Sühring
Photograph: Sühring
Photograph: Sühring

รวมที่สุดร้านมิชลินสตาร์ในกรุงเทพฯ คุณค่าความอร่อยที่ถูกการันตี

ร้านอาหารในกรุงเทพฯ ที่คว้าดาวมิชลินมาครอง การันตีได้เลยว่าเหมาะสมจริงๆ เพราะพิสูจน์แล้วว่าอร่อยสมคำล่ำลือ

Natnicha Jarong
การโฆษณา

แน่นอนว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อ มิชลินไกด์ เพราะเรียกว่าเป็นคัมภีร์ของโลกอาหารเลยก็ว่าได้ เป็นผู้ชี้ชะตาความอร่อยที่สร้างมาตรฐานให้กับ fine dining สมัยใหม่ และพานักกินทุกคนให้ได้เจอมื้ออาหารตระการตามากมาย แต่สำหรับบางเสียงวิจารณ์ นี่อาจเป็นเพียงคู่มือที่เชยหรือหรูหราเกินไป หรือคิดว่ายังคงมีกลิ่นความเป็นยุโรปที่บิดเบือนแก่นแท้ของอาหารจริงๆ แต่สุดท้ายก็อยู่ที่คุณว่าจะมองอย่างไร

ลิสต์นี้ได้รวม 10 ร้านอาหารในกรุงเทพฯ ที่คว้าดาวมิชลินมาครองได้อย่างคู่ควร อาจจะจองยากสักหน่อย และไม่ใช่ร้านที่จะไปได้ทุกวัน แต่ทั้งหมดคือภาพสะท้อนเสน่ห์ของโลก fine dining จริงๆ

  • เยาวราช

เสน่ห์ของร้านนี้คือการหยิบยกกลิ่นอายอาหารไทย จีนจากเยาวราชสู่เวที fine dining ระดับนานาชาติ เชฟพิชญา หรือ เชฟแพม สุนทรญาณกิจ รักษามาตรฐานจนคว้าดาวมิชลินมาได้ทุกปี จากร้านเล็กๆ ในตึกแถวที่ซ่อนตัวอยู่ในตรอกหลังของเยาวราช และแน่นอนว่าเรื่องราวคือแก่นสำคัญของประสบการณ์ที่นี่ ตั้งแต่วินาทีแรกที่นั่งลง เพราะไม่ใช่แค่ร้านอาหารของเชฟแพม แต่คือบ้านของครอบครัวเชฟที่เคยเปิดร้านขายยาจีนในชื่อ Potong และที่สำคัญยังนำเอาตัวอย่างยาจีนมาตกแต่งบนโต๊ะกระจกบริเวณรับรอง และหลายเมนูก็ได้รับแรงบันดาลใจจากศาสตร์การแพทย์แผนจีนพอๆ กับเกษตรกรและชาวประมง มีทั้งการใช้สมุนไพรและเครื่องเทศในจานอาหาร จนถึงใช้ยาสูตรพิเศษที่ Opium Bar ชั้นบนที่เป็นที่รักของหลายๆ คน ทริกเล็กๆ หากไปที่นี่จะเจอกับลิฟต์แก้วที่เชื่อมแต่ละชั้นของร้านที่แคบจนแทบจะขึ้นไปสองคนไม่ได้ และไวต่อเซนเซอร์จนอาจหยุดกลางคันเอาได้ แต่นี่แหละที่กลายเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของที่นี่ ที่ Potong เปิดทุกวันพฤหัส - จันทร์ เวลา 17.00 น. - 23.00 น.

  • เย็นอากาศ
  • 5 จาก 5 ดาว
  • แนะนำ

ไม่ว่าจะเรียกว่าร้านสองพี่น้องฝาแฝดหรือร้านมิชลินสองดาว ก็เป็นร้านอาหารเดียวที่นำโลกของอาหารเยอรมันยุคใหม่มาสู่เย็นอากาศ แม้เยอรมนีอาจไม่ได้มีชื่อเสียงด้านอาหารในระดับนานาชาติมากนัก มีภาพจำคือไส้กรอกชิ้นเบิ้มเสิร์ฟคู่กับเบียร์เหยือกใหญ่ และมีดนตรีแปลกๆ จากผู้ชายใส่หมวกล่าสัตว์ แต่ร้านนี้ทำให้เห็นแล้วว่าชาวเยอรมันก็มีสิทธิ์นั่งในโต๊ะ fine dining ระดับโลกเช่นกัน เชฟ Thomas และ Matthias Sühring คีพความอบอุ่นแบบบ้านๆ แต่เน้นวัตถุดิบคุณภาพสูง ได้แรงบันดาลใจจากสิ่งที่ทำกันในครอบครัว ไม่ว่าจะผลผลิตจากสวนของครอบครัว ปลาแม่น้ำที่จับได้ในท้องถิ่น (ทั้งปลาเทราต์และปลาเสือสตอร์เจียน) และการหมักอย่างฉลาดเพื่อเพิ่มรสชาติและสำรองไว้ใช้ โต๊ะเล็กแบบส่วนตัวก็มี แต่ที่นั่งที่ดีที่สุดคือหน้า open kitchen ไฮไลต์คือทุกมื้อจะปิดท้ายด้วยเอ้กน็อกสูตรของคุณยายของเชฟ และจะโชว์สมุดโน้ตที่จดสูตรไว้ด้วย มีความหนา เข้มข้นด้วยไข่แดง และมีแอลกอฮอล์กำลังดี เจอจานนี้เข้าป เอ้กน็อกในเทศกาลคริสต์มาสทั่วเมืองก็เทียบไม่ได้! ที่ Sühring เปิดทุกวัน เวลา 06.00 น. - 22.00 น.

