Top Koaysomboon

รู้จัก Hansik กันไหมครับ Hansik (한식) แปลง่ายๆ ก็คือวัฒนธรรมอาหารแบบเกาหลี และรัฐบาลเกาหลีทั้งระดับเมืองและระดับประเทศ กำลังโปรโมต Hansik อย่างหนักหน่วง ให้วัฒนธรรมอาหารของเกาหลีเป็นที่จดจำในวงกว้างในระดับเดียวกับ K-Entertainment — ที่ในระดับโลกว่า Hallyu หรือ Korean Wave แต่ Hansik ในความเข้าใจของเรากับของเกาหลีอาจจะต่างกันอยู่นิดนึง เช่นถึงเราจะเห็นฉากกินรามยอนกันบ่อยมากๆ จนเราอยากกินตามในซีรีส์เกาหลี แต่รามยอนไม่ได้เป็น Hansik แกนหลักที่รัฐบาลเกาหลีอยากนำเสนอนะครับ เช่นเดียวกับการกินไก่ทอดแบบเกาหลีคู่กับเบียร์ (ที่ถ้าจะให้ฟินสุดๆ ต้องกินสู้ลมหนาวริมแม่น้ำฮัน) Hansik คือวัฒนธรรมอาหารแบบดั้งเดิมของชนชาติเกาหลี ใช้วัตถุดิบในประเทศและกระบวนวิธิการทำที่พัฒนาส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น เป็นไม้ยืนต้นที่เป็นแกนหลักของวัฒนธรรมอาหารแบบเกาหลีจริงๆ โดย Hansik ที่รัฐบาลเกาหลีอยากโปรโมตในตอนนี้ มี 3 อย่างครับ คือ การหมักดอง (ก็คือกิมจิ และ จัง หรือซอสต่างๆ เช่น โคชูจัง) เนื้อวัวฮันวู (ที่ว่ากันว่าจะเป็น the next Wagyu) และ อาหารวัด (ใช้คำว่า temple food เลย เป็นอาหารเจที่ปรุงจากวัตถุดิบตามฤดูกาล)  โปรโมตกันอย่างจริงจังผ่านอีเวนต์อาหารแบรนด์ระดับโลก Asia’s 50 Best Restaurants 2024 ที่ผ่านมา พาสื่อมวลชนจากทั่วโลกได้รับเชิญไปทำความรู้จักกับสิ่งนี้อย่างลึกซึ้ง

ภิกษุณีจองควานเล่าให้เราฟังว่า หัวใจของอาหารเกาหลีอยู่ที่วัตถุดิบ คือ เนื้อ อาหารทะเล และประกอบด้วยองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดนั่นคือ ซอส หรือที่ภาษาเกาหลีเรียกว่า ‘จัง (Jang)’ ‘จัง’ นั้นเป็นส่วนสำคัญในตระกูลการหมักดอง หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของวัฒนธรรมอาหารเกาหลีที่ต้องต่อสู้กับอากาศหนาวเหน็บและผลผลิตทางการเกษตรที่จำกัดมาอย่างยาวนานในอดีต แต่คนที่เล่าเรื่อง ‘จัง’ ให้เราฟังในทริป Asia’s 50 Best Restaurants ที่กรุงโซลที่ผ่านมาคือ Cho Hee Suk เชฟเจ้าของร้าน Hansikgonggan ที่ได้รับการอวยยศเป็นดั่ง godmother of Korean cuisine Photograph: Top Koaysomboonchef cho hee-sook เชฟโชเป็นเหมือนคุณน้าใจดี ที่ค่อยๆ อธิบายให้สื่อจากทั่วโลกฟังว่าในอาหารเกาหลีนั้นมี ‘จัง’ อยู่ 3 ประเภท คันจัง (Ganjang) ซอสถั่วเหลือง หรือถ้าเรียกแบบบ้านเราก็คือซีอิ๊วนั่นแหละ ทันจัง (Doenjang) ซอสถั่วหมัก หรือก็คือเต้าเจี้ยว และสุดท้าย หลายคนคุ้นชื่อ คือ โคชูจัง (Gochujang) ซอสพริกแดง หรือซอสเผ็ดที่เราเห็นอยู่ในอาหารเผ็ดต่างๆ ของเกาหลีนั่นเอง คันจัง และ ทันจัง นั้นทำจากการหมักถั่วเหลือง เริ่มจากการนึ่งถั่วเหลืองแล้วบดอัดแบบแท่งเหมือนอิฐบล็อก ก่อนจะจากไว้ราว 8-10 สัปดาห์ให้กระบวนการหมักค่อยๆ ทำงาน สิ่งนี้เรียกว่า เมจู (Meju) เมจูที่แห้งแล้วจะถูกเรียงในไหดินเผา ตามด้วยเกลือ น้ำ และถ่านหิน หมักอีกราวเดือนครึ่งถึงสองเดือนก็จะได้ของเหลวที่เหลือก้นไห ซึ่งยังใช้ไม่ได้ ต้องเอาไปต้มก่อนสร็จก็จะได้เป็นคันจังที่กินได้ ส่วนเมจูที่ทำคันจังแล้วก็จะไปผ่านกระบวนการหมักกับคันจังกับน้ำอีกรอบ ก็จะได้เป็นทันจัง Photograph: Top KoaysomboonGanjang โคชูจัง ซอสพริกเกาหลียอดนิยมนั้นก็เริ่มที่เมจูเช่นกัน  เป็นการบดเมจูผสมกับบดข้าวเห

การประกาศรางวัล Asia’s 50 Best Restaurants เมื่อปี 2022 ชื่อผู้ที่รับรางวัล Icon Award รางวัลที่ให้แก่ไอคอนที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนในวงการอาหาร (เจ๊ไฝ ก็เคยได้รับรางวัลนี้) คือ ภิกษุณีจองควาน นักบวชจากวัดพุทธในเกาหลีที่เป็นตัวแทนคาแรกเตอร์ของวัฒนธรรมอาหารวัดเกาหลีมายาวนาน อาหารวัดเกาหลี ก็คืออาหารเจแบบที่เราคนไทยเข้าใจนี่แหละ เพราะนักบวชพุทธมหายานนั้นกินเจกัน สิ่งนี้ชาวจากเอเชียตะวันออกนั้นคุ้ยเคยกันอยู่แล้ส แต่สำหรับคนภายนอกภูมิภาค เช่นจากวัฒนธรรมที่นับถือพุธแบบเถรวาทอย่างไทย เราก็จะตั้งคำถามอยู่ในใจว่าแล้วอาหารวัดเกาหลีนั้นลึกซึ้งเพียงใด ไอคอนของอาหารชนิดนี้จึงได้รับการเชิดชู ท่านจองควานเป็นผู้ตอบคำถามนี้กับเรา Photograph: Top Koaysomboonภิกษุณีจองควาน เราได้พบกับท่านจองควานในการประกาศรางวัล Asia’s 50 Best Restaurants 2024 ที่จัดขึ้นที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้เป็นครั้งแรก ในเวิร์ดชอปที่จัดขึ้นให้สื่อมวลชนจากทั่วโลก เป็นสามชั่วโมงที่ท่านจองควานช่วยไขข้อข้องใจเกี่ยวกับอาหารวัดเกาหลี ผ่านล่ามที่แปลความได้อย่างยอดเยี่ยม  หัวใจของอาหารวัดเกาหลีนั้นอยู่ความเชื่อมโยงระหว่างคนและอาหาร การตระหนักและรับฟังร่างกายของตนเอง สรรพสิ่งโดยรอบ และฤดูกาล “Cooking is about the connection and is the process of find who I am” ท่านจองควานกล่าวผ่านล่าม Photograph: Top Koaysomboonภิกษุณีจองควาน เกาหลีนั้นมีฤดูกาลหลัก 4 ฤดู หรือ ใบไม้ผลิ ใบไม้ร่วง ร้อน หนาว และแบ่งเป็นฤดูย่อยได้อีกถึง 24 ฤดูย่อย และในแต่ละฤดูย่อยนั้นก็จะมีพืชพรรณและวัตถุดิบแตกต่างกันไป การรู้จักวัตถุดิบในแต่ละช่วงเวลานั้นสำคัญมากสำหรับอาหารวัดเกาหลี  อาหารวัดเกาหลีนั้นเบสที่ผัก เพราะในความเชื่อพุทธแบบมหายาน สัตว์ก็เปรียบได

