horror movies
Photograph: Bunticha P. - TimeOut Thailand
Photograph: Bunticha P. - TimeOut Thailand

เปิดโพลหนังสยองขวัญที่ดีที่สุดแห่งปี 2025

รวมสุดยอดหนังหลอนบนจอยักษ์ที่จะทำให้ทุกคนขนหัวลุกต้อนรับฮาโลวีนในปีนี้

Yokploy Chandrabha
การโฆษณา

อัปเดตเดือนตุลาคม: ฮาโลวีนปีนี้เรียกได้ว่าเป็นฤดูกาลของหนังสยองขวัญอย่างเต็มสูบ สำหรับคอหนังสยองขวัญ ไม่ว่าจะเป็น Good Boy น้องหมาเห็นผีสุดหลอน, Frankenstein ฉบับ Guillermo del Toro หรือ The Black Phone 2 สายมรณะที่พร้อมจะโทรมาทำให้คุณสะดุ้งทุกวินาที

แม้ว่าปีศาจ ผีแวมไพร์ หรือไวรัสร้ายในจอจะถูกฆ่าตายไปกี่รอบต่อกี่รอบ แต่วงการหนังสยองขวัญยังคงเดินหน้าสร้างความหลอนให้ผู้ชมต่อเนื่อง ถ้าคุณคือคนที่หลงใหลในความรู้สึกสั่นสะท้านแบบนั่งไม่ติดเบาะในโรงภาพยนตร์ คุณคือผู้โชคดีเพราะปีนี้วงการหนังหลอนเสิร์ฟผลงานเด็ดมากกว่าคนที่อยากดูหนังตลกเสียอีก

โดยหนังสยองขวัญที่สร้างกระแสแรงที่สุดปีนี้ เช่น Nosferatu ของโรเบิร์ต เอ็กเกอรส์, Sinners ของ ไรอัน คูเกลอร์ และ Weapons ของ แซ็ค เครกเกอร์ ต่างกวาดรายได้และคนยอดคนดูถล่มทลาย แถมยังกลายเป็นมีมไวรัลในโซเชียลอีกเพียบ แต่ก่อนจะไปถึง 10 อันดับแรก เรามาดูหนังสยองขวัญอีกชุดที่ไม่ควรมองข้ามกันก่อน เตรียมตัวสะดุ้งและหัวเราะไปพร้อมกันได้เลย

สรุปหนังสยองขวัญประจำปี 2025 

📍 28 Years Later – ฉายใน Netflix (US) / Prime Video / Apple TV+
📍 Nosferatu – สตรีมใน Prime Video (US), เช่า/ซื้อได้ใน PVOD (US & UK)
📍 Sinners – สตรีมบน Max (US) / เช่าใน PVOD (UK)
📍 Weapons – ให้เช่าบน Prime Video / Apple TV (PVOD),
📍 Final Destination: Bloodlines – สตรีมบน Max (US), มีให้เช่าใน PVOD (US & UK)

23. The Woman in the Yard

อย่าเพิ่งคิดว่าหนังเรื่องนี้คือภาคต่อของ The Woman in the Window เพราะจริงๆ แล้วนี่คือเรื่องราวของ ‘ราโมนา’ คุณแม่ผู้พยายามรักษาครอบครัวหลังอุบัติเหตุรถชนสุดสลด แสดงโดย ‘แดเนียลล์ ดีดไวเลอร์’ ที่ถ่ายทอดทั้งความเจ็บปวดและความหวังได้อย่างเข้มข้น ความลึกลับเริ่มขึ้นเมื่อหญิงลึกลับในผ้าคลุมสีดำ ‘โอควุย อ็อคปอกวาสิลี’ ปรากฏตัวหน้าบ้าน กำกับโดย ‘เจาเม โกเยต-เซร์ร่า’ (The Shallows และ Orphan) แม้หนังอาจมีบางจุดไม่สมเหตุสมผลแต่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและดราม่าที่ทำให้ผู้ชมอินจนวางตาไม่ลง หากชอบหนังสยองขวัญผสมดราม่าและความลึกลับ เรื่องนี้ต้องห้ามพลาด

