15 ร้านอาหารริมทางเจ้าเด็ดย่านบางลำพูที่ส่งต่อความอร่อยจากรุ่นสู่รุ่น

ร้านนี้อร่อยมาแล้วกว่า 51 ปี ทีเด็ดอยู่ที่การหยิบเอาของกินที่คนไทยคุ้นเคยอย่าง ‘ปาท่องโก๋’ มาเป็นวัตถุดิบหลักของร้านแล้วปรุงเป็นสารพัดเมนูคาวหวาน เช่น ปาท่องโก๋ย่างพริกเผาหมูเส้นกรอบ (60 บาท) คล้ายๆ ขนมปังปิ้งพริกเผาหมูหยองแต่เซอร์ไพรส์ตรงปาท่องโก๋นี่แหละ และที่เซอร์ไพรส์กว่าก็คือ ปาท่องโก๋ยำทรงเครื่องทะเล (60 บาท) ใครจะคิดว่าปาท่องโก๋ก็กินกับยำได้ แถมอร่อยด้วย เมนูปาท่องโก๋ย่างที่เป็นของหวานก็มีปาท่องโก๋ไอศกรีม (สกู๊ปละ 40 บาท) หรือจะจิ้มกับสังขยา ช็อกโกแลต นมข้น แยมส้ม แยมสตรอเบอรี่ ก็ได้เหมือนกัน (ชุดละ 40 บาท) ส่วนของกินอื่นๆ ที่ไม่ใช่ปาท่องโก๋ก็มีทั้งเมนูข้าวและเส้น อร่อยไม่แพ้กัน โดยเฉพาะ ข้าวกุ้งโบราณอบกระเทียม (200 บาท) ที่เสิร์ฟกุ้งแม่น้ำตัวโตๆ อบกับเครื่องเทศหอมๆ รสชาติเข้มข้น ใครอยากลองแวะมาได้ ร้านตั้งอยู่หัวมุมถนนพระสุเมรุตัดกับถนนสิบสามห้าง ใกล้ๆ กับวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร

ร้านก๋วยเตี๋ยวหน้าตาบ้านๆ ในตรอกเล็กๆ ริมถนนตะนาว แต่สะดุดตาเราก็ตรงที่มีสัญลักษณ์เชลล์ชวนชิมรุ่นแรก (รูปเปลือกหอยกับเปลวไฟ) แปะอยู่ข้างชื่อร้าน ซึ่งบ่งบอกว่าร้านนี้อร่อยมาตั้งแต่เรายังไม่เกิดอีก ว่าแล้วก็แวะสั่ง เส้นเล็กลูกชิ้นปลา (ธรรมดา 40 บาท พิเศษ 50 บาท) มาลองสักชามพร้อมคุยกับลุงๆ ป้าๆ เจ้าของร้านจนรู้ว่าร้านนี้เขาขึ้นชื่อเรื่องลูกชิ้นปลาสูตรเด็ดที่ทำเองรุ่นต่อรุ่นมานานเกือบ 70 ปีแล้ว ใครไม่กินลูกชิ้นปลาเพราะกลัวว่าจะมีกลิ่นคาวมาร้านนี้สบายใจได้ เพราะลูกชิ้นเขามีแต่กลิ่นหอมกับเนื้อแน่นๆ เด้งๆ

ไต้จงเป็นร้านอาหารตามสั่งสไตล์ไทย-จีน มีเมนูแนะนำเป็น กุ้งทอดกระเทียม ใช้กุ้งสดตัวโตๆ คิดราคาเป็นตัว ตามขนาดของกุ้งแต่ละวัน คะน้าปลาเค็ม รสชาติกลมกล่อม เค็มๆ มันๆ กำลังดี ผัดฉ่าปลากะพง หอมยั่วน้ำลาย อร่อยถึงเครื่องมาก ถ้าสั่งเป็นกับข้าวราคาจะอยู่ที่ 60 - 80 บาท แต่ถ้าสั่งราดข้าวเมนูกุ้งกับปลาจะเริ่มต้นที่ 70 บาท อยากกินเอาอิ่ม ราคาสมคุณภาพ ต้องมาร้านนี้

