Earth House
Photograph: Earth House
Photograph: Earth House

รวม 12 ร้านอาหารแพลนต์เบสทั่วกรุงเทพฯ

สำหรับผู้ที่รับประทานอาหารวีแกน หรือกำลังมองหาร้านอาหาร plant-based ในกรุงเทพฯ อย่าลืมแวะไปลองร้านอาหารเหล่านี้

Nuttaya Sumritvanitcha
การโฆษณา

สำหรับคนที่รับประทานอาหารวีแกน หลายคนอาจรู้สึกเหนื่อยกับการต้องตอบสามคำถามเดิมๆ ๆ  ว่าอะไรทำให้ตัดสินใจก้าวเข้าสู่โลกของวีแกน ไม่ว่าจะเป็น ต่อต้านการทารุณสัตว์หรือเปล่า? ดีต่อสุขภาพใช่ไหม? หรือจะช่วยลดภาวะโลกร้อน? หรือว่าคุณอาจเจอคำถามที่สี่ หรือว่าคุณทำไปเพราะสามเหตุผลเลย? หลังจาก Time Out ได้เดินทางไปลิ้มลองร้านอาหารแพลนต์เบส ต้องยอมรับว่ามีร้านอาหารวีแกนในกรุงเทพฯ หลายแห่งที่หลายคนอาจไม่กล้าเข้าไปลอง เพราะคิดว่าเป็นอาหารที่ไม่น่าสนใจ แต่ร้านอาหารในลิสต์นี้จะช่วยเปิดใจให้คุณได้สัมผัสรสชาติอาหารวีแกนอย่างแท้จริง ไม่ว่าไลฟ์สไตล์การกินของคุณจะเป็นอย่างไร ร้านอาหารเหล่านี้ได้รับคำแนะนำจากเหล่าวีแกนอคนทานพืช และคนอื่นๆ ว่าเป็นร้านอาหารปราศจากเนื้อสัตว์ที่ควรค่าแก่การลิ้มลองอย่างยิ่ง

What is it?: ร้านอาหารสไตล์เชฟเทเบิลที่อบอวลไปด้วยบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง เปิดให้บริการเฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์เท่านั้น ที่นี่เสิร์ฟอาหารวีแกนตามฤดูกาล ซึ่งถูกรังสรรค์ขึ้นจากห้องครัวบนชั้นบนของบ้านทาวน์โฮมสไตล์โบฮีเมียนสูง 4 ชั้น ตั้งอยู่ในย่านนนทบุรี ชานเมืองกรุงเทพฯ ปัจจุบันร้านอยู่ระหว่างการปิดให้บริการชั่วคราว ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารและอัปเดตการกลับมาเปิดอีกครั้งได้ในเร็ว ๆ นี้

Why we love it: เมนูของที่นี่จะหมุนเวียนไปเรื่อยๆ สลับระหว่างธีมอาหารสไตล์ยุโรปและอาหารไทย ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของปีและวัตถุดิบสดใหม่ที่หาได้ในแต่ละฤดู บรรยากาศภายในร้านอบอวลไปด้วยความเป็นกันเอง มีโต๊ะขนาดเล็กเพียงสามตัวให้เลือก หรือหากอยากสัมผัสประสบการณ์ใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับทีมครัว คุณสามารถเลือกนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ ซึ่งจะได้เห็นทุกขั้นตอนของการรังสรรค์จานอาหารแบบติดขอบ

'เชฟมอส' เป็นเชฟผู้ดูแลห้องครัวและผู้นำเสนอคอร์สไฟน์ไดน์นิ่งวีแกนทั้ง 14 คอร์ส พร้อมบรรยายเรื่องราวเบื้องหลังของแต่ละจาน ตั้งแต่ในแง่ของแนวคิด เทคนิคการปรุง และการสร้างรสชาติอันซับซ้อนจากพืชพรรณธรรมชาติอย่างไร้ที่ติ

อีกหนึ่งหัวใจของร้านคือ 'เชฟซัน' ผู้นำกระบวนการวิจัยและพัฒนาสูตรอาหารหลังเคาน์เตอร์ครัวเขาคือผู้อยู่เบื้องหลังเทคนิคหมัก การสร้างฟอง ไปจนถึงการทำโฟมที่ช่วยยกระดับรสสัมผัสของแต่ละจาน นอกจากนี้ เขายังดูแลการจับคู่น้ำผลไม้แบบ non-alcoholic ทั้ง 5 แก้ว ที่เสิร์ฟควบคู่กับมื้ออาหารเพื่อเสริมประสบการณ์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

เมื่อถึงฤดูของเมนูอาหารไทย วัตถุดิบหลักทั้งหมดจะคัดสรรมาจากแหล่งท้องถิ่นภายในประเทศ ยกเว้นบางจานที่อาจใช้เห็ดทรัฟเฟิลนำเข้าจากออสเตรเลียบ้างเล็กน้อย เมนูแต่ละจานจะมีชื่อเรียกสั้น ๆ เพียงคำเดียว หนึ่งในจานที่น่าประทับใจคือ 'แกง' ซึ่งสามารถถ่ายทอดรสชาติเข้มข้นของเครื่องเทศ และกลิ่นอายจากบ้านเกิดของเชฟในภาคใต้ของไทยได้อย่างน่าทึ่ง