ธงไทยที่โบกอยู่หน้าอาคารขนาดใหญ่หลังหนึ่งบนถนน Nishinotoin ในย่าน Gojo ของเมืองเกียวโต อาจจะทำให้นักท่องเที่ยวไทยหลายคนคิดว่าเป็นที่ทำการใหม่ของหน่วยราชการไทย ที่มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ ซึ่งไม่ใช่ — ตึกสุดมินิมัลที่สุดแสนจะญี่ปุ๊นญี่ปุ่นตึกนี้คือ โรงแรมดุสิตธานี เกียวโต การปักธงครั้งแรกของแบรนด์ดุสิตธานีอย่างภาคภูมิใจในประเทศญี่ปุ่น และธงชาติไทยก็คือสัญลักษณ์ของความภาคภูมิใจนี้เอง เราจะพาไปเยี่ยมโรงแรมลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นแห่งนี้ไปพร้อมๆ กันครับ   The best of both cultures ดุสิตธานี เกียวโต เป็นอาคารที่สร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด ออกแบบโดยตั้งใจเบลนด์ความไทยและญี่ปุ่นเข้าด้วยกันตั้งแต่แรก แต่ด้วยความที่ตั้งอยู่กลางเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่น และญี่ปุ่นนั้นมีอัตราการท่องเที่ยวของคนญี่ปุ่นในประเทศสูงมาก ทำให้น้ำหนักการออกแบบจะหนักไปอยู่กับการสร้างอาคารสไตล์ญี่ปุ่นโมเดิร์นที่กลมกลืนไปกลับสภาพโดยรอบ และค่อยสอดแทรกด้วยรายละเอียดทางตกแต่งแบบไทยโบราณ (ช่วงอาณาจักรเก่าอย่างอยุธยา ล้อไปกับเกียวโตที่เป็นเมืองหลวงเก่าด้วยเช่นกัน) อาหารไทย นวดแบบไทยๆ และบริการแบบไทยๆ  Photograph: Top KoaysomboonDusit Thani Kyoto อาคารแบบญี่ปุ่น (ที่รับแนวคิดมาจากวัฒนธรรมจีนอีกทอด) นั้นมักจะออกแบบขึ้นบนแนวคิด ปิดนอก-เปิดใน ตัวอาคารของโรงแรมดุสิตธานี เกียวโต นั้นก็ออกแบบภายใต้แนวคิดนี้เช่นกัน อาคารโดยเรียบกริบสีเทานั้นถูกปิดผิวด้วยระแนงไม้บังตาโดยรอบอาคาร ทั้งช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวของพื้นที่ภายใน และชวนให้อยากรู้อยากเห็นไปในเวลาเดียวกัน Photograph: Top KoaysomboonDusit Thani Kyoto ประสบการณ์แบบดุสิตธานีเริ่มขึ้นเมื่อผ่านประตูเลื่อนเข้ามาและได้กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ลอยหอมฟุ้งทั่วพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ ที่เป

ตอนที่ทาง NH Hotels บอกเราว่า NH Collection Roma Palazzo Cinquecento นั้นใกล้สถานีรถไฟ Roma Termini มากๆ นั้น เราก็ไม่คิดว่าจะใกล้แบบอยู่หน้าสถานี เป็นตึกแรกที่ออกจากสถานีแล้วเห็นเลย เรียกว่าไม่กี่ก้าวเดินจริงๆ แบบไม่มีใกล้กว่านี้อีกแล้ว สะดวกกว่าโรงแรมไหนๆ ในโรม NH Collection Roma Palazzo CinquecentoNH Collection Roma Palazzo Cinquecento NH Collection Roma Palazzo Cinquecento นั้นโออ่าโหญ่โต เพราะเคยเป็นที่ตั้งของบริษัทรถไฟของอิตาลีมายาวนานตั้งแต่ต้นคริสตศตวรรษที่ 19 ก่อนจะได้รับการบูรณะใหม่หมดในปี 2015 แบบไม่เหลือเค้าเดิม และเพิ่มเติมด้วยความสะดวกสะบายและหรูหราแบบโรงแรมชั้นนำ ผิวอาคารสีอิฐนั้นตัดกับท้องฟ้าของโรมในวันอากาศดี และสีเขียวของสวนหน้าโรงแรมที่โอบล้อมซากกำแพงโรมันโบราณที่ย้อนอายุได้ถึงศตวรรษที่ 6 เลยทีเดียว ถ้าใครเลือกที่นั่งริมระเบียงที่ห้องอาหาร Grand Tour ตอนเช้าก็จะได้จิมกาแฟไปพร้อมๆ กับรับแดดและวิวกำแพงเก่าแก่ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี และถ้าใครได้ห้องทางด้านหน้าก็คือนอนไปพร้อมๆ กับร่องรอยประวัติศาสตร์ของเมืองหลวงอายุนับพันปีแห่งนี้เลย NH Collection Roma Palazzo CinquecentoNH Collection Roma Palazzo Cinquecento ห้องพักทั้ง 177 ห้องนั้นตกแต่งในดีไซน์โมเดิร์นและมีหลากหลายขนาดให้เลือก ตั้งแต่ superior (17 ตารางเมตร) ที่เพียบพร้อมด้วยเครื่องอำนวยความสะดวก ไปจนถึงห้อง Suite ที่ขนาดใหญ่ที่สุดคือ 67 ตารางเมตร เทียบได้กับคอนโดยูนิตใหญ่ๆ เลยทีเดียว   NH Collection Roma Palazzo CinquecentoNH Collection Roma Palazzo Cinquecento NH Collection นั้นกำลังมุ่งมันจะสร้างประสบการณ์ “sleep better” ให้กับแขกทุกคน นั้นหมายถึงเตียงและหมอนนุ่มสบาย คลุมด้วยผ้าปูอย่างดีสำหรั