เชื่อเหลือเกินว่าคนยุคนี้หลายคนไม่เคยกินสิ่งที่เรียกว่า ‘ข้าวแช่’ หรืออาจจะไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ เพราะเดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้หากินกันได้ง่ายๆ แล้ว แต่ถ้าอยากทำความรู้จักของว่างไทยโบราณเมนูนี้ต้องมาที่ร้านข้าวแช่แม่ศิริ บางลำพู เพราะร้านนี้ขายข้าวแช่มาตั้งแต่ปลายสมัยรัชกาลที่ 5 ปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 5 แล้ว ถ้าจะเรียกว่านี่คือต้นตำรับข้าวแช่อีกเจ้าหนึ่งของไทยก็คงไม่ผิดอะไร ข้าวแช่แม่ศิริหนึ่งชุดจะมีข้าวสุก ร่วนๆ แช่มาในน้ำอบควันเทียนแช่ดอกมะลิเพิ่มความเย็นด้วยน้ำแข็งหลอด ซดไปคำแรกคือหอมเย็นชื่นใจมาก มีเครื่องเคียงเป็นไชโป๊ว รสชาติเปรี้ยวอมหวานคล้ายมะม่วงดอง หมูฝอยหวาน ปลาหวานที่ทั้งหวานทั้งหอมกะทิกับน้ำตาลมะพร้าว และลูกกะปิทอดที่ทำมาจากกุ้งสด กระชาย และเครื่องเทศ เจ้าของร้านใจดีบอกบอกสเต็ปการกินให้เข้าถึงความอร่อยว่าต้องเปิดด้วยการซดน้ำก่อน แล้วตักเครื่องตาม ค่อยๆ เคี้ยว ให้ความหอมอบอวลในปาก แล้วค่อยตักข้าวสวยตามให้รสชาติของเครื่องเคียงอ่อนลง จะนั่งทานหน้าร้านฟังเพลงลูกกรุงคลอๆ ไปด้วย หรือสั่งกลับบ้านก็ราคาเดียว 25 บาท

ร้านนี้เปิดขายมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 ทุกวันนี้ก็ 52 ปีพอดี มีเมนูแนะนำเป็น บะหมี่เป็ดย่าง (50 - 80 บาท) ซึ่งหมักปรุงด้วยสูตรลับของทางร้านที่สืบทอดมาจากรุ่นพ่อ ส่วนเป็ดจะใช้เป็ดเชอรี่เพราะเนื้อเยอะกว่าเป็ดไทย  เลือดเป็ดก็ใช้เลือดสดใหม่ น้ำซุปหอมหวานจากเครื่องพะโล้ ส่วนเมนูอื่นๆ ก็มี ปีก ปาก ขาพะโล้  (70 - 100 บาท) เนื้อเป็ดย่าง (100 บาท) จะสั่งมากินเล่นเพลินๆ หรือกินกับข้าวสวยร้อนๆ ก็ได้ หน้าร้านตั้งอยู่หน้าตรอกเล็กๆ ริมถนนจักรพงษ์ เดินเข้าไปข้างในสักสิบก้าวก็จะเจอโต๊ะนั่งอยู่ด้านหลัง

มาร้านนี้ถ้าคิดไม่ออกว่าจะสั่งอะไร ให้มองไปที่ชื่อร้านก่อนเลย ‘ต้มยำกุ้ง’ นั่นแหละเมนูเด็ดของเขา รีบสั่งมาก่อนเลย เราสั่งแบบธรรมดาชามละ 150 บาท ซดคำแรกก็รู้เลยว่าทำไมใครๆ ก็ติดใจ เพราะน้ำต้มยำเขาจี๊ดจ๊าดถึงเครื่องต้มยำมาก วัตถุดิบก็สดใหม่ แต่จะสั่งต้มยำอย่างเดียวสำรับของเราก็จะดูไม่สมบูรณ์ เราเลยลองสั่ง ยำหอยแครง 100 (บาท) กับ ปลาหมึกผัดพริกเผา (150 บาท) มาเสริมทัพ แล้วก็พบว่าร้านนี้ไม่ได้มีดีแค่ต้มยำ เพราะทั้งสองเมนูที่สั่งมาทีหลังนั้นก็เด็ดไม่แพ้กันเลย ยั่วสุดคือยำหอยแครง แค่เห็นหน้าตาก็น้ำลายสอ แถมยังให้เยอะเหมือนแม่ค้ามือลั่น ส่วนปลาหมึกผัดพริกเผาก็รสชาติเข้มข้น หวานๆ เผ็ดๆ กำลังดี รวมๆ แล้วน่าจะเป็นร้านที่ได้ใจสายแซ่บไปเต็มๆ ไม่เชื่อลองแวะมาพิสูจน์กันได้ร้านตั้งอยู่บนฟุตปาธซอยไกรสีห์ หน้าอาคารจอดรถ กทม.