Time Out tip: เราขอแนะนำให้จองที่นั่งบริเวณเคาน์เตอร์บาร์ ซึ่งมีเพียง 6 ที่เท่านั้น และถือเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดในการชมการทำงานอย่างใกล้ชิดของทีมเชฟ 5 - 6 คนที่กำลังรังสรรค์อาหารอย่างพิถีพิถัน คุณจะได้เห็นทุกขั้นตอนของการสร้างสรรค์จานอาหารแบบละเอียดละเมียดละไม ซึ่งบางจานอาจใช้เวลาปรุงนานถึง 5 นาทีเลยทีเดียว



  • วัฒนา

What is it?: ร้านอาหารแห่งนี้เริ่มต้นจากการฟาร์ม ก่อนจะเติบโตมาเป็นร้านอาหารและไวน์บาร์ที่ตั้งอยู่ในบ้านเดี่ยวกลางกรุงเทพฯ โดยคงความเรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยรสนิยม ที่นี่เสิร์ฟอาหารวีแกนที่แม้แต่คนที่ไม่เป็นวีแกนก็ยังแวะเวียนไปทานอยู่บ่อยๆ เลยจะเห็นได้ว่าเกือบครั้งของลูกค้าในร้านล้วนแล้วแต่ไม่ใช่มังสวิรัติ ซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพและความประณีตในการปรุงอาหารที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างแท้จริง

Why we love it: คุณซาแมนธา เจ้าของร้านผู้ทุ่มเทแรงกายแรงใจ สร้างฐานลูกค้าที่หลงใหลในอาหารวีแกนมาตลอดกว่า 2 ปี ได้เปลี่ยนบ้านทาวน์เฮ้าส์หลังเดิมเป็นร้านอาหารด้านล่าง และสตูดิโอโยคะบนชั้นบน ซึ่งใช้จัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ เช่น พิลาทิสและเวิร์กช็อปงานฝีมือต่าง ๆ เมนูของร้านจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล โดยใช้วัตถุดิบสดใหม่จากฟาร์มของทางร้านเอง บรรยากาศของร้านจะอบอวลไปด้วยแสงไฟสีอบอุ่น ทั้งภายในและภายนอก ให้ความรู้สึกเรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ อีกหนึ่งอย่างที่ชอบของร้านคือ ความเป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง เพราะเจ้าของร้านเป็นคนรักสัตว์ ที่นี่จึงเปิดรับสัตว์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสุนัข แมว งู หนูแฮมสเตอร์ หรือแม้แต่ปลาทอง 

Time Out tip:  คุณสามารถเริ่มมื้ออาหารของคุณได้ด้วยเมนูทาปาสสำหรับเรียกน้ำย่อย ก่อนจะต่อด้วยอาหารจานหลักที่แนะนำให้สั่งแยกตามความชอบของแต่ละคน หนึ่งในเมนูที่ไม่ควรพลาดคือ 'ฮัมมุสเห็ดครีมมี่' ที่ผสานทาฮินี น้ำมันมะกอก เกลือทะเล และเห็ดผัดอย่างกลมกล่อม เสิร์ฟพร้อมวอลนัทด้านข้าง เพิ่มมิติของรสชาติให้ยิ่งน่าประทับใจ อย่าลืมสั่งแป้งแบนเพิ่มด้วย เพราะพอได้ทานแล้ว 2 แผ่นที่ร้านเสิร์ฟมาให้ก็เหมือนจะไม่เคยพอ 



การโฆษณา
  • บางกอกน้อย

What is it?: บ้านไม้ทรงไทยสุดคลาสสิกที่มีอายุกว่าร้อยปีหลังนี้ พร้อมมอบประสบการณ์อาหารไทยจากพืชในรูปแบบไฟน์ไดนิ่ง ที่ทั้งพิถีพิถันและเปี่ยมด้วยรสชาติไม่แพ้ร้านอาหารระดับ 5 ดาวใจกลางกรุงเทพฯ เลยทีเดียว

Why we love it: Vegan Mahanakorn เข้ามาเติมเต็มช่องว่างในตลาดอาหาร plant - based ของกรุงเทพฯ ได้อย่างลงตัว บ้านสีขาวสะดุดตาหลังนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางอาคารพาณิชย์และธุรกิจดั้งเดิมที่ให้บริการแก่ชุมชนโดยรอบ เมื่อก้าวเข้าสู่ร้าน คุณจะได้รับการเชื้อเชิญให้ถอดรองเท้า และสวมรองเท้าแตะที่ทางร้านเตรียมไว้ พร้อมการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากพนักงานในชุดโจงกระเบน ที่จะพาคุณเดินข้ามพื้นไม้สักไปยังโต๊ะอาหาร