22. I Know What You Did Last Summer

อีกหนึ่งการรีบูตแฟรนไชส์สแลชเชอร์สุดคลาสสิก คราวนี้เจาะใจ Gen Z ด้วยการดึงนักแสดงต้นฉบับอย่าง ‘เฟรดดี พรินซ์ จูเนียร์’ และ ‘เจนนิเฟอร์ เลิฟ ฮิววิต’ กลับมาร่วมทีม พร้อมเสริมด้วยทีมนักแสดงวัยรุ่นชุดใหม่ที่ต้องหนีจากฆาตกรชาวประมงสุดโหดถือขอเกี่ยว นำแสดงโดย ‘เมเดอลีน ไคลน์’ จาก Outer Banks และ ‘เชส ซุย วันเดอร์ส’ จาก The Studio หนังเต็มไปด้วยฉากเชือด แทง แขวน และห้อยศพราวกับปลาในตลาด บ้าบิ่น ชวนขำ และพาเราย้อนคิดถึงหนังสแลชเชอร์ยุค 2000 ความตื่นเต้นลุ้นระทึกไม่หยุด สนุก สยอง และเต็มสปีด ใครชอบหนังสแลชเชอร์แบบคลาสสิกแต่สดใหม่ ห้ามพลาด

การโฆษณา

21. Get Away

เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อครอบครัวชาวอังกฤษเดินทางไปพักร้อนบนเกาะห่างไกลในสวีเดน เพื่อเข้าร่วมพิธีกรรมลึกลับชื่อ Karantän แต่สิ่งที่พวกเขาเจอกลับเต็มไปด้วยความประหลาด เพราะชาวบ้านที่น่าสงสัยอาจกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่อง ผลงานเขียนบทเรื่องแรกของ ‘นิค ฟรอสท์’ (Shaun of the Dead) ที่ผสมความฮาแบบหยาบๆ กับฉากเลือดสาดได้อย่างลงตัว โดยมี ‘ไอส์ลิง บี’ รับบทแม่ที่ขโมยซีนแทบทุกฉาก แม้ช่วงท้ายอาจรู้สึกหมดแรงไปบ้าง แต่ความโอเวอร์ของฉากโหดๆ ยังช่วยเติมเต็มความสนุก ทำให้ผู้ชมลุ้นและหัวเราะไปพร้อมกันจนจบ

20. Drop

หนังระทึกขวัญแนวเทคโนโลยีผสมโฮมอินเวชัน ที่แม้จะไม่ได้เขย่าจิตแบบ Hitchcock แต่ก็ยังทำให้เกร็งแทบตลอดเรื่อง ผลงานโดยผู้กำกับ ‘คริสโตเฟอร์ แลนดอน’ จาก Happy Death Day และ Freaky ถ่ายทอดเรื่องราวของ ‘เมกแอน เฟยห์’ ที่ออกเดตกับชายลึกลับ นำแสดงโดย ‘แบรนดอน สเคลนาร์’ แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตรทันทีเมื่อมีใครบางคนเริ่มส่งแอร์ดรอปคำสั่งประหลาดให้เธอต้องทำตามเพื่อแลกกับชีวิตลูกชาย นี่คือหนังที่เต็มไปด้วยความสนุกและความตึงเครียด เหมาะกับคืนวันศุกร์ที่อยากดูหนังลุ้นระทึก รับรองว่าตั้งใจดูแล้วไม่มีหลับแน่นอน

การโฆษณา

19. The Conjuring: Last Rites

หลังจากเดินทางมาหลายภาคและมีสปินออฟนับครั้งไม่ถ้วน แฟรนไชส์ที่สร้างจากเรื่องจริง อย่าง The Conjuring ก็มาถึงบทสรุปสุดท้าย ภาคนี้เล่าเรื่องราวของคู่สามีภรรยา เอ็ด และ ลอว์เรน วอเรน รับบทโดย ‘วีรา ฟาร์มิกา’ และ ‘แพทริค วิลสัน’ อีกเช่นเคย แต่เป็นการปิดตำนานด้วยการพาเราเข้าสู่บ้านผีสุดคลาสสิกอีกครั้ง เมื่อพวกเขาต้องช่วยครอบครัวหนึ่งให้รอดจากวิญญาณร้าย แม้ฉากไคลแม็กซ์อาจไม่ได้ขนหัวลุกเท่าที่แฟนๆ คาดหวัง แต่ตอนจบกลับอบอุ่นเกินคาด เรียกได้ว่าเป็นการอำลาอย่างมีศักดิ์ศรีของนักปราบผีแห่งศตวรรษ