ปูซาน เมืองใหญ่อันดับสองของเกาหลีใต้ หัวเมืองใหญ่ทางตอนใต้ของประเทศนั้นกำลังเริ่มเปล่งแสงเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางด้านอาหาร (food destination) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ หนึ่งในที่มาของแสงนั้นมาจากมิชลินไกด์ ที่ในปี 2024 นั้นได้ขยายพื้นที่เข้าสู่ปูซานเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่มิชลินไกด์เปิดตัวในคาบสมุทรเกาหลีในปี 2017 ปูซานนั้นเป็นที่รู้จักมายาวนานในฐานะเมืองชายฝั่งแดดดี อาหารทะเลสด และวัตถุดิบอาหารชั้นเลิศ – แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนอาจจะไม่ทราบคือ ปูซานนั้นมีวัฒนธรรมอาหารของตัวเองที่เป็นเอกลักษณ์ วัฒนธรรมนี้นั้นเกิดจากการอพยพของผู้คนจากทางเหนือในชวงสงครามเกาหลี (1950-1953) แบบที่อพยพข้ามประเทศตรงดิ่งมาทางใต้เลยแบบไม่แวะโซล Photograph: Top KoaysomboonBusan fresh market เมื่อสูตรมาปรับและผสมผสานกับวัตถุดิบท้องถิ่นที่แตกต่างออกไป ทำให้เกิดเป็นสไตล์อาหารที่ไม่เหมือนที่ไหน ไม่เหมือนทั้งตอนเหนือ หรือไม่เหมือนแม้กระทั่งอาหารในกรุงโซล  (ถ้าเปรียบเทียบง่ายๆ ก็จะคล้ายอาหารเปอรานากันที่เกิดจากชาวจีนอพยพมาพบกับวัฒนธรรมมาเลย์) เช่น หมีเย็นก็จะใช้วัตถุดิบที่เปลี่ยนไป รสชาติอาจจะคล้ายเดิมแต่ก็จะไม่เหมือน ชาวปูซานเลยภาคภูมิใจกับอาหารของตนเองมาก การมาถึงของมิชลินไกด์จึงเป็นตัวช่วยประชาสัมพันธ์ให้คนภายนอกได้เริ่มรู้จักความหลากหลายของอาหารของปูซาน และนอกจากนั้นเมืองชายทะเลนี้ยังเริ่มมีร้านอาหารแบบ fine-dining ที่ใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบดีๆ ในท้องถิ่นมาผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ และยกระดับอาหารกินของที่นี่ไปอีกขั้นหนึ่งแทรกตัวอยู่ตามมุมต่างๆ ของเมืองด้วย ร้านเหล่านี้ดีและน่าสนใจจนมีร้านอาหารได้รับรางวัล 1 ดาวมิชลินถึง 3 ร้านในปีแรกที่มิชลินไกด์มาเปิดตัวที่นี่กันเลยทีเดียว มีร้านอะไรบ้าง เราจะพา

Ticking off the main tourist attractions on a city break is all well and good, but it’s only when you veer off down a side street or stumble across a leafy avenue that you really get a glimpse of a city’s true character. Streets are the heart of local life; they’re where communities come together, where new local businesses become go-to staples and where urbanites go out, hang out and have fun.  So what are the world’s coolest streets worth a stroll right now? To find the answer, we reached out to our global team of local expert editors and contributors, who each made a case for the coolest street in their city. We then narrowed down the selection to create a definitive ranking of the best avenues, thoroughfares, backstreets and boulevards on the planet. And so you have it: the coolest streets in the world’s best cities. Over the last few years, street life has gone through something of an evolution. Outdoor drinking and dining, at one point a temporary measure, has become a staple on many of the streets on our hotlist; only bolstered by green initiatives like pedestrianisation and low-traffic avenues. In other words, these streets have become much more walkable and pleasant places to spend our time. On every street on this list, there are bold, creative new ventures in food, drink, nightlife and culture: from listening bars to repurposed heritage buildings, these streets are where you’ll find a city’s most exciting cultural trends. Ready for a wander?  RECOMMENDED: 🏘️ The w

What makes a city great? Some would say it’s all about buzzing neighbourhoods, affordable food and drink and a mighty selection of things to do, from art galleries and museums to live music and theatre. Others might highlight things like the happiness of its locals, access to green space and strong community vibes. We factor in all that and more in our annual survey, which asks city-dwellers around the world to tell us what it’s like to live, work and play in their hometowns right now. Thanks to the opinions and insights of locals on the ground and our global network of city experts, we’re able to create a global ranking of the world’s best cities – and the 2024 results are in. As in previous years, the basis of the ranking remains our global survey of the people who know their city best: the locals. Working with research company Potentia Insight, we surveyed thousands of city-dwellers about the quality and affordability of food, culture and nightlife in their city. We also asked locals how their city makes them feel: are they happy there? Is it a beautiful place? Is it easy to make social connections? Their thousands of responses gave us a unique insight into the reality of living in the world’s greatest cities right now. Now that international travel is forecast to bounce back to the highest levels since 2019, many travellers will be planning a city break this year – so in 2024, we added a little extra weight to a city’s global appeal. Each survey respondent was asked which

It’s that time again. Every year, we ask thousands of city-dwellers to tell us the coolest spots in their cities. What are the places locals love and visitors flock to? Where are the exciting new openings across food, drink and culture? Where are people going out, hanging out and having fun? For the sixth year running, the results are in. Over 12,000 people had their say in this year’s shortlist, naming the neighbourhoods in their hometowns where everyone wants to be right now. Then, we narrowed down the selection with the insight and expertise of city editors and local experts who know their cities better than anyone else. To create and rank the final list, we considered factors including community and social ventures, access to open and green space, and thriving street life. In 2023, our neighbourhoods are more global than ever before. The rise and rise in post-pandemic digital nomadism has led to an explosion of brand-new community spaces, multi-purpose culture centres and more cafés than we can count on two hands. But while most of these neighbourhoods have experienced a transformation over recent years, they remain resolutely local at heart. Slick new developments and cool cafés might bring in new crowds, but neighbourhood stalwarts – from old pubs to family greengrocers – keep it real.  The world’s coolest neighbourhoods this year are, therefore, places with big personalities. Each area’s diversity is reflected in its food, culture and festivals. Community is key: local