อาหารของที่นี่ก็น่าสนใจ จากการเอาอาหารไทยดั้งเดิมที่บางจานใช้เนื้อสัตว์เป็นองค์ประกอบหลัก ทางร้านก็น้ำมาปรับใหม่ให้เป็นเมนูจากพืชล้วน แต่ยังคงรสชาติและเนื้อสัมผัสไว้ได้อย่างน่าสนใจ โดยสามารถเลือกสั่งเมนูเรียกน้ำย่อยเป็นจานแยกก็ได้ หรือจะสั่งแบบรวมจานพิเศษ ที่รวมของทานเล่นทั้งหมด 6 รายการก็ได้เช่นกัน  ส่วนเมนูแกงก็สามารถปรับระดับความเผ็ดได้ตามความชอบ ถ้าใครทานเผ็ดก็สั่งแบบจัดจ้านได้ หรือถ้าใครอยากเบาความเผ็ดร้อนลงหน่อยก็แจ้งร้านตอนไปถึงได้เลย 

Time Out tip: ถ้าอยากพาเพื่อนๆ ชาวต่างชาติไปชมวัดอรุณฯ อยู่แล้วล่ะก็ แนะนำให้ไปช่วงเวลาพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ก่อนจะปิดท้ายค่ำคืนด้วยประสบการณ์อาหารไทยสไตล์ไฟน์ไดนิ่งในรูปแบบ plant-based ที่ Vegan Mahanakorn ที่เราขอรับรองว่ามื้อนี้ จะสร้างความประทับใจให้กับคุณและเพื่อนๆ ได้แน่นอน 



  • หนองแขม

What is it?: ร้านอาหารสไตล์สแกนดิเนเวียนสุดเท่แห่งนี้ ตกแต่งด้วยไม้และปูนเปลือยในโทนสีดำ ขาว และเทา พร้อมงานศิลปะและภาพถ่ายขาวดำที่ประดับอยู่ตามผนังอย่างมีสไตล์ ตั้งอยู่บนชั้น G ของอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ซึ่งห่างจากถนนสุขุมวิทเพียง 400 เมตร

Why we love it: ร้านนี้เน้นอาหารเพื่อสุขภาพ โดยหลีกเลี่ยงการใช้วัตถุดิบแปรรูปให้มากที่สุด เริ่มกำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 2562 ด้วยแนวคิด 'เพื่อนคู่สุขภาพ ผ่านการรับประทานอาหาร' แตกต่างจากร้านวีแกนทั่วไปในเมือง บรรยากาศภายในร้านอบอุ่นและผ่อนคลาย เหมาะแก่การนั่งพักผ่อน ท่ามกลางเสียงเพลงแจ๊สร่วมสมัยที่เปิดคลอเบาๆ ขนมปังอโวคาโดน่าทาน เสิร์ฟพร้อมมะเขือเทศสีแดง ส้ม แตงกวาหั่นบาง และขนมปังซาวโดว์กรอบๆ ส่วนแพนเค้กอัลมอนด์สตรอว์เบอร์รีเป็นแพนเค้กแป้งอัลมอนด์ 4 ชั้น ราดด้วยสตรอว์เบอร์รี บลูเบอร์รี และน้ำผึ้ง เมนูเรียกน้ำย่อยมีสมูทตี้พลังงานจากพืชเติมเต็มความอิ่มได้อย่างดี และยังมีแรป แซนด์วิช โบวล์ เมนูหลักอย่างซูชิ มากิ พาสต้า เบอร์เกอร์ และอีกมากมาย ราคาของร้านอาจสูงกว่าที่อื่นเล็กน้อย แต่ก็สมเหตุสมผลกับคุณภาพและความใส่ใจในทุกจานอาหารที่ได้รับเสิร์ฟ

Time Out tip: ที่นี่ยังได้เปิดพื้นที่ให้ผู้คนได้นั่งทำงานบนชั้นบน ซึ่งเป็นมุมที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการคิดสร้างสรรค์และพัฒนาไอเดียใหม่ๆ นอกจากนี้ Plantiful ยังมีบริการจัดแผนมื้ออาหารส่งตรงถึงบ้าน ตั้งแต่ 3 วันจนถึง 20 วัน แล้วมาดูกันว่าคุณรู้สึกยังไง หลังจาก 3 สัปดาห์ผ่านไปแล้ว

การโฆษณา
  • สุขุมวิท 24

What is it?:  ร้านอาหารวีแกนฟิวชั่นขนาดกะทัดรัด ที่เสิร์ฟอาหาร plant-based ด้วยรสชาติที่คุณคุ้นเคยจากหลากหลายแง่มุมโลก

