5 ร้านอาหารเวียดนาม รสชาติต้นตำรับในกรุงเทพฯ

เพราะความคิดถึงอาหารรสมือแม่ที่คุ้นเคยมาตั้งแต่ยังเด็กในเมืองไซง่อน จึงทำให้คุณฌอน แฟม เชฟและเจ้าของร้าน ตัดสินใจเปิดร้านอาหารเวียดนามขึ้นมา ในช่วงแรกที่เปิดทางร้านยังเน้นไปเมนูย่างๆ สไตล์ไซง่อน กินง่ายๆ เช่น บันหมี่, หมูย่างเสิร์ฟกับเส้นขนมจีน และไข่กระทะ

แต่ตอนนี้ร้านได้เพิ่มเมนูเข้ามาใหม่ที่ทั้งแฟนประจำและคนที่เพิ่งเคยชิมอาหารเวียดนามน่าจะต้องชอบ อย่างเฝอเนื้อสไตล์ไซง่อน ที่จะแตกต่างจากเฝอทางฮานอยทางตอนเหนือ ด้วยความเข้มข้นของน้ำซุป ที่สังเกตได้จากทั้งสีของน้ำซุปที่เคี่ยวหลายชั่วโมงจนเข้มกว่าเฝอชามอื่นๆ ด้วยเครื่องเทศและการปรุงที่หนักมือขึ้นมาหน่อย

นอกจากนี้ยังมีเมนูใหม่ที่เพิ่มเข้ามาอีกหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น บ่อคอ (Bo Kho) สตูเนื้อแบบเวียดนาม, เปาะเปี๊ยะสด ส่วนเครื่องดื่มยังคงมีกาแฟสไตล์เวียดนาม ที่ใช้เมล็ดคั่วเข้มติดกลิ่นถั่วเอกลักษณ์ที่หลายคนติดใจ 

Son of Saigon ตั้งอยู่ที่ซอยทองหล่อ 25 เปิดให้บริการพุธ-จันทร์ ตั้งแต่ 10.00 - 21.00 น. โทร 062 546 1494 www.sonofsaigon.net

หนึ่งในร้านเวียดนามที่เหมือนยกบ้านสไตล์เวียดนามมาไว้ในย่านสุขุมวิท 49 เพราะข้าวของตกแต่งทุกอย่างเรียกได้ว่าแทบจะยกมาจากไซง่อน บ้านเกิดของคุณเตียน (Nguyen Thuy Tien) หญิงชาวเวียดนามที่ย้ายถิ่นฐานมากรุงเทพพร้อมครอบครัว และเกิดคิดถึงรสชาติอาหารจนตัดสินใจเปิดร้านขึ้นมาเองเสียเลย โดยร้านตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้ม โคมไฟเวียดนามที่ทำจากกระดาษสีสันสดใสและถ้าสะดุดตากับรูปสาวสวยชาวเวียดนามในชุดอ่าวหญ่าย นั่นแหละคือคุณเตียนเจ้าของร้านสมัยสาวๆ 

ในส่วนของอาหารเวียดนามที่นี่ถือว่าครอบคลุมหลากหลาย แต่ที่น่าสนใจและอาจจะหากินยากหน่อยคือ ก๋วยเตี๋ยวเนื้อเมืองเว้ จากทางภาคกลางของเวียดนาม รสชาติอาหารจะเน้นไปทางเค็ม เผ็ดและนัวแบบอูมามิ บ้างก็ว่าอาหารจากแถบนี้สืบเชื้อสายมาจากอาหารชาววัง เพราะเว้เคยเป็นเมืองหลวงเก่าในสมัยราชวงศ์เหงียนมาก่อน

ก๋วยเตี๋ยวชามนี้จึงเข้มข้นกว่าเฝอหลายเท่าแม้หน้าตาจะใกล้เคียงกัน เริ่มตั้งแต่น้ำซุปที่เคี่ยวจากทั้งหมูและเนื้อ พร้อมเครื่องเทศอีกหลายชนิด และเคล็ดลับการใส่ตะไคร้และเลือดหมูลงไปเคี่ยวช้าๆ ก่อนจะตักออกไป ทิ้งไว้แต่รสและกลิ่นเฉพาะตัว เสิร์ฟพร้อมเส้นก๋วยเตี๋ยวขาวอวบไม่เด้งไม่กรอบจนเกินไป แนะนำให้รีบซดน้ำซุปขณะร้อนๆ ที่เหมือนพาเราไปเมืองเว้ตั้งแต่คำแรก ก่อนตามด้วยเส้นและเนื้อหรือหมูสไลด์ จะสั่งเมนูอื่นๆ มากินแกล้มด้วยโดยเฉพาะเปาะเปี๊ยะเวียดนามที่มีให้เลือกหลากหลายไส้ก็เข้ากันดี