เคยฝันอยากนอนในอิตาเลียนปาลาซโซไหมครับ? โพสต์นี้เราชวนตามเราไปพักโรงแรมที่เป็นปาลาซโซอายุกว่า 400 ปีกันครับ – ที่ฟลอเรนซ์ อิตาลี กับ NH Collection Firenze Palazzo Gaddi NH Hotels & ResortsNH Collection Firenze Palazzo Gaddi   ในบรรดาโรงแรม NH Collection หลายร้อยแห่งในยุโรป NH Collection Firenze Palazzo Gaddi นั้นถือว่าเป็นหนึ่งในเพชรยอดมงกุฎ เป็นโรงที่เอ็กซ์คลูซีฟ หรูหรา และเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มากที่สุดก็ว่าได้ เพราะปรับปรุงจาก Palazzo Gaddi ที่สร้างขึ้นราวปี ค.ศ. 1596 หรือกว่า 400 ปีมาแล้ว เป็นบ้านของครอบครัว Gaddi ที่เป็นนักการเมืองที่มีอิทธิพลในยุคเรอเนสซองส์ ยุคทองของฟลอเรนซ์ NH Hotels & ResortsNH Collection Firenze Palazzo Gaddi ด้วยความที่รวยและมีอิทธิพล Palazzo Gaddi เลยตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่า ใหญ่โตถึง 6 ชั้น และตกแต่งด้วยรายละเอียดและงานศิลปะที่สะท้อนสถานะของเจ้าของบ้าน แค่เดินผ่านประตูก็เหมือนย้อนกลับไปสู่บ้านผู้ดีเรอเนสซองส์ มีซุ้มโค้งและห้องนั่งเล่นสีเขียวเข้มและแดงก่ำ มีกลุ่มโซฟาหนังตั้งเด่นใต้หลังคากระจกที่เปิดให้แสงลงมาอย่างเหมาะเจาะ ขนานด้วยบาร์ยาวไม้มะฮอกกานีสุดคลาสสิก ใครชอบศิลปะจะต้องตาแตกกับงานศิลปะจำนวนมาก โดยเฉพาะจิตรกรรมฝาผนังโดยศิลปิน Giovanni Batista Ranieri del Pace ที่วาดภายหลังในยุคบาโรก และได้รับการดูแลแบบที่สียังสดจนถึงปัจจุบัน และรับประกันว่างานศิลปะและตึกนี้จะสวยงามแบบนี้ต่อไปอีกยาวๆ ในอนาคต เพราะตึกนี้อยู่ภายใต้การคุ้มครองของ Soprintendenza ซึ่งก็คือฟีลกรมศิลปากรของเรา NH Hotels & ResortsNH Collection Firenze Palazzo Gaddi อธิบายคำว่า ‘Palazzo – ปาลาซโซ’ ของอิตาลีเพิ่มเติมสักนิด เราคนไทยอาจจะคุ้นเคยคำนี้ในความหมายของ Pa

เพราะการบินไทยกำลังจะกลับมาเปิดเส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ-มิลาน อีกครั้งกลางปีนี้ เราเลยจะชวนไปรู้จักกับโรงแรมที่จะเป็นอีกหนึ่งไอเดียสำหรับคนที่กำลังมองหาที่พักที่จะช่วยให้คุณสำรวจมิลานได้ทั่วๆ NH Collection Milano CityLife นั้นตั้งอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า CityLife ซึ่งถ้านับเอามิลานดูโอโม่เป็นศูนย์กลาง บริเวณนี้ก็จะอยู่เลยมาทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือสักหน่อย NH Collection Milano CityLifeNH Collection Milano CityLife เล่าเรื่อง CityLife แบบสั้นๆ ก็คือพื้นที่เคยเป็น Fiera Milano พื้นที่จัดนิทรรศการขนาดยักษ์ที่ย้ายออกไปและกำลังได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นศูนย์กลางธุรกิจใหม่ ถ้าเปรียบเทียบกับกรุงเทพฯ ก็จะคล้ายๆ กับ One Bangkok ที่มาแทน สวนลุมไนท์บาร์ซาร์เก่านั่นเอง ย่านนี้เลยเป็นย่านที่น่าจับตามองมาก อาคารพาณิชย์และดอนโดสูงเสียดฟ้ากำลังแข่งกันจับจองพื้นที่ที่เป็นเหมือนภาพอนาคตของมิลาน  NH Collection Milano CityLifeNH Collection Milano CityLife ตัวอาคาร NH Collection Milano CityLife นั้นอยู่ตรงขอบพื้นที่พอดี ถ้ามองจากภาพจะเห็นว่าเป็นส่วนผสมของสถาปัตยกรรมใหม่และคลาสสิก เพราะตัวอาคารนั้นเคยเป็นโบสถ์เก่าแก่มาก่อน (ดูภาพ) ชื่อว่า Chiesa Christo Re เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์ neo-mannerism ที่สร้างขึ้นในราวทศวรรษที่ 1920 และปิดตัวลงในปลายยุค 1990 ก่อนจะถูกรีโนเวตเป็นโรงแรมซึ่งเพิ่งเปิดให้บริการในปี 2022 ที่ผ่านมานี้เอง NH Hotels & ResortsNH Collection Milano CityLife ต้องขอบคุณ NH Collection Milano CityLife ที่เลือกเก็บโครงสร้างส่วนหน้าของโบสถ์เดิมไว้ ทำให้แขกทุกคนจะได้เดินผ่านห้องสวดที่ถูกปรับปรุงและเปิดผนังด้านข้างให้กลายเป็นทางเดินและส่วนต้อนรับที่โอโถ่ง อบอุ่น และศักดิ์สิทธิ์ไปพร้อมๆ กัน เพื่อจ

Asia’s largest gay-focused Songkran event has moved its pool parties—one for “bears” (Apr 13) and one for “hunky boys” (Apr 14)—to Sukhumvit for the first time at Tribe Sky Beach Club at Emsphere. Well, you know what to expect. Entry is priced at B2,600/party  

Months after the opening of its big sister, Bread Street Kitchen, the more casual Street Pizza restaurant founded by the acclaimed British chef will kick off operations this week.  Hoisting a “pizza without rules” concept, Gordon Ramsay Street Pizza in Bangkok, like other branches around the world, upends the traditional Italian conventions surrounding pizza by loading sourdough crust with creative toppings. The introduction menu features eight choices, with the Londoner Pizza (mozzarella, salami, and burrata, B590) and Corn & Chorizo (sweet corn with Spanish chorizo and chicken, B450) as the main highlights. Sides include Gordon Fried Chicken and fried chicken topped with a “hotter-than-hell” sauce, which, we recommend, you follow up with a sip of lemonade (B220 to B1290). While Street Pizza is known for its bottomless concept, the Bangkok branch will be the second to not follow this all-you-can-eat pizza concept–it’s à la carte only.