18. The Black Phone 2

นี่คือภาคต่อของหนังฮิตในปี 2021 ที่เล่าเรื่องเด็กชายที่กำลังหนีฆาตกรสุดโรคจิต คราวนี้กลับมาอีกครั้งพร้อมนักแสดงชุดเดิมครบทุกคน และอัปเกรดความสยองให้ เข้มข้นกว่าเดิม เพราะเด็กที่เคยถูกล่ากลายเป็นวัยรุ่นที่ยังคงถูกหลอกหลอนด้วยอดีต และเงาของ The Grabber รับบทโดย ‘อีธาน ฮอว์ก’ ยังคงตามติดไม่ห่าง แม้โครงเรื่องจะ หลวมกว่าภาคแรก และบางฉากจะผสมระหว่างความหลอนจริงจังกับความไร้สาระอย่างไม่ลงตัว แต่โดยรวมแล้วนี่คือหนังที่ยังคงทำให้คุณอึดอัดจนอยากปิดตาไปตลอดทั้งเรื่อง

การโฆษณา

17. The Damned

หนังสยองขวัญแนวนัวร์นอร์ดิกเรื่องนี้กำกับโดย ‘ธอร์ดูร์ พัลส์สัน’ นำแสดงโดย ‘โอเดสซา ยัง’ จาก Shirley และ ‘โจ โคล จาก’ Peaky Blinders พาเราสู่บรรยากาศหนาวเหน็บของฤดูหนาวปี 1800 เรื่องราวติดตามกลุ่มลูกเรือที่ต้องเผชิญกับผลลัพธ์สุดสะพรึง หลังตัดสินใจไม่ถูกต้องต่อกลุ่มผู้รอดชีวิตจากเหตุเรือล่ม หรือบางทีคนตายอาจกำลังกลับมาเอาคืน ด้วยจังหวะการเล่าที่ช้าแต่บีบคั้น ตัวหนังจึงสร้างความรู้สึกอึดอัดได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งความเงียบ ความหนาว และความรู้สึกผิดที่หลอกหลอนผู้ชมจนแทบหายใจไม่ออก

16. Wolf Man

‘ลีห์ แวนเนลล์’ หนึ่งในผู้ร่วมสร้างแฟรนไชส์ Saw และ Insidious กลับมาปลุกตำนาน สัตว์ประหลาดของ Universal อีกครั้ง แต่คราวนี้มาในเวอร์ชันที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเยือกเย็น ปนความสยองขวัญแบบคลาสสิกผสมสมัยใหม่ แม้จะไม่ถึงขั้นยอดเยี่ยมเท่าผลงาน The Invisible Man (2020) แต่ Wolf Man ก็ยังมอบประสบการณ์หลอนที่ทั้งน่าคิดและสนุก โดยเฉพาะการแสดงของ ‘คริสโตเฟอร์ แอ็บบอท’ ที่ทุ่มสุดตัวในบทคุณพ่อผู้เคราะห์ร้าย ที่บังเอิญพัวพันกับมนุษย์หมาป่าผิดตัว นี่คือหนังที่ทั้งน่าขนลุก และทำให้คุณสงสารตัวละคร พร้อมกลัวสัตว์

