ค็อกเทลบาร์ห้ามพลาดบนถนนเจริญกรุง

ถ้าใครเคยแวะไป Bamboo Bar ที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล เราเชื่อว่าบาร์นี้ต้องติดอันดับบาร์ที่ดีที่สุดจนอยากกลับไปซ้ำแน่นอน นั่นก็คือเหตุผลที่เรากลับไปเยือนหนึ่งในบาร์แจ๊สที่เก่าแก่ที่สุดของกรุงเทพฯ แห่งนี้อีกครั้ง

บังเอิญเป็นช่วงที่ร้านเพิ่งเปลี่ยนเมนูใหม่พอดี วันนี้เราเลยมีอะไรมาเล่าให้ฟัง แต่ก่อนจะถึงตรงนั้น ขอพูดถึงความน่าสนใจของบาร์นี้พอสังเขปในย่อหน้าถัดไป เผื่อเป็นข้อมูลให้คนที่กำลังจะไปหลังจากอ่านโพสต์นี้

Bamboo Bar คือแจ๊สบาร์ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1953 ด้วยความที่เป็นบาร์ในโรงแรมริมแม่น้ำจึงเป็นที่นิยมของนักเดินทางและนักธุรกิจในยุคนั้น ก่อนจะขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ จนต้องย้ายร้านจากฝั่ง Authors’ Wing มาอยู่ที่ตั้งปัจจุบันตั้งแต่ปี 2014 เพื่อรองรับลูกค้า ปัจจุบันบริหารงานโดยบาร์เทนเดอร์ชาวอังกฤษ Jamie Rhind และเพิ่งคว้าอันดับที่ 35 บาร์ที่ดีที่สุดในโลกจาก World's 50 Best Bars 2020 และอันดับที่ 11 บาร์ที่ดีที่สุดในเอเชียจาก Asia's 50 Best Bars 2021

แค่ได้ยินชื่อ ‘ฟิลิป บิชอป’ เราเชื่อว่าคงมีนักดื่มในกรุงเทพฯ จำนวนไม่น้อยที่รู้สึกตื่นเต้น แต่สำหรับคนที่ไม่คุ้นกับชื่อนี้ เราขอแนะนำแบบย่อๆ ว่าเขาคือชาวเยอรมันที่เกิดมาเพื่อเป็นมิกโซโลจิสต์ และเป็นผู้ที่พาบาร์ Manhattan ของสิงคโปร์เข้าไปอยู่ในลำดับที่ 14 ในรายชื่อ 50 บาร์ที่ดีที่สุดในโลก ส่วนสาเหตุที่นักดื่มต้องตื่นเต้นก็เพราะเขาได้มารับหน้าที่ดูแลเครื่องดื่มที่ BKK Social Club บาร์ใหม่ในโรงแรมใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา Four Seasons Bangkok 

แม้จะยังไม่ติดโผบาร์ที่ดีที่สุดในโลก แต่ตอนนี้ BKK Social Club ก็กลายเป็นบาร์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ไปเรียบร้อยแล้ว โดยคอนเซ็ปต์ของร้านได้แรงบันดาลใจจากบิชอปได้นำแรงบันดาลใจมาจากสองเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องความรื่นเริงสังสรรค์อย่างกรุงบัวโนสไอเรส เมืองหลวงของอาร์เจนตินา และกรุงเทพฯ

ความรู้สึกแรกที่ก้าวเท้าเข้ามาในพื้นที่ของบาร์คือ เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของหนังเรื่อง Great Gatsby ด้วยซุ้มโลหะโค้งสีทองที่มีให้เห็นรอบร้าน บาร์และโต๊ะที่ทำจากหินอ่อน โซฟาหนังสีคาราเมลที่ดูมีระดับ ผลงานของสตูดิโอ AvrokO ซึ่งนอกจากที่บาร์แห่งนี้แล้ว ยังออกแบบร้านอาหารอิตาเลี่ยน Riva Del Fiume ที่อยู่ในโรงแรมเดียวกันอีกหนึ่งร้าน

เครื่องดื่มที่ BKK Social Club จะแบ่งเป็น 3 ประเภท แทนสถานที่ สัญลักษณ์และวัฒนธรรมของชาวอาร์เจนตินา เมนูไฮไลท์ประกอบด้วย Café Tortoni (480 บาท) วิสกี้เบสค็อกเทล ผสมช็อตกาแฟเข้มข้น ถัดมาคือ Hand of God (480 บาท) ค็อกเทลสไตล์ spirit-forward ที่ผสมผสานระหว่างเตกีล่า โกโก้ และไวน์ Malbec และ Carnaval (450 บาท) ที่โดดเด่นด้วยเหล้ารัม cachaça ที่มีรสชาติของราสป์เบอร์รี่และดอกเอลเดอฟลาวเวอร์