ถัดจากร้านต้มยำกุ้งบางลำพูมานิดหน่อยก็ถึงร้านก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง บางลำพู จากชื่อร้านเมนูเด็ดของร้านจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจาก ก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง (25 บาท) สิ่งที่ทำให้ลูกค้าติดใจมานานกว่า 40 ปี ก็คือวัตถุดิบที่สดใหม่ ไม่มีกลิ่นหืน ไม่อมน้ำมัน ทั้งหมูสามชั้น เต้าหู้ ไข่เจียวเส้น ถั่วงอก กุนเชียง หัวไชโป๊วหั่นฝอย และกุ้งแห้ง ส่วนน้ำราดก๋วยเตี๋ยวหลอดก็รสชาติกลมกล่อม อร่อยแบบไม่ต้องปรุง อีกหนึ่งเมนูที่ขายดีไม่แพ้กันก็คือ เปาะเปี๊ยะสด (25 บาท) ใช้วัตถุดิบสดใหม่ กรอบๆ ห่อมาในแผ่นเปาะเปี๊ยะเนื้อนุ่ม กินกับน้ำราดหอมหวาน อร่อยจนต้องสั่งเพิ่ม คุณลุงคุณป้าเจ้าของร้านฝากมาบอกว่าช่วงนี้ให้รีบไปอุดหนุนเพราะเดือนหน้าคุณป้าต้องไปผ่าตัดตาและอาจจะต้องปิดร้านไปหลายเดือน   

ร้านถั่วแปบร้านนี้อยู่เยื้องๆ กับร้านก๋วยเตี๋ยวหลอดและร้านต้มยำกุ้ง เป็นร้านน้องใหม่ของบางลำพู เพราะเพิ่งเปิดขายยังไม่นาน แต่ดูแล้วก็ขายดีไม่แพ้เจ้าเก่าที่อยู่รอบๆ เลย ถั่วแปบร้านนี้มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีดำ (ชาโคล) สีม่วง (อัญชัน) สีเขียว (ใบเตย) สีชมพู (บีตรูต) และสีเหลือง (เก๊กฮวย)  ใช้แป้งข้าวเหนียวห่อถั่วเหลืองแน่นๆ ทำใส่กล่องกันสดๆ ขายกล่องละ 30 บาท จะสั่งแบบคลุกถั่วเหลือง คลุกมะพร้าว หรือผสมกันก็สั่งได้ตามใจชอบ ก่อนทานต้องโรยน้ำตาลทรายแดงผสมงาดำงาขาวคั่วหอมๆ ก่อน ถึงจะอร่อยครบรสหวานมัน

ร้านนี้เป็นรถเข็นเล็กๆ ที่เห็นปุ๊บก็รู้เลยว่าขายของหวานแน่ๆ เพราะมีผึ้งบินวนมาตอมน้ำเชื่อมอยู่รอบๆ เมนูของหวานร้านนี้ก็คือขนมโบ๊กเกี้ย เป็นขนมหวานสูตรไหหลำ หน้าตาคล้ายๆ น้ำแข็งไส คือในถ้วยจะมีเครื่องอยู่ด้านล่าง โปะด้วยน้ำแข็ง แล้วราดน้ำเชื่อมหวานๆ ถ้าเป็นเครื่องแบบคลาสสิกเลยก็จะมี 3 อย่าง คือ ถั่วแดง เส้นโบ๊กเกี้ยและน้ำตาลทรายแดง แต่ทุกวันนี้ก็มีเครื่องอื่นๆ เพิ่มมาให้เลือกเยอะขึ้น จะใส่กี่เครื่องก็ได้ตามใจชอบ ขายราคาเดียว ถ้วยละ 25 บาทเท่านั้น ขนมโบ๊กเกี้ยเจ้านี้ปักหลักขายอยู่ริมถนนดินสอมาประมาณ 20 ปีแล้ว เป็นรุ่นที่ 2 แต่ถ้านับตั้งแต่รุ่นแรกก็ขายมาแล้วกว่า 50 ปี