การโฆษณา

15. The Monkey

หลังจากสร้างชื่อด้วย Longlegs ผู้กำกับ ‘ออสกู๊ด เพอร์กินส์’ ลูกชายของ ‘แอนโทนี เพอร์กินส์’ จาก Psycho กลับมาพร้อมการดัดแปลงเรื่องสั้นของ ‘สตีเฟน คิง’ เล่าเรื่องราวของ ของเล่นไขลานที่มีพลังอาฆาตสุดโหด เพราะทุกครั้งที่ใครหมุนกุญแจไขลาน ลิงกลตัวนั้นจะปลดปล่อยความตายสุดสยองออกมา โดยเรื่องนี้ ‘ทีโอ เจมส์’ รับบทเป็นฝาแฝดสองคน คนหนึ่งเป็นคนดี และอีกคนเป็นคนเลว โดยทั้งสองต้องเผชิญหน้ากับของเล่นปีศาจจากอดีต แม้เรื่องราวจะไม่ซับซ้อนนัก แต่ The Monkey ก็ให้ความสนุกแบบหนังเกรดบีสมัยก่อนที่เต็มไปด้วยเลือดปลอมสุดแหวะ เสียงหัวเราะหลอนๆ และความรู้สึกชวนขนหัวลุกจนอยากเปิดไฟนอนทั้งคืน

14. Good Boy

‘สุนัขเป็นสัตว์ที่มองไม่เห็นสี… แต่ถ้ามันมองเห็นความตายล่ะ?’ นี่คือแนวคิดของผู้กำกับ ‘เบน ลีออนเบิร์ก’ ในการนำเสนอหนังสยองขวัญจากมุมมองของน้องหมา ฟังดูเหมือนมุกตลก แต่นี่กลับกลายเป็นหนังที่เล่าเรื่องอย่างชาญฉลาดและเศร้าสะเทือนใจอย่างคาดไม่ถึง นำแสดงโดย ‘อินดี้’ สุนัขคู่ใจของผู้กำกับเอง โดยเรื่องนี้เจ้าอินดี้ก็แสดงออกมาได้อย่างน่าทึ่ง โดย Good Boy ไม่ใช่แค่หนังสยองขวัญ แต่ยังสะท้อนความโดดเดี่ยวและความเจ็บปวดในชีวิตของคนและสัตว์ รับรองเลยว่าหลังดูจบคงไม่มีใครอยากเล่นโยนลูกบอลตอนกลางคืนอีกแน่นอน

การโฆษณา

13. Dangerous Animals

นี่คือหนังขวัญสยองสไตล์ Wolf Creek แต่มันส์กว่าเดิมหลายเท่า เพราะตัวหนังพาเราสู่แดนแดดแรงของออสเตรเลีย กับนักดำน้ำจอมเพี้ยนที่ใช้นักท่องเที่ยวเป็น เหยื่อให้ฉลามกินเล่น ‘ไจ คอร์ทนีย์’ จาก The Suicide Squad รับบทเป็น ‘ทักเกอร์’ เจ้าของกิจการดำน้ำที่คลั่งเลือดและชอบถ่าย วิดีโอ VHS เก็บไว้เป็นที่ระลึก สะท้อนทั้งความบ้าของตัวละครและวัฒนธรรม Exploitation ยุค 80 ได้อย่างแสบสัน หนังทั้งโหดและตลกร้าย มาพร้อมนางเอกสาวเซิร์ฟสุดแกร่ง ‘เซเฟอร์’ รับบทโดย ‘แฮสซี่ แฮร์ริสัน’ ที่ค่อยๆ พลิกสถานการณ์เอาคืนอย่างสะใจ สรุปสั้นๆ นี่คือ หนังฉลามที่ทำให้คุณกลัวมนุษย์

12. M3GAN 2.0

ตุ๊กตาแดนซ์ในตำนานกลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้มาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก แต่กำลังจะ มาล้มทั้งอุตสาหกรรมอาวุธของโลก หนังภาคต่อสุดทะเยอทะยานนี้ยกระดับจากหนังพี่เลี้ยงเด็ก สู่การเสียดสีบริษัทยักษ์ใหญ่และเทคโนโลยีที่มนุษย์ควบคุมไม่ได้ M3GAN 2.0 ยืมพลังจาก Terminator 2 และ Chucky มาผสมกัน จนกลายเป็นหนังที่ทั้งตลกขบขันและฉลาดในเวลาเดียวกัน เมื่อหุ่นยนต์สองตัวเริ่ม ฉลาดและตลกกว่ามนุษย์ที่สร้างมันขึ้นมา แม้หนังอาจไม่ได้น่ากลัวจัดเต็ม แต่บอกเลยว่า M3GAN ยังคงเต้นเก่งและสนุกสนานเหมือนเดิมแน่นอน

