตลอดทั้งเรื่อง แต่กลับทำให้คนดูอบอุ่นหัวใจได้อย่างน่าประหลาด เรื่องราวของ ‘แซม’ ชายวัยกลางคนที่ยังทำใจไม่ได้หลังการสูญเสียภรรยา เขาคิดถึงเธอมากจนไม่ยอมเปิดใจให้ใครใหม่ แต่ลูกชายของเขากลับอยากเห็นพ่อมีความสุขอีกครั้ง จึงโทรไปเล่าเรื่องของพ่อในรายการวิทยุเกี่ยวกับความรักและในอีกฟากหนึ่งของประเทศ ‘แอนนี่’ หญิงสาวที่บังเอิญฟังรายการนั้นอยู่ ก็เกิดตกหลุมรักพ่อหม้ายที่เธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
Photograph: Skyline Film Bangkok
วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม เวลา 20.30 น. - Scream (1996)
ในเมืองเล็กๆ แสนสงบชื่อวูดส์โบโร่ ความหวาดกลัวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ ‘ซิดนีย์ เพรสคอตต์’ สาวมัธยมธรรมดาๆ คนหนึ่งต้องเผชิญกับการสายปริศนาจากบุคคลปริศนาในหน้ากากผี เสียงปลายสายที่ดูเหมือนแค่ล้อเล่น กลับค่อยๆ กลายเป็นเกมไล่ล่าที่มีเดิมพันคือชีวิต เมื่อเพื่อนรอบตัวเริ่มถูกฆ่าทีละคน เมืองทั้งเมืองก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ขณะที่ซิดนีย์ต้องพยายามหาคำตอบให้ได้ว่าใครกันแน่ที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้หน้ากากนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนใกล้ตัว แฟนหนุ่ม หรือใครบางคนที่เธอไม่เคยคาดคิด