Louis Vuitton has launched its all-new immersive experience in Bangkok, and it’s not to be missed.  “Visionary Journeys” is applause-worthy for presenting 150 years worth of Louis Vuitton creativity in a fun, stunning, and immersive experience. Best of all, access is free! Designed by award-winning architect firm OMA, led by Shohei Shigematsu, the exhibit comprises four parts:  Trunkscape, Origins, Icons, and Collaborations. Upon entering, Trunkscape greets you with a jaw-dropping tunnel-slash-time portal that features 96 vintage Louis Vuitton trunks surrounded by digital screens playing moving images. This steers you into Origins, a room showcasing rare vintage trunks from the Paris archive. The room also reveals how these prized trunks have evolved over the years and have given inspiration to succeeding LV products.   Icons, the next zone, presents the notable visionaries, such Nicholas Ghesquiere and Pharrell Williams, who have been behind the brand’s most iconic bags,  all presented in “bubbles” to symbolize a “bubble of creativity”. Collaborations reveals LV’s efforts to fly above the game through continuous collaborations with artists and labels such as Yayoi Kusama, Steven Sprouse, and Supreme, all presented in a 360-degree digital screen.  The show concludes in a room lit up by multi-hued panels inspired by the colors seen on booths at the famed Rod Fai Market Ratchada. Interact with the screen to receive a cool set of postcards as a souvenir.   The exhibition will be

Come to shop, sip freshly brewed coffee, enjoy elegant fare by one of the world’s most esteemed chefs, and brush up on fashion history at LV The Place Bangkok, Louis Vuitton's new concept store, which made its world debut in Thailand this month at Gaysorn Amarin in Ratchaprasong.  LV The Place will first blind your eyes with an over-the-top illuminated facade that’s obviously derived from the French brand’s iconic monogram pattern, which was first created in the 1950s. Behind this glittering facade are two floors of luxury goods as well as indulgent experiences.  The first floor is home to Le Café, the designer brand’s first cafe in Thailand, which offers an array of gorgeously presented cakes and cookies (said to be prepared by Blue by Alain Ducasse pastry kitchen) along with coffee bearing the LV monogram. How expensive, you may ask? Cakes are priced from B550 while cookies go for B1,700 for a box of five. But if you’re taking them home, they do come in the signature Louis Vuitton orange-hued box. And that’s almost worth the extravagant prices.    SEE ALSO: See inside Louis Vuitton’s new-concept store in Thailand: bags, cakes, fine dining, plus a cool exhibition   Half of the first floor also hosts an immersive and interactive exhibition that takes you on a journey through the brand’s history and past collaborations. It’s a fun and awe-inspiring way of learning all about the French brand.  Entry is free, although you would need to pre-book.  The second floor sees the boutiq

W Lounge takes the same spot as Woobar but squares itself from the arrival lobby behind a massive black wall, creating an intimate drinking space. Over-the-top ceiling art decoration, a floor-lit dancing stage, and overall perfect lighting give the entire space a chic and metropolitan vibe. The drinks menu draws inspiration from cabaret scenes worldwide, including those in Thailand, and features vermouth-based cocktails in colorful renditions (imagine an iced purple martini served with a feather on the side).

This French gastro bar by chef-sommerlier duo Antoine Darquin and Théo Lavergne lures you in with sexy lighting and super chic vibes, courtesy of a spiral mirrored staircase, artsy vintage wall collages, and beautiful clientele. But what will keep you in your seats—and coming back for more—are stylish comfort fare such as truffle toast and fried chicken, plus fine and affordable wines.

Those who’ve been to Asiatique will be likely familiar with an old house sitting near the riverfront promenade. No longer dated and rundown, it’s been given head-to-toe renovations and now enjoys a new lease on life as a Chinese restaurant and bar called Asiatique Ancient Tea House.  The word “ancient” signifies two main inspirations behind the new venture. It’s a reference to the building itself, which is believed to have been erected in 1912 as part of the East Asiatic Port, Bangkok’s first international seaport. Secondly, the word pays tribute to one of the products traded at the port: tea, which has a history dating back thousands of years. The new establishment still preserves the original century-old structure, while Chinese motifs and art deco elements, including a glasshouse, and modern comforts were added to enhance the dining experience. Sit down in an elegant setting to feast on Cantonese yum cha that was designed and crafted by Marriott Marquis’ renowned Pagoda restaurant, with tea as the main ingredient. You can also pair your dim sum with a fine selection of teas sourced from around the world, including Bai Mu Dan White Tea from China and Darjeeling First Flush Dark Tea from India.

Asia’s third Bread Street Kitchen & Bar has opened on the ground level of the new Emsphere mall, and features a core concept design and menu that embodies Gordon Ramsay’s vision, but with mindful flavor adjustments to satisfy local palates. The interiors mirror the original location in London, showcasing industrial design elements, complete with European furnishings, finely crafted tile flooring, and a cushy mustard-colored banquette sofa. Menu-wise, there’s the ubiquitous British pub fare, fish and chips, as well as the house’s signature Beef Wellington, which requires two days to perfect. Sticky toffee pudding served with milk ice cream is the spotlighted sweet, but you can also end your meal with the restaurant’s signature cocktails. We got to try some dishes during the preview and, while the food is good enough for the brand standard, we don’t think they’re special enough to merit waiting in line. 

This November sees the return of Bangkok Theatre Festival, featuring 64 productions from 61 theater crews over the course of two weeks. Watch performances by  local talents and aspiring actors at participating small theaters around Bangkok, namely River City Bangkok, GalieOasis, Lanna Ari, Yellow Lane, Sundown, Siam Scape, Nang Lerng, and Tribes Bar. Debuted in 2002, the festival is the city’s premier platform for nurturing and promoting the local theater scene,  which is small and, oftentimes, lacks funding. See updated programs on Bangkok Theatre Festival’s Facebook page.   Bangkok Theatre Festival 2023Bangkok Theatre Festival 2023 Bangkok Theatre Festival 2023Bangkok Theatre Festival 2023 Bangkok Theatre Festival 2023Bangkok Theatre Festival 2023

It doesn’t matter what you call it: Wireless Road or Witthayu. One thing remains the same. This area is far from being cheap nor chill. But Ninetails on Radio is changing that reputation—or at least, it’s trying to. Ninetails, the popular music bar in Ladprao that offers affordable drinks and live music in an artsy setting, recently celebrated its seventh anniversary by branching out downtown and opening a spinoff bar called Ninetails on Radio on the top floors of a shophouse right between All Seasons and the Rolex showroom—a very cool spot. Ladprao bars are known for their laid-back vibes and reasonably priced booze — think of pre-gentrified Brooklyn—and Ninetails on Radio is trying to bring all these to Wireless. The bar spans three floors: an eating area decorated with colorful and mismatched furniture and pop art, a glass-roofed rooftop that boasts stylish lighting, bar chairs, and live music, and another tiny rooftop that displays a sign that says “Wish You Were Here”.  Yeah, we wish we were there, too.  Ninetail on Radio also has a brunch menu, served from around 11 am on weekends. Catch up with its happenings on Instagram.  

W’s Drag Brunch, which made headlines during Pride month, is back on September 23 at The Kitchen Table, the hotel’s main dining hall.  Apart from campy but ultimately fun performances from some of the city’s most glamorous drag queens, this Saturday brunch promises loads of meats, from Wagyu brisket to BBQ pork ribs to smoked chorizos, as well as seafood, carb-heavy comfort fare, and array of delectable desserts. The brunch is priced at B2,299 per person with free-flow soft drinks, and B3,499 with free-flow alcoholic drinks. 

Northern Ireland indie pop-rock band Two Door Cinema Club is bringing their all-time hits to Bangkok at BITEC this Monday, August 14. Get ready to sing and sway with tracks like 'What You Know,' 'Undercover Martyn,' and 'Something Good Can Work.' This will be their first visit to Thailand after the pandemic. Local indie band Panician will be performing as the opening act. Last-minute ticket deals start from B3,200.