การโฆษณา

11. Hallow Road

ลองจินตนาการดูว่าถ้า Locke กับ Blair Witch Project แต่งงานกัน หนังเรื่องนี้คงเป็นลูกของคู่นั้นแน่ๆ หนังสยองเรียลไทม์เกือบทั้งหมดเกิดขึ้นในรถยนต์ เมื่อคู่สามีภรรยา ‘โรซามันด์ ไพค์’ และ ‘แมทธิว รีส’ ขับรถฝ่าความมืดเพื่อไปช่วยลูกสาววัย 18 ปี หลังเกิดอุบัติเหตุปริศนาในป่า เรื่องราวดำเนินผ่านบทสนทนาทางโทรศัพท์ ที่ค่อยๆ เผยความจริงสุดสยอง จากหนังระทึกกลายเป็นฝันร้ายบนถนนที่ไม่มีทางออก ผลงานของ ‘บาบัก อันวารี’ จาก Under the Shadow นี่คือหนังที่สั้น กระชับ แต่เข้มข้นชนิดที่ทำให้คุณกลั้นหายใจจนถึงเครดิตสุดท้าย

10. 28 Years Later

ผู้กำกับ ‘แดนนี บอยล์’ และมือเขียนบท ‘อเล็กซ์ การ์แลนด์’ กลับมาจับมือกันอีกครั้งใน ภาคต่อของ 28 Days Later และ 28 Weeks Later คราวนี้เล่าเรื่องของ สหราชอาณาจักรที่กลายเป็นแดนรกร้าง เต็มไปด้วยศพและผู้ติดเชื้อ หนังยังคงความบ้าคลั่งของต้นฉบับไว้ครบ แต่เพิ่มมิติการสะท้อนสังคมที่เข้มข้นกว่าเดิม นำแสดงโดย ‘โจดี้ โคเมอร์’ และนักแสดงหน้าใหม่ ‘อัลฟี วิลเลียมส์’ ในบทแม่ลูกที่ต้องเอาชีวิตรอดจากประเทศที่ตายไปแล้ว นี่คือหนังซอมบี้ที่ฉลาดมีชั้นเชิง ได้กลิ่นอายของ The Wicker Man และ ‘อิงมาร์ แบร์กมาน’ ที่ดูจบแล้วรับรองว่าคุณจะนั่งเงียบไปสัก 10 นาทีแน่นอน

การโฆษณา

9. Bring Her Back

ผลงานต่อจาก Talk To Me ของสองพี่น้อง ‘แดนนี’ และ ‘ไมเคิล ฟิลิปู’ พาเราเข้าสู่โลกของ ความโศกเศร้าสุดขีด กับสองวัยรุ่นชาวออสเตรเลีย แอนดี้ นำแสดงโดย ‘บิลลี บาร์รัตต์’ และ ไพเพอร์ นำแสดงโดย ‘โซระ หว่อง’ ถูกส่งไปอยู่กับ ผู้ปกครองอุปถัมภ์ลึกลับ อย่าง ลอร่า นำแสดงโดย ‘แซลลี ฮอว์กินส์’ แต่เมื่อแอนดี้เริ่มสงสัยว่า ลอร่ามีวาระซ่อนเร้นเรื่องราวกลับยิ่งตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ พ่วงด้วย ฉากสยองสุดหลอน พิธีกรรมลึกลับ และความตระหนกแบบไม่หยุดหย่อน โดยเรื่องนี้ แซลลี ฮอว์กินส์ รับบทเป็นแม่ใจร้ายสุดโหดได้อย่างชวนลุ้นตลอดทั้งเรื่อง 

8. Presence

นี่คือหนังผีแนวใหม่ ของ ‘สตีเว่น โซเดอเบิร์ก’ ที่ไม่ได้เน้นความตกใจแบบจั๊มพ์สแกร์ แต่กลับ หลอนแบบซับซ้อนหลายชั้น การเล่าเรื่องผ่านมุมมองของกล้องพาเราไปสำรวจ บ้านที่มีคนแปลกหน้าและสิ่งลึกลับอาศัยอยู่ เทคนิค Pov ของโซเดอเบิร์ก ทำให้เรารู้สึกเหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตลึกลับในบ้านผีสิง ความหลอนค่อยๆ แทรกซึมจนกลายเป็น ความเศร้าผสมความอึดอัดอย่างลงตัว