Why we love it:  Vistro เป็นร้านอาหารวีแกนที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2019 และยังคงยกระดับคุณภาพอาหารขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง เมนูของที่นี่ไร้ขอบเขต ด้วยอาหารจากหลากหลายวัฒนธรรมทั่วโลกที่ถูกตีความใหม่อย่างสร้างสรรค์ในรูปแบบ plant-based อย่างลงตัว ครัวของร้านมีขนาดใหญ่พอ ๆ กับพื้นที่นั่งรับประทานอาหาร จึงให้บรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง ชวนให้แวะเวียนมาได้ตลอดทั้งวัน ส่วนเมนูเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ก็มีให้เลือกอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคอมบูชะ น้ำผลไม้สกัดเย็น ลาเต้ สมูทตี้ หรือเชคจากน้ำนมมะพร้าว ในส่วนของอาหาร ขอแนะนำ 'Chili Bao Bao' ซาลาเปานุ่มสอดไส้เนื้อทดแทนราดซอสหวานเงา หรือ 'โครเกต์ปูวีแกน' ที่กรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟพร้อมมายองเนสรสจัด สำหรับสายเส้น 'Dan Dan' เป็นเมนูบะหมี่ในน้ำซุปรสเผ็ดกลมกล่อมที่อัดแน่นด้วยลูกชิ้นเนื้อวีแกน เห็ด พริกแดง และผักบ๊อกฉ่อยสีเข้มเมนูของ Vistro หลากหลายจนไม่น่าเบื่อ ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยว โบวล์ แรป ทาโก้ สลัด ติ่มซำ และที่พลาดไม่ได้คือของหวาน โดยเฉพาะ 'Snickers บาร์ช็อกโกแลตดิบ' สูตรวีแกนที่ขึ้นชื่อ อัดแน่นด้วยรสชาติกลมกล่อมและวัตถุดิบจากพืชแท้ๆ อย่างแท้จริง

Time Out tip:  Vistro เป็นตัวเลือกที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับมื้อบรันช์ในวันอาทิตย์ ด้วยบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง เหมาะสำหรับการมานั่งรับประทานอาหารร่วมกับเพื่อน ๆ แบ่งปันจานโปรด พร้อมพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวในรอบสัปดาห์ แต่หากคุณตั้งใจจะแวะมาคนเดียวก็ไม่ต้องเขินอาย เพราะที่นี่มีที่นั่งแบบเคาน์เตอร์บาร์ให้คุณได้หย่อนตัวลงบนสตูลอย่างสบายใจ จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนเล่น อ่านหนังสือเล่มโปรด หรือเพียงแค่นั่งชมวิวถนนด้านล่างอย่างเงียบ ๆ และผ่อนคลายก็ย่อมได้เช่นกัน



  • พร้อมพงษ์

What is it?:ร้านอาหารฟิวชั่นสไตล์ญี่ปุ่น-แคลิฟอร์เนียแห่งนี้มาพร้อมบาร์ค็อกเทลและดีเจเด็ค ที่จะช่วยเติมเต็มสีสันและความสนุกให้ค่ำคืนของคุณมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น 

Why we love it?: ทางร้านหลีกเลี่ยงการใช้เนื้อสัตว์เทียมในทุกเมนู และเลือกปรุงซอสที่ถูกรังสรรค์จสกครัวของร้าน  เพื่อควบคุมรสชาติและคุณภาพอย่างพิถีพิถัน ร้านตั้งอยู่บนชั้นสามของตึกแถว โดยสามารถเดินขึ้นบันไดเข้าสู่พื้นที่ร้านที่อบอวลไปด้วยบรรยากาศสบาย ๆ และเป็นกันเอง

ซูชิสไตล์แคลิฟอร์เนียของที่นี่ถูกปรับแต่งใหม่ให้มีรสชาติกลมกล่อมและจัดจ้าน พร้อมการจัดจานที่สดใส เข้ากันได้ดีกับบรรยากาศสนุกสนานและแฝงด้วยพลังบวกของร้าน ซึ่งสะท้อนตัวตนของสองเจ้าของร้าน Oranan และ Eric ที่เชื่อในการใช้ชีวิตให้สนุก และหมั่นดูแลผู้คนรอบตัวอยู่เสมอ

เมนูเด่นอย่าง 'WTF Sushi Rolls' จะทำให้คุณประหลาดใจ ด้วยซอสมะม่วงพริกที่เผ็ดจัดจ้าน เสิร์ฟคู่กับวาซาบิเพื่อตัดรสอย่างลงตัว ส่วนเบอร์เกอร์ควินัวของร้านก็ไม่น้อยหน้า เสิร์ฟพร้อมขนมปังนุ่ม ซอสมะเขือเทศ และมายองเนสโฮมเมด เคียงด้วยเฟรนช์ฟรายส์แท่งบางที่กรอบอร่อยเป็นพิเศษ

นอกจากนี้ ร้านยังมีไวน์ที่คัดสรรมาอย่างดีถึง 6 รายการ และบาร์เทนเดอร์ที่พร้อมเสิร์ฟค็อกเทลคลาสสิกตามแบบที่คุณโปรดปราน พร้อมด้วยดนตรีสดในบางค่ำคืน แนะนำให้ตรวจสอบตารางกิจกรรมล่วงหน้าผ่านโซเชียลมีเดียของร้านก่อนแวะไปเยือน เพื่อไม่ให้พลาดค่ำคืนที่น่าจดจำ