ลูกชิ้นปิ้งธงชัยเป็นร้านเล็กๆ มีแค่เตาถ่านสำหรับปิ้งลูกชิ้นกับโต๊ะวางของแค่นั้น แต่ร้านก็อยู่มานานเกือบ 30 ปีแล้ว ลูกชิ้นมีให้เลือก 4 อย่างคือ หมู เอ็นหมู เนื้อและเอ็นเนื้อ ขายไม้ละ 10 บาท ทำเองทุกอย่าง ไม่ใส่สารบอแรกซ์ เนื้อแน่น เด้ง ตามธรรมชาติ ย่างบนเตาถ่านหอมๆ กินคู่กับน้ำจิ้มสามรส (เปรี้ยว หวาน เผ็ด) สูตรเด็ดของร้าน และเมื่อที่ร้านไม่มีที่ให้นั่งเราก็ต้องถือเดินไปกินไป ได้อารมณ์สตรีตฟู้ดที่แท้จริง

ใครชอบกินข้าวหมกเราไม่อยากให้พลาดร้านนี้ เพราะต้นตำรับความอร่อยของเขาได้รับการสืบทอดมาจากชาวมุสลิมชวาที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เมนูแนะนำก็คือ ข้าวหมกเนื้อ (65 บาท) เนื้อวัวชิ้นโตๆ ตุ๋นจนเปื่อย นุ่ม ทานกับข้าวหมกสีเหลือง หอมๆ ถ้าสั่ง ซุปหางวัว (80 บาท) มาซดด้วยก็ยิ่งคล่องคอกับน้ำซุปหอมมะนาว รสเปรี้ยวเค็มเผ็ด ส่วนหางวัวก็นุ่มลิ้น แทบละลายในปาก นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารดั้งเดิมของชาวชวาอย่าง สเต๊ะเนื้อ (ชุดละ 80 บาท) รวมถึงเมนูอื่นๆ อย่าง ข้าวหมกไก่ (60 บาท) และก๋วยเตี๋ยวเนื้อ (50 บาท) ร้านอยู่หลังตรอกเล็กๆ ริมถนนตานี ข้างหน้าเป็นตู้โชว์เรียกแขกและโต๊ะเตรียมอาหารเรียงยาวไปตามตรอก ฝั่งหนึ่งเป็นทางเดิน เดินเลียบๆ ไปก็จะเจอที่นั่งอยู่ข้างใน รองรับลูกค้าได้เยอะพอสมควร

พูดถึงสตรีตฟู้ดทั้งทีจะไม่มีร้านข้าวแกงก็คงจะไม่ใช่ และในย่านบางลำพูก็ไม่มีข้าวแกงร้านไหนขึ้นชื่อเท่ากับร้านข้าวแกงบางลำภู ที่ขายมาตั้งแต่ พ.ศ. 2517 หรือขายมานานถึง 45 ปีแล้ว มีเมนูอาหารไทยให้เลือกหลากหลาย เช่น ไข่ลูกเขย ไข่พะโล้ พะแนง มัสมั่น ผัดพริกแกง คั่วกลิ้ง ผัดถั่วงอก ผัดฟักทอง ต้มยำ ฯลฯ นอกจากความหลากหลายของเมนูสิ่งที่ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่ถูกใจร้านนี้ก็คือเรื่องราคาที่เป็นกันเองแบบหาได้ยากแล้วในยุคนี้ ราคาข้าวแกง 1 อย่างเริ่มต้นที่ 35 บาท 2 อย่าง 45 บาท 3 อย่าง 60 บาท หรือจะซื้อเป็นกับข้าวก็ขายอย่างละ 40 บาท