การโฆษณา

7. Together

หนังสยองขวัญแนว Body Horror ผสมคอมเมดี้ดาร์กๆ ของ ‘ไมเคิล แชงค์ส’ นำแสดงโดยคู่จริงในฮอลลีวูด ‘เอลิสัน บรีย์’ และ ‘เดฟ แฟรนโก’ ว่าด้วยเรื่องราวของคู่รักที่ย้ายไปอยู่ชนบทเพื่อหนีปัญหาความสัมพันธ์ แต่กลับถูกคำสาปเหนือธรรมชาติบังคับให้ร่างกายของทั้งสองหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ผลลัพธ์ที่ได้คือทั้งตลก สยอง และก็มีจังหวะโรแมนติกแบบที่คาดเดาไม่ถึง นี่คือหนังที่ให้ความรู้สึกทั้งชวนหัวเราะและชวนขนลุกไปพร้อมกัน

6. Frankenstein

‘กิเยร์โม เดล โตโร’ กลับมาอีกครั้งกับผลงานใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจจาก Frankenstein นิยายโกธิกระดับตำนาน ถ่ายทอดเรื่องราวของนักวิทยาศาสตร์ผู้สร้างสิ่งมีชีวิตจากชิ้นส่วนมนุษย์ ผ่านสไตล์ความสยองงดงามในแบบเฉพาะตัวของเขา นำแสดงโดย ‘เจคอบ เอลอร์ดี’ และ ‘ออสการ์ ไอแซก’ พร้อมงานภาพสุดตระการตาและดราม่าทรงพลัง สำหรับคนที่รู้สึกว่า ‘ทิม เบอร์ตัน’ ยังเบาไป เรื่องนี้คือคำตอบ

การโฆษณา

5. Final Destination: Bloodlines

ภาคที่ 6 ของแฟรนไชส์ Final Destination กลับมาอีกครั้งหลังห่างหายไปยาวนานกว่า 14 ปี คราวนี้กลับมาด้วยความเฉียบคมและโทนจริงจังกว่าที่เคย เล่าเรื่องราวของหญิงสาวที่ค้นพบความลับดำมืดของตระกูลเมื่อทุกชีวิตในครอบครัวไม่ควรจะมีอยู่ตั้งแต่แรก เพราะความตายได้ถูกกำหนดไว้แล้วตั้งแต่ในอดีต หนังผสมดราม่าครอบครัวเข้ากับความสยองและฉากความตายสุดครีเอทีฟได้อย่างลงตัว ทั้งโหด ทั้งมันส์ และยังคงกลิ่นอายความสนุกแบบดั้งเดิมของแฟรนไชส์ไว้อย่างครบถ้วน

4. Nosferatu

Nosferatu เวอร์ชันใหม่จากผู้กำกับ The Lighthouse ‘โรเบิร์ต เอ็กเกอร์ส’ กลับมาปลุกตำนานแวมไพร์สุดคลาสสิกให้มีชีวิตอีกครั้งในเวอร์ชันที่ทั้งหลอน ลึกลับ และเย้ายวนอย่างน่าขนลุก ภาพยนตร์รีเมกจากต้นฉบับปี 1922 ของ เอฟ.ดับเบิลยู. เมอร์เนา ถ่ายทอดเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างแวมไพร์แห่งเทือกเขาคาร์เพเทียนกับหญิงสาวผู้เปี่ยมเสน่ห์ ‘ลิลี่-โรส เด็ปป์’ ที่ทำให้ทุกคนรอบตัว รวมถึงนายหน้าหนุ่มผู้ไร้เดียงสา ‘นิโคลัส โฮลท์’ ต้องเผชิญชะตาสยองท่ามกลางเมืองเยอรมันอันเงียบงัน