Time Out tip:  Oranan ยังเป็นเจ้าของร้าน Hidden Closet ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับเซ็กส์ทอยและอุปกรณ์แนวเฟติชสำหรับผู้หญิง ร้านแอบซ่อนอยู่ด้านหลังร้านอาหาร หากนั่นคือสิ่งที่คุณสนใจเธอและทีมงานยินดีพาคุณเดินชมร้านและเปิดโอกาสให้ทดลองสินค้า



การโฆษณา
  • พร้อมพงษ์

What is it?:  Veganerie มีสาขาย่อยทั้งหมด 7 แห่ง โดยสาขานี้นับเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุด ตัวร้านตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 22 ตรงข้ามสวนเบญจกิติ บริเวณรายล้อมด้วยป้ายโฆษณาโครงการเพื่อสังคมมากมาย แม้การเปลี่ยนแปลงโลกจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็เริ่มต้นได้จากจุดเล็ก ๆ อย่างจานอาหารของ Veganerie ร้านแห่งนี้ก่อตั้งโดยครอบครัวที่มุ่งมั่นในการรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงต่อสัตว์ ด้วยความเชื่อมั่นว่า 'ไม่มีสัตว์ตัวใดเกิดมาเพื่อเป็นอาหาร' และในขณะที่ร้านอาหารวีแกนหลายแห่งมักเน้นว่าอาหารของตนปราศจากความโหดร้าย Veganerie กลับมองว่าลูกค้าบางคนอาจยังไม่เข้าใจหรือไม่เคยตั้งคำถามถึงประเด็นนี้อย่างลึกซึ้ง ร้านจึงไม่เพียงแค่มอบประสบการณ์อาหารจากพืช แต่ยังพยายามปลุกจิตสำนึกผ่านแนวคิดที่ชัดเจนและจริงใจ

Why we love it:  เมนูอาหารที่โดยปกติแล้วทำจากเนื้อสัตว์ ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นเมนู plant-based ได้อย่างแนบเนียนและน่าประทับใจ เช่นเดียวกับร้านอาหารสไตล์อเมริกันที่มักเสิร์ฟอาหารแบบจัดเต็มในจานเดียว ไม่ว่าจะเป็นชามอาหารเช้าสุดครีมมี่ แพนเค้กเสิร์ฟพร้อมผลไม้หลากชนิด ซอสและครีมรสเข้มข้น หรือเบอร์เกอร์ที่มาคู่กับขนมปังและเฟรนช์ฟรายส์แบบเต็มอิ่ม คุณจะสัมผัสได้ถึงความคุ้มค่าทุกคำ

นอกจากนี้ ทางร้านยังมีเคาน์เตอร์ขนมอบที่อัดแน่นไปด้วยขนมสดใหม่ประจำวัน พร้อมตัวเลือกที่ปราศจากกลูเตน น้ำผลไม้สกัดเย็นและสมูทตี้หลากรสช่วยเติมเต็มความสดชื่น ส่วนกาแฟก็เสิร์ฟในถ้วยขนาดใหญ่จุใจ ร้านวีแกนขนาดใหญ่นี้เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9:30 น. ถึง 22:00 น. และหนึ่งในความโดดเด่นของร้านคือป้ายหน้าร้านที่ดึงดูดสายตา พร้อมสโลแกนที่ชวนให้คนแวะถ่ายรูปกันไม่ขาดสาย โดยเฉพาะสโลแกนจาก Time Out ที่ว่า 'เป็นมากกว่าแค่วีแกน' ซึ่งกลายเป็นบทสนทนาบนโต๊ะอาหารของเราว่าประโยคนี้สามารถตีความได้ลึกซึ้งแค่ไหน

Time Out tip:  หลีกหนีจากบรรยากาศของศูนย์การค้า แล้วมาลองเปิดประสบการณ์ใหม่กับอาหารที่เป็นมิตรต่อสัตว์ทุกชีวิต หากคุณเป็นวีแกนอยู่แล้ว คุณอาจมีร้านประจำในดวงใจ แต่หากกำลังมองหาตัวเลือกใหม่ ๆ ร้านแห่งนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่ไม่แพ้ร้านวีแกนชื่อดังอื่น ๆ ในกรุงเทพฯ



  • เอกมัย

What is it?: ร้านอาหารแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน EKM6 Plant-Based Wellness Mall ในเอกมัย ซอย 6 โดดเด่นด้วยบรรยากาศโปร่ง โล่ง สบาย ที่เปิดรับแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ เหมาะสำหรับแวะมาฝากท้องตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นมื้อเช้า บรันช์ มื้อกลางวัน หรือมื้อเย็น ที่นี่มีเมนูอาหารสไตล์ตะวันตกแบบ plant-based ให้เลือกหลากหลาย ในราคาย่อมเยาและเป็นมิตร พร้อมการบริการที่อบอุ่นและเป็นกันเองจากพนักงาน และเพื่อเติมเต็มมื้ออาหารให้หลากหลายยิ่งขึ้น ยังมีเมนูอาหารไทยวีแกนจากร้าน Plant Passion Café ซึ่งตั้งอยู่ติดกันให้คุณได้ลิ้มลองอีกด้วย