ย่านบางลำพูก็เหมือนย่านสตรีตฟู้ดทั่วไป คือพอตะวันตกดินก็เริ่มมีรถเข็นมาจับจองพื้นที่กางโต๊ะ เปิดครัวกันริมถนนอย่างคึกคัก หนึ่งในนั้นคือร้านสืบกุ้งอบที่มาเหนือคนอื่นด้วยรูปแบบฟู้ดทรัก เมนูขึ้นชื่อคือ กุ้งอบวุ้นเส้น (150 บาท) กุ้งแม่น้ำตัวโตๆ อบกับวุ้นเส้นเหนียวนุ่ม หอมกลิ่นกระเทียม พริกไทย รากผักชี จากเครื่องอบ รสชาติดีเกินราคา เมนูอื่นๆ ก็ให้สั่งทั้ง หอยแครงลวก (100 บาท) ชอบสุกมากสุกน้อยบอกเจ้าของได้ ส่วนน้ำจิ้มก็มีให้เลือก 2 แบบ คือน้ำจิ้มซีฟู้ด ถ้าไม่ชอบทานเผ็ดก็กินกับน้ำจิ้มหวานที่ทำจากถั่วตัดได้ ยำแซลมอน (100 บาท) ที่แม่ค้าบอกมาว่าที่ร้านใช้แซลมอนนอร์เวย์สดๆ นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูพิเศษเป็น ปูอบวุ้นเส้น (380 บาท) ที่จะมีมาเฉพาะวันศุกร์กับวันเสาร์เท่านั้น ส่วนวันอื่นๆ ถ้าอยากทานต้องสั่งล่วงหน้าไปทางเพจของร้านเท่านั้น

อิ่มท้องจากสตรีตฟู้ดแล้ว ก็ต้องหาของหวานตบท้ายต่อที่ร้านลักนมสด ตรงมุมถนนตานี ใกล้วงเวียนบางลำพู เมนูแนะนำคือ ขนมปังนึ่งสังขยา (35 บาท) ขนมปังนึ่งนุ่มๆ อุ่นๆ จิ้มกับสังขยาสีเขียว หอมใบเตย รสละมุนลิ้น  หรือจะเป็น ขนมปังเย็นโกโก้ ( 40 บาท) หวาน มัน ขม กลมกล่อม ท็อปปิ้งเยอะ ส่วนขนมปังปิ้งก็มีให้เลือกทั้งแบบปังก้อนและปังแผ่น (เริ่มต้น 12 บาท) มีหลายหน้าหลายไส้ให้เลือก เช่น นมข้น  ช็อกโกแลต สังขยา แยมส้ม แยมสตรอเบอร์รี แยมสับปะรด น้ำพริกเผา ฯลฯ อร่อย ราคาเบาๆ และยังได้อิ่มแบบต่อเนื่องด้วย

หมูปลาร้าร้านดังที่ไม่กินไม่ได้ เมื่อก่อนขายอยู่ริมถนน แต่ตอนนี้ย้ายหลบเข้าไปในซอยเล็กๆ ระหว่างถนนราชดำเนินกลางและถนนราชดำเนินเหนือ แถวแยกคอกวัว ถึงร้านจะอยู่ค่อนข้างลึกลับกว่าเดิม แต่ไม่ต้องกลัวหาไม่เจอ เพราะทางเข้ามาป้ายบอกตัวโตๆ ว่า “หมูปลาร้าขายในซอย” ตลอดทางเดินก่อนถึงร้านจะมีเตาสำหรับปิ้งหมูวางเรียงน่าจะเกือบ 10 เตา ปิ้งกันจริงจังขนาดนี้แสดงว่าขายดีจริง ซึ่งเมนูเด็ดของร้านก็คือ หมูปิ้ง ไม้ละ 15 บาท กับเนื้อปิ้ง ไม้ละ 20 บาท ทานคู่กับข้าวเหนียวห่อละ 5 บาท และยังใจดีแถมชุดผักกับน้ำพริกปลาร้าให้ฟรีๆ หมูกับเนื้อปิ้งดูจะไม่ได้โดดเด่นกว่าที่อื่นมากนัก แต่สิ่งที่มัดใจลูกค้าได้จำนวนมากก็คือน้ำพริกปลาร้า ซึ่งเป็นสูตรเด็ดของทางร้านที่เจ้าของร้านชาวอุบลราชธานีได้รับการสืบทอดมาจากคุณพ่อ เป็นน้ำพริกที่กลิ่นปลาร้าไม่แรง รสชาติก็ไม่จัดเกินไป ออกหวานนิดๆ กินแล้วติดใจตั้งแต่คำแรกเลย เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของร้านก็คือที่ร้านจะไม่มีโต๊ะให้นั่งแต่ลูกค้าต้องปูเสื่อนั่งจกข้าวเหนียวจิ้มน้ำพริกกันข้างทาง ได้อารมณ์อีสานบ้านเฮาคักขนาด ร้านเปิด 20.00 - 03.00 น. แต่ถ้าอยากกินเร็วๆ แนะนำให้มารอก่อนเวลาเปิดเลยจะดีกว่า เพราะไม่งั้นต้องเข้าคิวยาวเหยียดเลย