Things to do
สำรวจความสัมพันธ์ของผู้คนและสถานที่ใน Flowers for Everyone โดย juli baker and summer
หลายคนคงคุ้นเคยกับลายเส้นหรือฝีแปรงสีสันน่ารักที่เคยเห็นบนกระเป๋าผ้า หน้าปกอัลบั้มเพลง นิตยสาร หนังสือ ฯลฯ ซึ่งเต็มไปด้วยพลังของอารมณ์และจินตนาการของศิลปินที่มีบุคลิกท่าทีสดใสสมกับผลงานอย่าง juli baker and summer กันอยู่แล้ว
Photograph: juli baker and summer
juli baker and summer หรือ ป่าน–ชนารดี ฉัตรกุล ณ อยุธยา คือศิลปินร่วมสมัยที่ถ่ายทอดผลงานด้วยเรื่องราว อารมณ์ และจินตนาการเหมือนการบันทึกไดอารี่ ภาพวาดของเธอจึงเต็มไปด้วยเศษเสี้ยวในชีวิตประจำวัน ความคิดและเรื่องเล่าที่ทั้งแปลก กินใจ และโอบรับชีวิตผู้อื่นจนกลายมาเป็นเบื้องหลังภาพวาดบนผืนผ้าใบ
ล่าสุด juli baker and summer จัดนิทรรศการเดี่ยวป๊อปอัปชื่อว่า Flowers for Everyone นิทรรศการนี้เปรียบเสมือนการสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนกับสถานที่ผ่านภาพวาด ซึ่งเผยให้เห็นถึงความงดงามที่เรียบง่ายและไม่ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นภาพท้องฟ้าเหนือแถบสแกนดิเนเวีย หรือดอกไม้เมืองร้อนในกรุงเทพฯ ที่ล้วนมีเรื่องราวในนั้น
ในนิทรรศการจะเล่าเรื่องราวผ่านการ ‘สังเกต’ และ ‘จินตนาการ’ สิ่งละอันพันละน้อยที่ละเอียดอ่อน อย่างเช่นผู้คนกับเมืองทั้งในกรุงเทพฯ และแถบสแกนดิเนเวีย ธรรมชาติที่โอบล้อมด้วยกันกับผู้คน การดิ้นรนของคนไกลบ้าน การแบ่งปันความว่างเปล่าและความงามของดอกไม้ ทั้งหมดเป็นการขับเคลื่อนฝีแปรงของศิลปินที่เต็มไปด้วยพลังแต่ก็เงียบงันไปในคราวเดียว
Photograph: SAC Gallery
การเดินทางในบทแรกกับ The Journal of the Nordic Lands
ในบทแรกของนิทรรศการชื่อว่า The Journal of the Nordic Lands เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางในแถบสแกนดิเนเวีย ซึ่งป่านวาดภาพท้องฟ้า สวน และป่าไม้ที่อาบสีสันดูสดใสงดงาม แต่เบื้องหลังของสภาพภูมิทัศน์ยังสะท้อนถึงแรงงานไทยที่เดินทางไปเก็บผลเบอร์รี่ทุกปี ซึ่งความจริงแล้วแรงงานไทยมักเป็นเรื่องราวที่ถูกซ่อนเร้น แต่กลายเป็นผลงานที่เธอถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ผ่านภาพวาดที่ทั้งอ่อนโยนและงดงาม ซึ่งเป็นตัวแทนของชีวิต ความอดทน และการดิ้นรนที่อยู่ห่างไกลบ้าน
Photograph: SAC Gallery
สังเกตชีวิตและจังหวะของเมืองผ่านเรื่องเล่าในบทใหม่
จากแถบสแกนดิเนเวีย จนกลับสู่กรุงเทพฯ ป่านเปิดเรื่องเล่าบทใหม่ด้วยการบันทึกภาพผ่านการสังเกตชีวิตในอพาร์ตเมนต์เล็กๆ ใกล้สวนสาธารณะ เธอมองเห็นจังหวะของเมืองที่สอดประสานกัน ไม่ว่าจะเป็นคู่รักนั่งปิกนิก แม่บ้านกำลังเปลี่ยนกะทำงาน ชาวต่างชาติออกกำลังกาย แรงงานอพยพกับกลุ่มเด็ก หรือกลุ่มนักเรียนที่รวมตัวกันหลังเลิกเรียน ภาพชีวิตเหล่านี้ร้อยเรียงกันเป็นเครือข่ายที่เปราะบาง การอยู่ร่วมกันควบคู่กับความพลัดพราก ในกรุงเทพฯ จึงปรากฏในฐานะเมืองแห่งโอกาสและเมืองแห่งความว่างเปล่า และยังสะท้อนถึงประสบการณ์ที่ศิลปินเคยพบเห็นในต่างแดน
Photograph: SAC Gallery
ทั้งสองบทกลายเป็นเรื่องเล่าของดอกไม้
จากการพบเจอทั้งชีวิตในกรุงเทพฯ และแถบสแกนดิเนเวียก็ได้ผลิบานเป็นผลงานในชุดใหม่ เช่น You can look at these flowers, they’re for everyone และ The flowers I saw in my dream last night เป็นการสังเกตและการจินตนาการอย่างละครึ่งผ่านภาษาดอกไม้ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตเมือง ดูธรรมดาแต่ส่องประกาย หยั่งรากแต่ก็พลัดพราก ซึ่งเป็นแรงปรารถนาที่เธอแบ่งปันให้ทุกคนเข้าถึงได้ ขณะเดียวกันก็เป็นการหยิบเรื่องราวของคนตัวเล็กๆ ที่ก็มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเมืองมาพูดถึงในนิทรรศการนี้ได้หมดจด
นิทรรศการ Flowers for Everyone จัดแสดงตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 7 พฤศจิกายน (เข้าชมฟรี) เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00–22.00 น. ที่ Crystal Court ชั้น M โซน North สยามพารากอน