Saigon Recipe ตั้งอยู่ที่ Piman 49 ซอย สุขุมวิท 49 เปิดให้บริการทุกวัน 11:00-15:00 / 17:00-22:00 โทร. 0 2662 6311 www.saigon-recipe.com

ใครจะรู้ว่าย่านศาลาแดงซอย 1 กลางเมืองแบบนี้ จะมีร้านอาหารเวียดนามที่เปิดให้บริการคู่โรงแรมดุสิตธานีมายาวนานกว่า 30 ปี ซ่อนตัวอยู่ในบ้านดุสิตธานี บริเวณด้านหลังยังคงความดิบจากโครงสร้างปูนที่เปิดเข้าไปจะเจอกับความโมเดิร์น ทั้งการตกแต่งด้วยลายทรอปิคัลพรินต์ การใช้ไฟนีออน และงานศิลปะร่วมสมัย ไปจนถึงครัวแบบเปิด เพราะความตั้งใจที่จะเชื่อมโยงทั้งความเก่าแก่ ความโมเดิร์น และกลิ่นอายแบบเวียดนามลูกผสมฝรั่งเศสเข้าไว้ด้วยกัน

ซึ่งทั้งหมดก็ถูกถ่ายทอดผ่านเมนูอาหารเวียดนามที่ครอบคลุมทั่วทุกภาคด้วยเช่นกัน อยากกินเมนูที่คุ้นเคยขนาดไหนที่นี่ก็มีให้เลือก เช่น บั๋นเซล (Banh Xeo) ขนมเบื้องญวนแป้งนุ่มบาง สีเหลืองยัดไส้มาด้วยหมูสับและกุ้ง สั่งมาเป็นจานเรียกน้ำย่อย ก่อนจะขยับไปจานที่อยากแนะนำให้สั่งมาแชร์กัน เพราะหากินยากในบ้านเราอย่าง จ๋าข่า (Cha Ca) เมนูกระทะร้อนที่หากินได้เฉพาะในฮานอยเท่านั้น ปลากะพงหั่นชิ้นพอดีคำหมักกับขมิ้น แล้วไปทอดจนสุกกรอบเสิร์ฟมาบนผักชีลาวกองโตในกระทะร้อน ให้เราได้ผัดคลุกเคล้าจนผักชีลาวสลด พอตักมาราดบนขนมจีนแล้วตักเข้าปากจะได้มิติของรสชาติความหวานจากเนื้อปลาและกลิ่นของผักชีลาวผัดที่เฉพาะตัวมากๆ

เมนูค็อกเทลก็น่าสนใจไม่แพ้กัน แต่ละแก้วจะหยิบเอาคลาสสิกค็อกเทลมาทวิสต์ด้วยกลิ่นอายแบบเวียดนามจากเหล่าสมุนไพรและเครื่องเทศต่างๆ     

Thien Duong ตั้งอยู่ที่ บ้านดุสิตธานี ถนนศาลาแดง ซอย 1 สีลม เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 11.00-14.30 น. / 17.30-22.00 น. โทร 02-200-9009 www.baandusitthani.com/restaurants/thien-duong/ 

ร้านอาหารเวียดนามสุดฮอตในตอนนี้ อีกหนึ่งผลงานใหม่ล่าสุดของคุณปลา-อัจฉรา บุรารักษ์ ที่มักฝากผลงานอันน่าตื่นเต้นให้กับซีนอาหารในบ้านเราอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้ได้แปลงบ้านเก่าย่านซอยงามดูพลี ให้กลายเป็นร้านอาหารเวียดนาม พร้อมชื่อที่ง่ายๆ แสนน่ารักว่า อันเกิม อันก๋า ที่แปลว่า กินข้าว กินปลา 