Why we love it: ร้านอาหารแห่งนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการแวะมาฝากท้องได้ตลอดทั้งวัน คุณจะเห็นผู้คนที่เพิ่งเสร็จจากการออกกำลังกายแวะมาสั่งสมูทตี้หรือเมนูเบา ๆ พร้อมเช็กอีเมลไปพลาง ๆ ที่นี่แตกต่างจากร้านวีแกนใหม่ ๆ หลายแห่งในกรุงเทพฯ ที่มักเป็นเพียงจุดแวะรับประทานอาหารแล้วก็รีบไปต่อตามวิถีชีวิตของชาวกรุง เแต่ในทางกลับกัน Kynd Kulture จะมอบบรรยากาศชวนให้อ้อยอิ่ง ผ่อนคลาย และน่าหยุดพักให้กับผู้ที่มาฝากท้องกับทางร้าน เมนูยอดนิยมของร้าน ได้แก่ เบอร์เกอร์ซอสซาซิกิที่เสิร์ฟในขนมปังดำเนื้อนุ่ม คู่กับสลัดผักสดกรอบและมะเขือเทศ และจาน BBF All Day Big Breakfast ที่ทั้งหน้าตาและรสชาติสามารถเทียบชั้นกับอาหารเช้าสไตล์อังกฤษในผับได้เลย ส่วนเมนูโบวล์ก็อัดแน่นไปด้วยโปรตีนจากพืช เช่น 'Cheeze Rice Bowl' ที่รวมส่วนผสมคุณภาพอย่างซาวเคราต์ เคล หอมใหญ่ แครนเบอร์รี แอปริคอต พิสตาชิโอ พริก ชีสมะม่วงหิมพานต์ ข้าวไรซ์เบอร์รี มะเขือเทศ มันหวาน และฟาลาเฟลโฮมเมด ทั้งหมดนี้ราคาเพียง 290 บาทเท่านั้น

และเมื่อพูดถึงเมนู 'ชีส' ทางร้านก็มีตัวเลือกสำหรับวีแกนถึงสองแบบ เหมาะสำหรับสั่งมาแบ่งกันทานยามบ่าย คู่กับเครื่องดื่มเย็น ๆ ในบรรยากาศสบาย ๆ ร่วมกับเพื่อนหรือคนรู้ใจ

Time Out tip:  คุณสามารถใช้เวลาผ่อนคลายในพื้นที่ของห้างแห่งนี้ได้อย่างเต็มที่ โดยเริ่มจากพาสัตว์เลี้ยงของคุณไปฝากไว้ที่ร้าน Oh My Fluffy ซึ่งมีบริการสปาสำหรับสัตว์เลี้ยง มอบประสบการณ์สุดผ่อนคลายให้กับเพื่อนตัวน้อยของคุณ ขณะเดียวกัน คุณก็สามารถอิ่มอร่อยกับมื้ออาหาร plant-based ได้อย่างสบายใจ ก่อนจะกลับมารับพวกเขาหลังรับประทานอาหารเสร็จ

ระหว่างนั้น อย่าลืมแวะช้อปปิ้งที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแนวรักษ์โลก ซึ่งจำหน่ายสินค้าโปรตีนจากพืชและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพให้เลือกหลากหลาย หากคุณเดินทางมาจากอีกฝั่งของกรุงเทพฯ ลองใช้เวลาทั้งบ่ายเพลิดเพลินกับที่นี่ แล้วคุณอาจพบว่าการมาเยือนครั้งนี้คุ้มค่าเกินคาด



การโฆษณา
  • วัฒนา

What is it?: ร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งนี้มีเพียงสามโต๊ะข้างในและสี่โต๊ะด้านนอก ตั้งอยู่หน้าบ้านของเชฟทาเนีย ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่สามของครอบครัว ปัจจุบันร้านเปิดให้บริการมาเป็นปีที่ 5 แล้ว และเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 11:00 น. ถึง 18:00 น. ยกเว้นวันพฤหัสบดี เมนูขึ้นชื่อคือก๋วยเตี๋ยวรสชาติกลมกล่อมที่หลายคนติดใจ และไอศกรีมมะพร้าวโฮมเมดที่หวานน้อย กำลังดี 

Why we love it:  ร้านแห่งนี้นำเสนอบะหมี่ในน้ำซุปที่มีรสชาติครีมมี่เข้มข้นอย่างลงตัว ด้วยส่วนผสมจากพืชที่ช่วยเสริมรสชาติให้กลมกล่อมยิ่งขึ้น หากคุณเป็นแฟนข้าวซอย บอกได้เลยว่าแทบไม่ต้องมองหาเมนูอื่น เพราะเครื่องแกงกะหรี่เหลืองรสเผ็ดกลางผสมผสานกับน้ำกะทิอย่างพอดี เสิร์ฟพร้อมผักและสมุนไพรหลากชนิด เช่น หัวหอมแดง ผักชี กะหล่ำดอง และมะนาวฝาน สำหรับผู้ที่ชอบรสจัด ทางร้านมีพริกน้ำปลาทำเองไว้ให้เติมตามชอบ หากคุณมาเยือนครั้งแรกและยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกเมนูใดดี ร้านมีตัวเลือก 'จานทดลอง' ที่ให้คุณชิม 4 เมนูในขนาดเล็ก เพื่อค้นหาจานโปรดในแบบของตัวเอง บรรยากาศอบอุ่นของที่นี่เปรียบเสมือนห้องนั่งเล่นหน้าบ้านของเชฟทาเนียจริง ๆ เปิดโอกาสให้คุณได้พูดคุยกับผู้คนโต๊ะข้าง ๆ อย่างเป็นกันเอง ราวกับเป็นร้านอาหารในชุมชนที่หลายคนโหยหา