Things to do
Rolling Loud ประกาศยกเลิกคอนเสิร์ตในไทย
หลังจากกระแสซุบซิบบนโซเชียลฯ มาหลายเดือน ทั้งโพสต์ใน Reddit การคาดเดาของแฟนๆ และความเงียบผิดสังเกตที่ไร้การประกาศศิลปิน แม้บัตร Early Bird จะถูกขายออกไปแล้ว ล่าสุดผู้จัด Rolling Loud Thailand ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันแล้วว่า เทศกาลฮิปฮอประดับโลกปี 2568 จะถูกยกเลิก โดยให้เหตุผลเพียงสั้นๆ ว่าเป็นสถานการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุม
เดิมทีงานมีกำหนดจัดที่พัทยาในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงก็จะเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน แต่การที่ต้นตุลาคมมาถึงโดยยังไม่มีไลน์อัปใดๆ ถูกปล่อยออกมา ยิ่งตอกย้ำความสงสัยว่ามีบางอย่างผิดปกติ ซึ่งตอนนี้ผู้จัดได้เริ่มคืนเงินค่าบัตรแล้ว ทำให้แฟนๆ หลายคนผิดหวังตามคาด
โดยเฉพาะในแวดวงที่ความตื่นเต้นของงานเทศกาลมักถูกขับเคลื่อนด้วยการประกาศไลน์อัปและคลิปไวรัลออนไลน์ Rolling Loud ทิ้งท้ายเพียงว่าอาจมีการกลับมาในเอเชียอีกครั้ง พร้อมแนะนำให้แฟนๆ สมัครอีเมลลิสต์เพื่อรอข่าวว่าจะเป็นการคืนเวทีที่พัทยา หรือย้ายไปเมืองใหม่แทน
Photograph: Rolling Loud ThailandRolling Loud Thailand
แม้งานในปีนี้จะถูกยกเลิก แต่สิ่งที่น่าสนใจคือความมั่นคงของเทศกาลดนตรีระดับโลก เมื่อขยับขยายฐานไปตามภูมิภาคต่างๆ ขณะเดียวกันกระแสฮิปฮอปในไทยยังคงเติบโต ทั้งจากศิลปินท้องถิ่นและแขกรับเชิญจากต่างประเทศ การหายไปของ Rolling Loud ปีนี้ จึงไม่ใช่แค่การหายไปของงานเทศกาลหนึ่ง แต่ยังทิ้งช่องว่างทางวัฒนธรรมไว้ด้วย
สำหรับตอนนี้ เวทียังคงว่างเปล่า ส่วนปีหน้า แฟนๆ ต้องคอยลุ้นว่าเสียงบีตจะกลับมาที่ไทยอีกครั้ง หรือมุ่งหน้าไปยังบทใหม่ที่เมืองอื่นในเอเชียแทน