ตัวหนังเต็มไปด้วยบรรยากาศหม่น ลึกลับ และความสยองที่คืบคลานทีละน้อย จนระเบิดความหลอนออกมาอย่างทรงพลัง และในเรื่องนี้แวมไพร์ที่นำแสดงโดย ‘บิลล์ สการ์สการ์ด’ ก็ชวนขนหัวลุกไม่แพ้บทตัวตลกสุดหลอนอย่าง Pennywise จาก It เลยทีเดียว 

การโฆษณา

3. Companion

ผลงานกำกับเรื่องแรกของ ‘ดรูว์ แฮนค็อก’ พาผู้ชมดำดิ่งสู่ความวายป่วงแบบดาร์กคอมเมดี้ เมื่อหุ่นยนต์ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ถูกสร้างมาเป็นเพื่อนรู้ใจ เริ่มมีจิตสำนึกของตัวเอง และค่อยๆ ไหลเข้าสู่ห้วงแห่งความบ้าคลั่ง ‘โซฟี แธตเชอร์’ จาก (Yellowjackets) ตอกย้ำสถานะ ดาวรุ่งแห่งวงการหนังสยองขวัญด้วยการแสดงที่โดดเด่นสะกดสายตา ท่ามกลางความโกลาหลสุดแสบและเสียดสีสังคมในโลกอนาคตอันใกล้ ที่ทั้งขำ ทั้งหลอน และทั้งน่าคิดในเวลาเดียวกัน

 

2. Sinners

‘ไรอัน คูเกลอร์’ ผู้กำกับที่เคยฝากผลงานไว้ในหลังซุปเปอร์ฮีโร่อย่าง Black Panther กลับมาพร้อมโปรเจกต์ใหม่ที่ทั้งแหวกแนวและยากจะจำกัดความ เพราะนี่คือหนังที่ผสมทุกอารมณ์ไว้ในหม้อเดียวแบบ Southern Gumbo ทั้งสยองขวัญแวมไพร์ โรแมนซ์ ดราม่า มิวสิคัล และแอ็กชัน นำแสดงโดย ‘ไมเคิล บี. จอร์แดน’ กับบทบาทฝาแฝดสุดเข้มข้นโดยหนังเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความหลงใหลของคูเกลอร์ต่อแนวสยองขวัญ พร้อมชั้นเชิงทางเชื้อชาติและประเด็นสังคมที่เขาสอดแทรกไว้อย่างเฉียบคม ผลลัพธ์คือภาพยนตร์ที่ทั้งสะกดใจ ปลุกอารมณ์ และทำให้หัวใจเต้นแรงตลอดเรื่อง 

การโฆษณา

1. Weapons

หลังจากสร้างความฮือฮาด้วย Barbarian หนังสยองขวัญแนวบ้านเช่า Airbnb สุดหลอน ‘แซค เคร็กเกอร์’ กลับมาอีกครั้งกับโปรเจกต์ที่ใหญ่ขึ้นและทะเยอทะยานกว่าเดิม คราวนี้เขาขยายขอบเขตเรื่องราวไปยังเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์สุดสะเทือนใจจากการหายตัวไปอย่างลึกลับของนักเรียนประถม 17 คนในคืนเดียวกัน นี่คือหนังที่อาจทำให้ใครหลายคนหงุดหงิดหรือพยายามหาคำตอบว่า มันกำลังพูดถึงอะไร? มันจะน่ากลัวพอไหม? หรือแม้แต่ปืนไรเฟิลยักษ์บนท้องฟ้านั่นคืออะไรกันแน่? แต่ในขณะเดียวกัน ก็แทบไม่มีหนังสยองขวัญเรื่องไหนที่สามารถผสมผสานประเด็นสังคม, ตัวละครที่มีมิติ, กลิ่นอายความลึกลับ, ฉากเลือดสาด, และอารมณ์ขันสุดแสบได้อย่างมีศิลปะเท่ากับเรื่องนี้ หนังยังมีกลิ่นอายของคลาสสิกยุค 70s อย่าง Rosemary’s Baby แฝงอยู่ และต้องบอกเลยว่า นั่นคือคำชมที่ยิ่งใหญ่สำหรับหนังสยองขวัญเรื่องหนึ่งเลย

เรื่องเด่น
    การโฆษณา