ข้างนอกว่าสวยแล้วกับโครงสร้างบ้านอายุกว่า 100 ปี ข้างในสวยไม่แพ้กัน เพราะเขาเลือกใช้วัสดุที่หลากหลายทั้งไม้ กระเบื้องลายเรขาคณิต การจับคู่สี และที่สำคัญกับงานภาพวาดแบบศิลปะแถบอินโดจีนสีจัดๆ โซนที่นั่งก็มีให้เลือกตลอดสองชั้น ทั้งแบบโต๊ะกลมล้อมวงกินข้าวกัน บูทโซฟา หรือโซนโต๊ะเก้าอี้ไม้เข้าเซ็ตกัน อีกอย่างชามเซรามิกที่เสิร์ฟอาหารที่นี่ยังมีการเพนต์มือลายเฉพาะของร้านทุกใบด้วย

สำหรับอาหารที่นี่จะเสิร์ฟเมนูเวียดนามจากทั่วภูมิภาครวมถึงเมนูสตรีตฟู้ดและซีฟู้ดด้วย ดังนั้นจะจิ้มเลือกเมนูที่คุ้นเคยหรือไม่เคยกินมาก่อนยังไงก็ถูกปากแน่นอน ยิ่งถ้าเป็นเมนูเฝอ เชฟกานต์ กิตติเวช แห่งทองสมิทธ์ได้ฝากฝีมือการเคี้ยวน้ำซุปกว่า 24 ชั่วโมง รอให้ทุกคนได้ไปชิมกัน 

Ăn Cơm Ăn Cá ตั้งอยู่ที่ซอยงามดูพลี สาทร 1 กรุงเทพมหานคร เปิดให้บริการทุกวัน 17.00 - 22.00 น. โทร 02 286 1256 www.facebook.com/Ancomanca.bangkok 

ร้านอาหารเวียดนามในกรุงเทพฯ นั้นมีมากมายหลากหลายเหลือเกิน แต่ขอบอกเลยว่าที่ร้าน Tonkin-Annam (ตงกิง-อันนัม) แห่งนี้ไม่เหมือนกันกับร้านอาหารเวียดนามแห่งอื่นๆ แน่นอน เพราะที่นี่ซึ่งเป็นร้านที่คุณกาย ไลย มิตรวิจารณ์ หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารของเมืองไทย ตั้งใจให้เป็นร้านที่เสิร์ฟแต่อาหารเวียดนามแบบต้นตำรับจากทางเหนือและตอนกลางของประเทศ เพื่อเป็นการรำลึกถึงบรรพบุรุษชาวเวียดนามที่มีถิ่นฐานอยู่ในเมืองตงกิงและเมืองอันนัมในภาคเหนือและกลางของประเทศเวียดนาม ที่นี่ยังใช้วัตถุดิบท้องถิ่นเป็นส่วนใหญ่ นอกจากของบางอย่างเช่น น้ำปลาและพริกที่นำเข้ามาจากเวียดนาม

อาหารว่างแบบเวียดนามที่เราคุ้นเคยกันดีมีอยู่ในเมนู อย่างเช่น แหนมเนือง (250 บาท) ที่เป็นของโปรดของหลายๆ คน เสิร์ฟมาในตระกร้าที่เต็มไปด้วยเครื่องเคียงและแผ่นแป้งที่ใช้ห่อ ซึ่งไม่ต้องแช่น้ำอย่างที่ปกติเราทำกัน วิธีการกินก็ห่อทุกอย่างไว้ในแผ่นแป้งและจิ้มกับน้ำจิ้มรสเด็ด อีกอย่างที่ควรลองคือ กุ้งพันอ้อย (250 บาท) กุ้งบดปรุงรสมาอย่างดีนำมาเสียบกับอ้อย นำไปทอด ทานคู่กับเส้นหมี่และผักสด ในเมนูก็มีอาหารที่เราไม่ค่อยคุ้นเคยอยู่ด้วย เช่น บั๋นแบ๋ว (160 บาท) อาหารเช้าที่เป็นที่นิยมในเมืองเว้ที่มีหน้าตาเหมือนกับขนมถ้วย แป้งข้าวเจ้านึ่งราดหน้าด้วยกุ้ง หมูและแคบหมู ส่วนยำหัวปลีก็ไม่ควรพลาดเพราะมีทั้งกุ้ง หมูย่าง หมูยอ บีบส้มจี้ดลงไปนิดหน่อยเพิ่มรสชาติได้อย่างดี

แต่หากมาที่ Tonkin-Annam สิ่งที่ห้ามพลาดเลยก็คือกาแฟไข่หรือกาแฟจึ๋ง (80 บาท) ของขึ้นชื่อจากฮานอย กาแฟกับไข่แดงในถ้วยกาแฟดริปแบบเวียดนาม รับรองว่าไม่ผิดหวังจริงๆ