The moment we saw the legendary duo of Chef Nobu Matsuhisa and Robert De Niro walking into the foyer of The Empire Residence for their first press meet, we knew that the Nobu Bangkok project was truly happening. We can now start counting down to its opening on September 20 this year.  Nobu Bangkok, set to be the highest Nobu location in the world, will occupy three rooftop platforms at The Empire on Sathorn. Heavily inspired by nature, its design aims to create the experience of being on the peak of a sky-high mountain. Guests arriving on the 58th floor will find a spacious area for indoor and outdoor dining. A cleverly designed passage will then lead to the summit, featuring a bar with a crescent backdrop surrounded by an infinity pool. Diners are supposed to feel as if they’re floating in the sky while enjoying 360-degree views of the City of Smiles.  AWC According to Wallapa Traisorat, CEO of Asset World Corporation (AWC), which owns The Empire and is backing the Nobu Bangkok venture, around 600 million baht is being spent on the restaurant, almost half of the entire rooftop project, which costs about 1.5 billion baht. She affirmed that the major construction works are complete, including “strengthening the structure for dancing.”  Chef Nobu Matsuhisa promises to bring the full-fledged Nobu experience, which he started with Hollywood legend Robert De Niro in 1994, to Bangkok, making it a new must-visit destination in Asia. He will also focus on using as many local produc

ในที่สุดร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ก็ผ่านการประชุมสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งเป็นการพิจารณาขั้นตอนสุดท้ายในฝั่งนิติบัญญัติ หลังจากถกเข้มข้น (มาก) ในวันนี้ (18 มิ.ย. 2567) ร่างกฎหมายนี้ หลักๆ คือเป็นร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ เปลี่ยนจากการสมรสระหว่างชายหญิง เป็นการสมรสระหว่างบุคคล 2 คน โดยผ่านการเห็นชอบ 130 เสียง ไม่เห็นชอบ 4 เสียง และงดออกเสียง 18 เสียง โดยขั้นตอนหลังจากนี้คือจะส่งต่อไปยังคณะรัฐมนตรี ก่อนจะประกาศในราชกิจจนุเบกษา และบังคับใช้หลังจากนั้นราว 120 วัน โดยจะยังมีกฎหมายและข้อบังคับเรื่องเกี่ยวเนื่องที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมอีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเอกสาร เรื่องการรับบุตรบุญธรรม หรือเรื่องการสมรสกับบุคคลต่างชาติ เป็นต้น การผ่านร่างกฎมายจะทำให้ไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศที่ 38 ของโลก ที่รับรองการสมรสระหว่างบุคคลเพศเดียวกัน

After several debates and discussions, the senate approved the marriage equality bill today (June 18), making Thailand the first nation in Southeast Asia and the 38th in the world to legally accept same-sex marriage. In short, this bill amends Thailand’s current marriage law, changing the wording from ‘between a man and a woman’ to ‘between two people’. It was approved with 130 votes, 4 disapprovals, and 8 abstentions. The bill will proceed to the Cabinet, be officially announced in the Royal Gazette, and take effect 120 days after that. Further discussions will address documentation changes, marriage with foreigners, and adoption.

Khao Lak has just welcomed a massive 27-acre organic garden at the luxurious JW Marriott Khao Lak Resort and Spa—the first of its kind for Marriott outside the USA where the brand was born.* JW Garden, which spans 27 acres right next to the luxurious resort grounds, is home to more than 200 species of organic edible plants—all of which are indigenous to the locality—and spaces for almost a hundred free-range-bred chickens and ducks. JW Marriott Khao Lak Resort & SpaJW Garden at JW Marriott Khao Lak   JW Garden debuted in 2022 at three JW Marriott locations in the states: JW Marriott Desert Springs Resort & Spa; JW Marriott Orlando Bonnet Creek Resort & Spa; and JW Marriott Essex House New York. The initial concept was inspired by Alice Marriott’s love for gardening and preparing Sunday gatherings from the produce she grew and has been developed by landscape design Studio Lily Kwong. Thailand’s JW Garden at JW Marriott Khao Lak is the first outside the USA. JW Garden is not just an organic farm for guests to enjoy. It’s a bold benchmark for the Marriott brand’s ambition for sustainable tourism. Brad Edman, the general manager of Renaissance Phuket Resort & Spa and Marriott Thailand’s Multi-Property Vice President for Southern Thailand, added at the press conference that the hotel group has initiated several sustainability-focused campaigns and projects that align with Marriott brand’s ambitious goal of becoming zero-carbon emission by 2050. JW Marriott Khao Lak Resort & Spa

Michelin Key รางวัลดาวมิชลินสำหรับโรงแรม ประกาศชุดแรกในโลกแล้วเมื่อวานนี้ (8 เมษายน 2567) ที่ประเทศฝรั่งเศสบ้านเกิดของแบรนด์ โดยให้ ‘กุญแจมิชลิน’ กับ 189 โรงแรม แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ 1-3 กุญแจ เหมือนกันการให้รางวัลอาหารในมิชลินไกด์ เช่นเดียวกับรางวัลอาหาร มิชลินจะส่งผู้ตรวจสอบไปพักยังโรงแรมต่างๆ จริง เพื่อพิจารณาให้คะแนนใน 5 หัวข้อ ได้แก่ A destination unto itself: เป็นโรงแรมที่พิเศษแบบเป็นจุดหมายปลายทางด้วยตัวเอง Excellence in interior design and architecture: การออกแบบทั้งนอกและในโดดเด่น Quality and consistency in service: คุณภาพการบริการดีเยี่ยมและคงที่ Consistency in the value for money paid: คุ้มราคาหมายถึงไม่ต้องถูก แต่สิ่งที่ได้กับเงินที่จ่ายคุ้มค่ากัน Individuality and autheticity: เราว่าข้อนี้สำคัญคือความเป็นเอกลักษณ์ของโรงแรม โดยก่อนหน้านี้เราเคยรายงานว่ามิชลินยังคงพิจารณากันภายในว่าจะมีระดับของกุญแจไหม – ก็สรุปได้จากลิสต์ที่ประกาศเมื่อวานว่าจะมีกุญแจ 3 ระดับ คือ 1-3 ดอก ได้แก่ 🔑 1 กุญแจ = a very special stay โรงแรมที่พิเศษเหนือกว่าโรงแรมโดยทั่วไป 🔑🔑 2 กุญแจ = an exceptional stay โรงแรมที่โดดเด่นกว่าโรงแรมโดยทั่วไป 🔑🔑🔑 3 กุญแจ = an extraordinary stay โรงแรมที่มอบประสบการณ์ที่เป็นพิเศษ แบบที่หาไม่ได้จากที่อื่น และคุ้มค่าต้องไปพักสักครั้งในชีวิต ในกุญแจมิชลินชุดแรกนี้ โรงแรมที่ได้ 3 กุญแจ มีทั้งหมด 24 โรง ซึ่งเราเชื่อว่านักเดินทางที่เป็นแฟนโรงแรมหรูจะคุ้นชื่อต่างๆ กันดี เช่น Four Seasons George V สุดหรูที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1928 และ Cheval Blanc Paris โรงแรมหรู (มาก) ของกลุ่ม LVMH ในอาคารของห้างสรรพสินค้า La Samaritaine ริมแม่น้ำSaine และ Saint James Paris โรงแร

If you’re in Pattaya for the Songkran break and feel like eating something beyond yum and tum, Andaz Pattaya is hosting a limited-time Nyonya food festival where you can sample the truest tastes of Singapore and Malaysia. From Songkran until the end of April, Andaz Pattaya’s Wok Wok will be taken over by chefs from Andaz Singapore’s acclaimed restaurants. The special menu will feature Strait cuisine favorites such as bak kut teh, laksa Singapura, Nyonya chicken rice, and beef rendang. End your meal with Peranakan sweets such as tang yuan and chendol. Andaz Pattaya Jomtien BeachRojak Call 038 221234 to book.