Time Out tip: 

ลูกชายของทาเนีย ‘เอ็ดดี้’ ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่สี่ของครอบครัว ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในพื้นที่เล็ก ๆ แห่งนี้ ด้วยการจัดเวิร์กช็อปหลากหลายธีมสัปดาห์ละ 5-6 ครั้ง ทั้งในช่วงเช้าและเย็น กิจกรรมครอบคลุมตั้งแต่การฟังและทำความเข้าใจตนเอง การค้นหาตัวตน ไปจนถึงการเต้นรำเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ หากคุณมีโอกาสแวะมาทานอาหารในช่วงบ่ายแก่ ๆ และบังเอิญตรงกับเวลาที่เอ็ดดี้จัดกิจกรรม อย่าลังเลที่จะเข้าร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยนมุมมอง เพราะประสบการณ์เหล่านี้อาจเติมเต็มวันของคุณได้อย่างไม่คาดคิด



  • วัฒนา

What is it?:  นี่คือหนึ่งในร้านวีแกนรุ่นบุกเบิกของกรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ระหว่างซอย 49 ถึง 63 ที่ยังคงยืนหยัดและได้รับความรักจากผู้คนจนถึงปัจจุบัน ร้านนี้เสิร์ฟอาหาร plant-based ที่ควบคุมแคลอรี่อย่างดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลรูปร่าง พร้อมกับบาร์น้ำผลไม้และกาแฟในบรรยากาศอบอวลไปด้วยความตระหนักรู้ทางสังคม เหมาะแก่การนั่งพักผ่อน คิดไตร่ตรอง หรือสนทนาเรื่องชีวิตกับเพื่อน ๆ หากคุณไม่ใช่สายบร็อคโคลี่ก็ไม่ต้องกังวล เพราะที่นี่ยังมีเมนูหลากหลายที่พร้อมต้อนรับคุณอย่างอบอุ่นและเป็นมิตรเสมอ

Why we like it:  จุดเด่นของอาหารที่นี่คือความสม่ำเสมอในคุณภาพ ส่วนเฟอร์นิเจอร์ภายในร้านมีเสน่ห์ที่สะท้อนความงดงามตามกาลเวลา รวมกันสร้างบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเองให้กับผู้มาเยือน สิ่งที่ทำให้ร้านนี้พิเศษ คืออุดมการณ์ของเจ้าของร้านอย่าง Saks ที่เชื่อมั่นในความเท่าเทียม เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจหลายปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ด้อยโอกาสและแรงงานข้ามชาติได้มีพื้นที่ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ไม่ใช่แค่ในกรุงเทพฯ แต่รวมถึงพื้นที่อื่น ๆ ด้วย เป้าหมายของเขาคือการสร้างโอกาสการทำงานอย่างเท่าเทียม และช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในธุรกิจนี้ สำหรับอาหาร ร้านนำเสนอเมนูฟิวชั่นที่ผสมผสานระหว่างสไตล์ตะวันตกและตะวันออก โดยเฉพาะเมนูอาหารเช้าที่ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม การสั่งอาหารง่าย ๆ แค่เดินไปสั่งที่เคาน์เตอร์ แล้วพนักงานที่น่ารักจะเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะเมื่อพร้อม

Time Out tip: ที่นี่มีไอศกรีมโฮมเมดให้เลือกประมาณ 10 รสชาติ ทุกรสชาติอร่อยไม่แพ้กัน แนะนำให้สั่งล่วงหน้าเล็กน้อย เพราะไอศกรีมจะต้องใช้เวลาประมาณ 10 นาทีในการละลายก่อนที่คุณจะตักกินได้ นอกจากนี้ยังมีไวน์ออร์แกนิกให้เลือก แม้จะมีตัวเลือกไม่มากนัก แต่ทุกขวดถูกคัดสรรมาอย่างพิถีพิถันและเต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพ



การโฆษณา
  • เอกมัย

What is it?: ร้านอาหารมังสวิรัติแห่งนี้โดดเด่นด้วยเมนูวีแกน ตั้งอยู่ใต้สถานี BTS เอกมัย ฝั่งเลขคู่ ก่อตั้งขึ้นในปี 2020 โดยธุรกิจเริ่มต้นหลังจากที่ครูชัญจุติได้รับมอบหมายให้จัดเตรียมอาหารมังสวิรัติให้กับศูนย์ปฏิบัติธรรมในพื้นที่ใกล้เคียง