Things to do
งานวิจิตรเจ้าพระยา กลับมาพร้อมกับ 45 วันแห่งศิลปะ วัฒนธรรม และแสงไฟสุดตระการตาริมแม่น้ำเจ้าพระยา
งานวิจิตรเจ้าพระยา 2568 เทศกาลแสงสีเสียงสุดยิ่งใหญ่ที่จะกลับมาทำให้แม่น้ำเจ้าพระยาเต็มไปด้วยสีสันอีกครั้ง! ปีนี้จัดเต็มยาวนานถึง 45 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน - 15 ธันวาคม ทำให้กรุงเทพฯ สว่างไสวตลอดเดือนครึ่ง อีกทั้งงานในปีนี้ยังตรงกับวันสำคัญอย่าง วันลอยกระทง ในวันที่ 5 พฤศจิกายน แน่นอน คุณจะได้ลอยกระทงท่ามกลางแสงไฟสุดตระการตา
การแสดงพลุ แสง สี เสียงจัดจะกระยาตามแลนด์มาร์กริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เราคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็น ไอคอนสยาม สะพานพระราม 8 เอเชียทีค ท่าเรือศิริราช วัดอรุณ และอีกมากมาย งานนี้ถือว่าเป็นงานศิลปะครั้งใหญ่ของกรุงเทพฯ ที่แต่ละคืนจะมีทั้งโชว์ไฟสุดอลัง โปรเจ็กชัน 3 มิติ และการแสดงวัฒนธรรมบนเวทีตามท่าเรือและจุดสำคัญต่างๆ บอกเลยว่าใครไปเจอจะได้ทั้งศิลปะ มิวสิกโชว์ และโชว์ธีมพิเศษที่ผสมผสานเสน่ห์ความเป็นไทยกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว
Photograph: Vijit Chao Phraya 2024
สำหรับปีที่ 4 ของการจัดงานนี้ คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวมากกว่า 1.5 ล้านคน และสร้างรายได้กว่า 500 ล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจไทย โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับพันธมิตรหลักได้เตรียมเดินหน้าเต็มกำลัง อีกทั้งโรงแรมและเรือล่องแม่น้ำก็มีแพ็กเกจพิเศษไว้ต้อนรับผู้เข้าร่วมงานที่ต้องการบรรยากาศชมวิวสุดพิเศษ คุณสามารถนั่งชมริมน้ำ หรือเลือกที่นั่งบนดาดฟ้าเรือก็ได้ฟีลสุดฟินเหมือนกัน และสำหรับสายกล้อง อย่าลืมชาร์จแบตให้พร้อม เพราะมีการประกวดถ่ายภาพและวิดีโอที่อาจทำให้ผลงานของคุณกลายเป็นไวรัลได้เลย
เรื่องความปลอดภัยก็หายห่วง มีทั้งเจ้าหน้าที่กองทัพเรือ ตำรวจน้ำ โรงพยาบาล และเจ้าหน้าที่คอยดูแล ทั้งการจราจร พื้นที่ชมงาน และความปลอดภัยโดยรวม การเดินทางก็ง่ายสุดๆ ทั้งรถไฟฟ้า BTS และเรือโดยสาร
Photograph: Vijit Chao Phraya 2024
เบื้องหลังความตระการตานี้ยังซ่อนแนวคิด การเดินทางที่เปี่ยมความหมาย หรือ Meaningful Travel ที่อยากชวนให้นักท่องเที่ยวใช้เวลาอยู่กับวัฒนธรรมริมแม่น้ำ สนับสนุนร้านค้าและชุมชนท้องถิ่น ไม่ใช่แค่แวะมาถ่ายรูปแล้วก็จากไป แต่ได้ซึมซับประสบการณ์ที่มีคุณค่าไปด้วย
วิจิตรเจ้าพระยา 2025 จึงไม่ใช่แค่เทศกาลแสงสี แต่เป็นแม่เหล็กการท่องเที่ยวที่พร้อมดันกรุงเทพฯ ขึ้นแท่นเวทีโลก เทียบชั้นกับแม่น้ำสายดังอย่างแซนหรือเทมส์ และแน่นอนว่ากรุงเทพฯ รู้ดีที่สุดว่าต้องจัดงานให้ออกมาปังจนพลาดไม่ได้
การโฆษณา
เผื่อคุณจะพลาดสิ่งนี้ไป...

Travel
ได้รับการสนับสนุน
COMO Metropolitan Singapore โรงแรมใจกลางสิงคโปร์ที่อยากให้ผู้เข้าพักมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ใกล้ช่วงไฮซีซั่นเข้าไปทุกที สายเที่ยวคงปักหมุดที่พักตามไลฟ์สไตล์กันให้วุ่น ซึ่งถ้าใครกำลังมองหาช่วงเวลาของการพักผ่อนเพื่อบาลานซ์ความสมดุลทั้งกายใจ โรงแรม COMO...