เมื่อเช้านี้ (3 เม.ย. 2567) มิชลิน ประเทศไทย ประกาศเปิดตัวจังหวัดใหม่ที่จะถูกรวมเข้ามาอยู่ใน Michelin Guide Thailand 2025 ที่จะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ นั่นคือ ชลบุรี หัวเมืองของอร่อยภาคตะวันออกที่กลายเป็นพิกัดหลักถัดจาก กรุงเทพฯ, ภูเก็ต-พังงา, เชียงใหม่, อยุธยา, ภาคอีสาน 4 จังหวัด และ เกาะสมุย-สุราษฎร์ธานี แน่นอนว่าทำเอาฟู้ดดี้ และชาวชลบุรี ตื่นเต้นกันไปเรียบร้อย แต่สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ในวงการอาหารและท่องเที่ยว อาจจะตั้งคำถามกันอยู่ในใจ ว่าทำไมต้องมีการเพิ่มจังหวัดใหม่ล่ะ? ไม่ได้พิจารณารวมทั้งประเทศอยู่แล้วหรอ? และการเพิ่มจังหวัดใหม่นี้มีความหมายอย่างไรสำหรับเขา?  จะทำความเข้าใจเรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปทำความเข้าใจการคัดสรรและให้รางวัลร้านอาหารของมิชลินไกด์กันก่อน ร้านอาหารทั้งหมดใน Michelin Guide ไม่ว่าเอดิชันไหน เกิดขึ้นโดยทีมผู้ตรวจสอบ (inspector) ที่เป็น ‘พนักงานประจำ’ ของมิชลิน ซึ่งจะต้องเดินทางไปชิมร้านอาหารต่างๆ จริงๆ เพื่อประเมินแต่ละร้านใน 5 หัวข้อ คือ (1) คุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้ (2) ความโดดเด่นของรสชาติและเทคนิคการทำอาหาร (3) เอกลักษณ์เฉพาะตัวของเชฟที่สะท้อนออกมาในอาหารและประสบการณ์ในมื้อนั้น (4) ความคุ้มค่าสมราคา และ (5) ความสม่ำเสมอ – ซึ่งข้อสุดท้ายนี้หมายถึง inspector จะต้องชิมอาหารร้านเดิมมากกว่า 1 ครั้ง ง่ายๆ คือ ร้านจะมากแค่ไหน จะพื้นที่จใหญ่แค่ไหน ก็ต้องเป็นทีม inspector นี่แหละที่ไป ดังนั้นการเปิดตัว Michelin Guide แต่ละเอดิชันจึงมักจะมีการระบุขอบเขตพื้นที่ไว้เสมอ เพื่อความเป็นไปได้จริงในการปฏิบัติการในช่วงแรก เช่น ถ้าจำกันได้ ตอนที่มิชลินเปิดตัวครั้งแรกในไทยเมื่อปี 2018 นั้นมาในชื่อ Michelin Guide Bangkok ผู้ตรวจสอบก็จะโฟกัสกับการคัดสรรเฉพาะร้านในเขตเมืองหลวง

รายงานตรงจากโซล: งานประกาศรางวัลร้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเชียประจำปี 2024 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเชียประจำปีนี้คือ Sézanne จากโตเกียว ขึ้นจากอันดับที่ 2 ในปีที่แล้ว ส่วนร้านอาหารจากไทยที่อันดับสูงสุดคือ Gaggan Anand ของเชฟกากันที่พุ่งทะยายสู่อันดับ 3 ในขณะที่ Ledu ร้านอาหารอันดับหนึ่งในปีที่แล้ว และเพิ่งรีโนเวตร้านใหม่ครบรอบ 10 ปี ตกมาอยู่ที่อันดับที่ 12 ในปีนี้ ร้านอาหารจากไทยที่ติดอันดับในปีนี้ได้แก่ Sühring ในอันดับ 7, ศรณ์ อยู่ที่อันดับที่ 11 (และเชฟไอซ์บอกเราว่างานรีโนเวตร้านใกล้เสร็จและจะกลับมาเปิดใหม่ได้ในเดือนสองเดือนนี้), Potong ของเชฟแพมอยู่ที่อันดับ 17, สำรับสำหรับไทย ที่อันดับที่ 29 และบ้านเทพา ของตาม-ชุดารี ปิดทีมไทยแลนด์ 50 อันดับแรกที่ อันดับ 42 นอกจากนั้น เชฟแพม-พิชญา ยังได้รับรางวัล Asia’s Best Female Chef ประจำปีนี้ ส่วนร้าน Haoma ของเชฟ Deepanker Khosla ได้รับรางวัล Sustainable Restaurant — ซึ่งสมมงเพราะเขายังครองดาวเขียว Michelin Green Star ดาวมิชลินซึ่งให้กับร้านที่โฟกัสเรื่องความยั่งยืนอยู่ด้วยเช่นกัน Photograph: Top KoaysomboonAsia’s 50 Best Restaurants 2024 โดยร้านทั้ง 50 อันดับได้แก่ Sézanne, Tokyo Florilege, Tokyo Gaggan, Bangkok The Chairman, Hong Kong Wing, Hong Kong (hghest climber) Nusara, Bangkok Sühring, Bangkok Den, Tokyo La Cime, Osaka Odette, Singapore Sorn, Bangkok Ledu, Bangkok Mingles, Seoul Narisawa, Tokyo Burnt Ends, Singapore Neigborhood, Hong Kong Potong, Bangkok 7th Door, Seoul Fu He Hui, Shanghai Euphoria, Singapore Onjium, Seoul Logy, Taipei Masque, Mumbai Toyo Eatery, Manila Born, Singapore Indian Accent, New Delhi Mono, Hong K