Why we love it:  ร้านนี้ชื่อขึ้นต้นด้วยคำว่า 'White' ซึ่งเจ้าของร้านสื่อถึงความตั้งใจในการรังสรรค์อาหารสุขภาพในบรรยากาศคาเฟ่สไตล์โมเดิร์นที่รายล้อมด้วยต้นไม้หลากหลายชนิด ที่นี่คุณจะได้ลิ้มลองข้าวซอยสูตรดั้งเดิมที่ดีที่สุดในเมือง สะท้อนมรดกทางวัฒนธรรมของคุณชัญจุติ เจ้าของร้านที่มาจากภาคเหนือของไทย โดยใช้เต้าหู้ผสมกับบะหมี่เหลืองในแกงกะหรี่รสเข้มข้น พร้อมผักกาดดอง และโรยหน้าด้วยบะหมี่กรอบนอกจากนี้ยังมีเมนูน่าสนใจอื่น ๆ เช่น ก๋วยเตี๋ยวคั่วเห็ด เห็ดผัด (มีหรือไม่มีไข่ก็ได้) และเห็ดกุ้มหวาน  เห็ดทอดกรอบราดด้วยน้ำมะนาว พริกแดง กระเทียมซอย และคะน้าฮ่องกง น้ำผลไม้สกัดเย็นหลากหลายชนิดเป็นตัวเลือกที่แนะนำให้ทานคู่กับอาหาร เชฟและทีมงานตั้งใจตอบสนองความต้องการของลูกค้า พร้อมปรับเปลี่ยนเมนูตามความเหมาะสม ส่วนไอศกรีมวีแกนโฮมเมดของคุณชัญจุติ ถือเป็นเมนูที่ไม่ควรพลาดสำหรับปิดท้ายมื้ออาหารได้อย่างลงตัว

Time Out tip: หากคุณต้องการไปรับประทานอาหารเย็นที่ร้านแห่งนี้ คุณอาจจะต้องรีบไปหน่อยนะ เพราะที่นั่นปิดให้บริการในเวลาสองทุ่ม

  • คลองเตย

What is it?: ร้านอาหาร plant-based แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ชั้น G ของห้าง EmSphere มาพร้อมแนวคิดการเสิร์ฟอาหารอย่างรวดเร็วในสไตล์ fast food คุณสามารถสั่งอาหารได้ที่เคาน์เตอร์ จากนั้นเลือกนั่งที่โต๊ะสีแดงขนาดเล็ก หรือม้านั่งเซรามิกที่จัดวางอย่างมีดีไซน์ อาหารทุกจานจะถูกเสิร์ฟอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณเพลิดเพลินกับมื้ออาหารโดยไม่เบียดเบียนเวลาในการช็อปปิ้งของคุณอย่างแน่นอน

Why we like it: การตกแต่งภายในร้านให้อารมณ์คล้ายร้านพายกับแมชสไตล์ South London โดยจัดที่นั่งให้ชวนให้นึกถึงห้องเรียนประถม บรรยากาศจึงทั้งสนุกและมีลูกเล่น ในขณะที่รสชาติของอาหารยังคงคุณภาพได้อย่างยอดเยี่ยม ที่นี่อาจไม่ใช่สถานที่สำหรับการนั่งอ้อยอิ้งพูดคุยกับเพื่อนนานๆ แต่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการลิ้มลองคอมฟอร์ตฟู้ดแบบ plant-based ที่ทำออกมาได้ดีที่สุด เมนูมีให้เลือกหลากหลาย ทั้งพาสต้า โบวล์ โรลล์ แรป สตรีทสแน็ก สลัด เกี๊ยว ก๋วยเตี๋ยว ไปจนถึงของหวานที่ปราศจากผลิตภัณฑ์จากนม หากต้องแนะนำเมนูจานด่วนแบบสตรีทฟู้ด ขอแนะนำหมูกรอบวีแกนเสิร์ฟพร้อมข้าวและน้ำซุปผักรสกลมกล่อม ที่นี่คุณสามารถอิ่มอร่อยและเดินออกจากร้านได้ภายในเวลาไม่เกิน 20 นาที

Time Out tip:

ป้ายร้าน V Street อาจไม่สะดุดตานัก จึงอาจต้องใช้เวลาสักเล็กน้อยในการค้นหา แนะนำให้มองหาป้ายของห้างที่อยู่ใกล้ทางเข้าหลักเพื่อช่วยนำทาง หากคุณอยากเปลี่ยนบรรยากาศให้ผ่อนคลายมากขึ้น ลองเดินต่อไปยังร้าน Vistro ซึ่งมีเจ้าของเดียวกันและเสิร์ฟอาหารที่อร่อยไม่แพ้กัน ร้านตั้งอยู่ไม่ไกล แค่ตรงหัวมุมถนนสุขุมวิท ซอย 24 เท่านั้นเอง



เรื่องเด่น
    การโฆษณา