และที่เรารู้สึกชื่นชอบเป็นพิเศษก็คือการเสิร์ฟคลาสสิกค็อกเทลแบบขวดสำหรับลูกค้าที่มา 4 คนขึ้นไป แชร์กันดื่มได้สบายๆ ทั้ง Social Negroni (เริ่มต้น 2,400 บาท), piña colada (เริ่มต้น 2,400 บาท), La Reina (เริ่มต้น 4,800 บาท) ฯลฯ 

ไม่พูดถึงไม่ได้จริงๆ สำหรับของกินที่เสิร์ฟมาพร้อมกับเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นเมนูสไตล์ละตินอเมริกา อาทิ Iberico Pluma Asado (750 บาท) หน้าตาดูคล้ายหมูปิ้งเสียบไม้แบบไทยๆ แต่หมูที่เห็นคือหมูไอเบอริโค หมูดำจากสเปนกินคู่กับซอสกระเทียมรสชาติเผ็ดร้อนสไตล์สเปน

ทั้งหมดที่พูดมาเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ถ้าอยากรู้ว่าบาร์ที่หลายคนยกให้เป็นบาร์ที่น่าจับตามองที่สุดแห่งนี้มีอะไรรออยู่อีกบ้างต้องลองมาเช็กอินสักวัน BKK Social Club ตั้งอยู่ที่โรงแรม Four Seasons Bangkok ถนนเจริญกรุง เปิดทุกวันจันทร์-เสาร์ ตั้งแต่ 17.00-23.00 น. 

Tropic City ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 28 สุดฮิป โดยได้เปลี่ยนบ้านเก่าให้กลายเป็นบาร์ ตกแต่งด้วยวอลเปเปอร์ลายนกแก้วและนกฟลาเมนโก้สีชมพู รวมไปถึงการใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ โซฟาแบบวินเทจ ไฟนีออนรูปสับปะรด และดอกกล้วยไม้ในการตกแต่ง ที่นี่ไม่ใช่บาร์ทิกิ แต่เป็นบาร์ที่ผสมผสานความเป็น "ทรอปิคัล" เข้าด้วยกันมากกว่า

Chivas Regal ผู้นำเข้าสก็อตวิสกี้ระดับโลกร่วมมือกับ Lebua The Tower Club เปิดตัววิสกี้บาร์ที่สูงที่สุดในโลก บนชั้น 64 ของโรงแรมเลอบัว Alfresco 64 จึงเป็นบาร์ส่วนใหม่ของ The Dome ที่อัดแน่นด้วยร้านอาหารและบาร์หรูมากมายด้านใน

Rooftop Bar สุดฮิตของทั้งคนไทยและคนต่างชาติบนชั้น 63 ของโรงแรมเลอบัว คือหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุดบนถนนสีลมที่ให้ทั้งวิวตุกและวิวแม่น้ำไปพร้อมๆ กัน ลองแวะมานั่งด้านนอกพร้อมอิ่มอร่อยกับอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนที่ Sirocco ก่อนดิ่งตัวไป Sky Bar เพื่อจิบเครื่องดื่มชิลๆ โดยเฉพาะคอวิสกี้ที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง

เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่พ่อลูกชาวจีนได้ค้าขายอยู่ที่ตึก Foojohn ในซอยเจริญกรุง 31 และเมื่อทั้งคู่ตัดสินใจเลิกกิจการ กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ก็ได้เข้าซื้อห้องแถว 5 ชั้นแสนคลาสสิคหลังนี้ก่อนถูกตกแต่งเสียใหม่ในสไตล์เรโทรให้กลายเป็นร้านอาหารและบาร์ในแบบ East-meets-West ชั้น 1 และ 2 ของร้านเสร็จสมบูรณ์แล้วในชื่อว่า Foudejoie ส่วนอีก 3 ชั้นข้างบนจะกลายเป็นบาร์เบียร์และร้านสเต๊กสไตล์อเมริกันแท้ๆ ในอีกไม่ช้าไม่นานนี้   

Top Knot ตั้งอยู่บนชั้น 8 และ 9 ของโรงแรม Once ในย่านเจริญกรุง ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่ได้สูงมาก แต่ก็สูงพอที่จะมองออกไปเห็นวิวของแม่น้ำเจ้าพระยาและกรุงเทพฯ ยามค่ำคืน 

บาร์ริมแม่น้ำแห่งนี้ตั้งอยู่ด้านนอกของห้างสรรพสินค้า River City Bangkok และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการมานั่งดื่มหลังเดินย่านเจริญกรุงมาทั้งวัน บาร์แห่งนี้ตกแต่งแบบร่วมสมัย โดยทางร้านจะเสิร์ฟเมนูอาหารตะวันตกสอดแทรกรสชาติแบบไทยๆ เล็กน้อย พร้อมด้วยค็อกเทลที่เหมาะกับอากาศร้อนๆ