Things to do
ได้รับการสนับสนุน
ไม่ใช่แค่ Private Club แต่นี่คือคอมมูนิตี้ที่ความคิดสร้างสรรค์มาบรรจบกันอย่างไร้ขอบเขต
กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่พร้อมเปิดพื้นที่ให้ทุกคนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มครีเอทีฟสุดคึกคักไปจนถึงคลับไพรเวทสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่นี่มีพื้นที่ให้กับทุกไลฟ์สไตล์ และ JAI...

Travel
ได้รับการสนับสนุน
สัมผัสประสบการณ์ที่เป็นได้มากกว่าโรงแรม ที่ COMO Metropolitan Singapore
ว่ากันว่า สิงคโปร์ เป็นหนึ่งในหมุดหมายลำดับต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวไทยเลือกที่จะไปพักผ่อนในช่วงเวลาสั้นๆ เพราะด้วยการเดินทางที่ง่าย การท่องเที่ยวที่สะดวก...

Things to do
ได้รับการสนับสนุน
พาแม่เดินชมสวนดอกไม้กว่า 1 ล้านดอก ที่งาน ‘The Mall Lifestore Women Inspired’
วันแม่ปีนี้ ถ้าใครที่ยังไม่รู้ว่าจะพาแม่ไปไหน เราขอชวนทุกคนพาคุณแม่ไปชมมหัศจรรย์สวนดอกไม้กลางห้าง กับ ‘The Mall Lifestore Women Inspired’...

LGBTQ+
ได้รับการสนับสนุน
ดื่มด่ำไปกับความหลากหลาย
งานไพรด์ในประเทศไทยมีเหตุผลที่ยิ่งใหญ่ใหม่ในการเฉลิมฉลองตลอดทั้งปี เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2567...
รีวิวร้านอาหารและคาเฟ่ในกรุงเทพฯ

Restaurants
Gordon Ramsay Bread Street Kitchen & Bar ICONSIAM
หลายปีหลังจากกระแสความนิยมของรายการทำอาหารที่พุ่งสูงขึ้น เชฟหลายคนได้กลายเป็นขวัญใจของคนรักอาหารทั่วโลก และหนึ่งในนั้นคือ เชฟกอร์ดอน แรมซีย์...

Restaurants
Tapori
เมื่อพูดถึงอาหารอินเดีย ภาพจำของใครหลายคนคงหนีไม่พ้นสตรีตฟู้ดที่พ่วงมากับรถเข็น หรือตลาดที่มีผู้คนชุกชุม...

Restaurants
โสมะ
ตั้งแต่ร้านอาหารไทยได้รับรางวัลต่างๆ ไม่ว่าจะมิชลินไกด์ Thailand’s Favourite Restaurant หรือ The Worlds 50 Best Restaurants...

Restaurants
Olivetto
สาวกพาสต้าทั้งหลายคงคุ้นชินกับเบคอนในคาโบนารา หรือแซลมอนย่างในซอสเพสโต้ ราวกับเป็นสูตรสำเร็จของเมนูเส้นยอดนิยมจากอิตาลี...

Restaurants
Bisou
Bisou แกสโตรไวน์บาร์สไตล์ฝรั่งเศสเปิดใหม่ล่าสุด ย่านหลังสวน เสิร์ฟจริตปาริเซียงสุดเท่และเซ็กซี่...
บทสัมภาษณ์ล่าสุด

Movies
เป้–อารักษ์ อมรศุภศิริ : จากชีวิตร็อกแอนด์โรลสู่ผู้กำกับผู้ท้าทายทุกบทบาท
เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ เชื่อว่าแทบไม่มีใครไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ เพราะเขาคือบุคคลที่เรียกได้ว่าอยู่มาทุกยุค ผ่านมาแล้วหลายบทบาท...

Things to do
ทำความรู้จักกับ ‘นก–นภัสสร’ หมอดูไพ่ทาโรต์ขวัญใจชาว TikTok ในกรุงเทพฯ
แม้ไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่หลายๆ คนก็มักจะมองหาที่พึ่งจากลางสังหรณ์บางอย่าง อย่างการแหงนหน้ามองดูดาว บางครั้งก็เปิดสำรับไพ่ทาโรต์...