Chefs and restaurateurs from across Asia have gathered in Seoul for the much-awaited announcement of Asia’s 5O best restaurants for the year. This is the first time the awards event is being hosted in South Korea’s capital city. Time Out Bangkok is onsite, joining media from all over the world, to report live from the InterContinental Seoul.  Topping the list is Sezanne in Tokyo, coming up from No. 2 last year. Tokyo’s Florilege is in 2nd spot. The highest-placed restaurant from Thailand this year is Gaggan Anand at no. 3! It is joined by other Thailand-based restaurants such as Nusara (No. 6), Sühring (No. 7) and Sorn (No. 11). Photograph: Top KoaysomboonAsia’s 50 Best Restaurants 2024 Asia’s 50 Best Restaurants is one of the region’s most respected restaurant-recognition bodies. The awards are calculated from votes by the academy, which comprises chefs, restaurateurs, insiders, and food media. Each get to vote for 10 venues, at least six from their base country. You can only vote for a venue that you’ve been to within the past 12 months and you can’t vote for your own venue. Here’s the complete list of 50 winning restaurants: 1. Sézanne, Tokyo2. Florilège, Tokyo3. Gaggan Anand, Bangkok4. The Chairman, Hong Kong5. Wing, Hong Kong (hghest climber)6. Nusara, Bangkok7. Sühring, Bangkok8. Den, Tokyo9. La Cime, Osaka10. Odette, Singapore11. Sorn, Bangkok12. Ledu, Bangkok13. Mingles, Seoul14. Narisawa, Tokyo15. Burnt Ends, Singapore16. Neigborhood, Hong Kong17. Potong, Bangkok1

Those who are keeping an eye on the renovation of Empire Tower’s top floors may like to know that the building has just unveiled the first zone of a massive dining complex called EA Rooftop.   The casual dining zone on the 55th floor is called EA Gallery (pronounced “ay-ya”) and is home to four outlets, including the world’s highest %Arabica, the Kyoto-born coffee shop famous for its fine beans, lattes, and minimalist white decor. (Fun fact: It’s not Thailand’s highest café. That recognition goes to Other Cafe on the 76th floor of King Power Mahanakhon.) Photo: Tanisorn Vongsoonton%Arabica at EA Gallery You also have Qraft, a restaurant spin-off of famed green tea parlor Peace Oriental Tea House, which is now Thailand’s highest-located brunch restaurant. The spot serves breakfast and brunch plates, paired with a selection of teas as well as Japanese-influenced sweets, during the day and then turns into an izakaya restaurant once the sun sets.  Photo: Tanisorn VongsoontonQraft at EA Gallery Photo: Tanisorn VongsoontonQraft at EA Gallery The third option is Thailand’s highest Korean restaurant Onggi, which incorporates local chemical-free Thai ingredients into traditional Korean culinary culture and recipes. Right now, only a set menu comprising several small dishes (B3,950 per person) is served.   Photo: Tanisorn VongsoontonOnggi Photo: Tanisorn VongsoontonOnggi Rounding up the dine-and-drink options at EA Gallery is Invitation Only, a picturesque burgundy-hued venu

One Bangkok, Thailand’s largest and—so far—priciest urban development project, has finally opened some of its areas to the public after seven years of construction.  Taking over the 41-acre area in the heart of Bangkok, where Suanlum Night Bazaar once stood, One Bangkok will be home to five mixed-use buildings, three residential buildings, and five hotels, including Bangkok’s first Ritz-Carlton and Andaz. Right now, however, only two office buildings have opened; the rest will follow in Q4 of this year.  One BangkokParade at One Bangkok To the delight of Bangkok’s shopping-obsessed, One Bangkok will also house three “interconnected” shopping centers and zones spanning 160,000 square meters. Each of the retail hubs—Parade, The Storeys, and Post 1928—will look over Rama IV. Parade will be a nine-floor lifestyle mall catering to both your necessities and whims, while the five-floor The Storeys will steer towards trendy fashion and pop culture. One BangkokThe Storeys at One Bangkok Post 1928 will be the most luxurious one, promising a row of top international luxury brands on what will be Thailand’s first “outdoor shopping street.” Restaurants and cafes will be nestled in all the malls, although the names of key tenants have yet to be revealed.  One BangkokPost 1928 at One Bangkok One Bangkok will also feature a total of 19-acre green spaces hugging these LEED-certified buildings. The complex will also be connected to the Lumphini MRT station via a pedestrian underpass and

‘บรรทัดทอง’ ติดอันดับ 14 ถนนที่ ‘คูล’ ที่สุดในโลกประจำปี 2024 จาก 30 อันดับ โหวตและคัดเลือกโดยกองบรรณาธิการ Time Out กว่าร้อยเอดิชันจากทั่วโลก ถนนที่ ‘คูล’ หรือ Cool Street ของ Time Out นั้น คือถนนที่มีความหลากลายของร้านอาหาร บาร์ ศิลปะ และธุรกิจที่เปิดโดยคนตัวเล็ก มีราคาและบรรยากาศที่ทุกคนเข้าถึงได้ ถนนเดินได้ มีความคึกคักของผู้คน และมีพื้นที่ให้กับต้นไม้และพื้นที่สีเขียว  โดยอันดับ 1 ในปีนี้คือ High Street ที่เมลเบิร์น ออสเตรเลีย ย่านชานเมืองที่คึกคักจากร้านอาหารและบาร์ทั้งเก่าใหม่ ไวบ์เข้าถึงง่าย และอีเวนต์ดนตรีที่จัดอย่างต่อเนื่อง อันดับ 2 และเป็นอันดับที่สูงที่สุดของเอเชีย คือ Hollywood Street ที่ฮ่องกง ที่มีสเสน่ห์ที่เกิดจากการอยู่ร่วมกันของศาลเจ้าเก่า และครีเอทีฟสเปซใหม่จากตึกเก่า เช่น Tai Kwun และ PMQ ส่วนถนนบรรทัดทองของกรุงเทพฯ นั้นอยู่ในอันดับที่ 14 Photograph: Tanisorn VongsoontonJeh Sri แต่ฟังก่อนอานนท์ ก่อนจะเลิกคิ้วว่าบรรทัดทองคูลแบบใด ต้องยอมรับก่อนว่าบรรทัดทองนั้นฉ่ำใจจริงในเรื่องอาหารการกิน ไม่ว่าจะเป็นร้านที่อยู่มานานอย่าง เจ๊โอว เจ๊วรรณ เจ๊ศรี ไปจนถึงร้านใหม่แบบ หนึ่งนมนัว หรือฮอตพอตต่างๆ – เรียกว่าความมั่นคงทางอาหารสูงมาก เหตุผลจริงๆ ที่เราว่าบรรทัดทอง ‘คูล’ ขึ้นและน่าสนใจขึ้น คือ สิ่งใหม่ๆ ที่เปิดขึ้นและเพิ่มความหลากหลายให้บรรทัดทองเป็นมากกว่าดงอาหารยามค่ำในช่วงหลังนี้ ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่เก๋ๆ แกลเลอรีและอาร์ตสเปซใหม่ๆ เช่น Slow Combo หรือโรงเรียนสอนทำอาหาร The Food School ที่กำลังเป็นที่นิยม และที่สำคัญคือบาร์ลับหลังตู้ถ่ายรูป Find the Photo Booth ที่ย้ายมาเปิดที่นี่ – และจะช่วยทำให้ไวบ์ของถนนเส้นนี้เปลี่ยนไป และหลายคนอาจจะลืมไปแล้วว่าบรรทัดทองมี สวนจุฬา