Art
พบกับ Taylor Srirat เจ้าของช่องพอดแคสต์ ‘House of TayTay’
ในยุคที่พอดแคสต์ได้รับความนิยมจนเรียกได้ว่าหลายคนเลือกฟังมากกว่าดนตรี ผู้ฟังสามารถค้นหาช่องบนยูทูบได้แทบทุกหัวข้อเพียงคลิกเดียว แต่ท่ามกลางเนื้อหาที่ล้นหลามนี้...
รีวิวบาร์ในกรุงเทพฯ
Bars
Lost in Thaislation
ข้าวมันไก่ ผัดไทย หมูสับเกี้ยมบ๊วย ข้าวเหนียวมะม่วง ทั้งหมดนี้คือชื่อเมนูค็อกเทลของร้าน Lost in Thaislation บาร์ใหม่ย่านทองหล่อโดย ‘ฝาเบียร์ - สุชาดา...
Bars
#FindTheLockerRoom
แม้จะเป็นที่รู้จักจากรางวัลการันตีคุณภาพมากมายทั้งที่มอบให้ร้านและบาร์เทนเดอร์แต่ก็ยังยืนหนึ่งเรื่องการเป็น ‘บาร์ลับ’ อยู่ดี สำหรับ...
Bars
Falcon Secret Bar
ตอนที่ร้าน Marie Guimar (มารี กีร์มาร์) ร้านอาหารไทยบนชั้น 28 ของโรงแรม Wyndham Bangkok Queen Convention Centre เปิดใหม่ๆ...
แนะนำโรงแรมทั่วกรุงเทพฯ

Travel
Kimpton Kitalay Samui
ใครอยากหนีไปพักผ่อนเงียบๆ แต่ก็อยากเจอบรรยากาศมีชีวิตชีวาให้รู้สึกได้มาพักผ่อน เราว่าอาจจะชอบรีสอร์ทแห่งใหม่ Kimpton Kitalay Samui (คิมป์ตัน คีตาเล สมุย)...

Hotels
Capella Bangkok
โรงแรมคาเพลลา (Capella) แห่งแรกในประเทศไทยตั้งอยู่บนที่ดินผืนงามริมแม่น้ำเจ้าพระยาบนถนนเจริญกรุง ให้บริการห้องพัก ห้องสวีท และวิลลา 101 ห้อง...

Hotels
W Bangkok
ถ้าจะบอกว่า W Bangkok คือหนึ่งในโรงแรมหรูที่เท่ที่สุด คูลที่สุด ฮิปที่สุดในกรุงเทพฯ ก็คงไม่ผิด ตั้งแต่สถานที่ใจกลางกรุงเทพฯ ณ แยกสาทร...

Hotels
Sindhorn Kempinski Hotel
สินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนเขียวชอุ่มของสินธรวิลเลจ ใกล้กับโรงแรม Kimpton Maa-Lai Bangkok และห้าง Velaa เป็นโรงแรมเคมปินสกี้แห่งที่ 2...

Hotels
Kimpton Maa-Lai Bangkok
โรงแรมแห่งแรกจากแบรนด์ Kimpton ที่เข้ามาเจาะตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดดเด่นด้วยการออกแบบที่ทันสมัยและการผสมผสานกันอย่างลงตัวของทุกองค์ประกอบ...
Quick Meal: ดูคลิปเมนูทำง่ายจากร้านดังทั่วกรุงเทพฯ

Restaurants
พล่ากุ้งอบวุ้นเส้น
Time Out: Quick Meal คลิปนี้ ชวนเชฟเรณู หอมสมบัติ จากร้าน Saffron โรงแรม Banyan Tree กรุงเทพฯ หนึ่งในร้านอาหารที่ร่วมฉลองครบรอบ 25 ปีเบียร์ช้าง ในงาน Time Out...