การโฆษณา
  • อาหารฝรั่งเศส
  • เจริญกรุง
  • ราคา 4 จาก 4
  • 5 จาก 5 ดาว
  • แนะนำ

ร้านนี้ตั้งอยู่ในโรงแรม Capella ที่เพิ่งได้รับการโหวตให้เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในโลกโดย World’s 50 Best 2024 ดังนั้นความคาดหวังต่อร้านจึงสูงลิ่ว แต่ Côte ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง การันตีได้จากนักวิจารณ์มิชลินเองที่ให้ดาวร้านนี้ต่อเนื่องหลายปี นำโดยเชฟ Mauro Colagreco เกิดที่อาร์เจนตินา และถือเป็นราชวงศ์ของมิชลิน เขาเป็นเชฟฝรั่งเศสคนแรกที่ได้ 3 ดาวมิชลินจากร้าน Mirazur ที่ Menton ริมฝั่ง French Riviera ในฝรั่งเศส ส่วนสาขาในกรุงเทพฯ ก็ได้ถ่ายทอดจิตวิญญาณของภูมิภาคนั้นอย่างชัดเจน เมนูของ Côte ได้แรงบันดาลใจจากเมดิเตอร์เรเนียนตั้งแต่แคว้นคาตาโลเนียไปจนถึงอิตาเลียน ริเวียร่า เต็มไปด้วยรสชาติที่ผสมผสานอิทธิพลจากเส้นทางการค้าสมัยโบราณ ผักสวนแดดจัด และอาหารทะเลคุณภาพ ลองคิดถึง บูยยาเบส เพสโต้ หรือ สลัดนีซัวส์ เมนูเหล่านี้สะท้อนฤดูกาลและใช้วัตถุดิบท้องถิ่นที่ดีที่สุดของริเวียร่าประจำเดือนนั้นๆ ใครได้แวะมาที่นี่ ห้ามพลาดเมนูพิเศษเด็ดขาด อย่างช่วงนี้ ร้านกำลังนำเสนอเมนู Ode to the Tomato ต้อนรับซัมเมอร์ฝั่งยุโรป จานนี้เป็นการโชว์ความหลากหลายของมะเขือเทศสายพันธุ์ดั้งเดิม พร้อมรสชาติและกลิ่นอายของท้องถิ่น ที่ Côte by Mauro Colagreco เปิดทุกวัน เวลา 12.00 น. - 22.00 น.

  • อาหารอินเดีย
  • หลังสวน
  • ราคา 4 จาก 4
  • 5 จาก 5 ดาว
  • แนะนำ

หลายคนอาจจะยกให้เป็นร้านอาหารอินเดียที่ชอบที่สุดในกรุงเทพฯ หลังจากได้ลองร้านนี้ เป็นร้านมิชลินสตาร์หนึ่งดาว ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เดิมของ Gaggan ห่างจากถนนหลังสวนเล็กน้อย ถ้าพูดถึงอาหารอินเดีย อาจนึกถึงเมนูอาหารทั่วไป ไม่ว่าจะบัตเตอร์ชิกเก้น หรือซากเพนเนอร์ แต่จริงๆ แล้วอาหารอินเดียไม่ได้มีแค่นั้น มันคือส่วนย่อยทั้งทวีป! เมนู degustation ของ Inddee จะเป็นการพาแขกไปสำรวจทั่วอินเดีย จากรัฐหนึ่งไปอีกรัฐ จากยอดเขาหิมาลัยไปจนถึงชายหาดแสงแดดจัดของเกรละ การใช้วัตถุดิบหลากหลายก็สะท้อนถึงสภาพอากาศที่หลากหลายเช่นกัน เครื่องเทศอินเดียที่คุ้นเคยก็ใช้เพื่อเสริมรสชาติของวัตถุดิบหลักโดยเทคนิคต่างๆ แอบกระซิบว่าการแมทชิ่งเครื่องดื่มของที่นี่ดีมาก Jay Bottorff หัวหน้า sommelier ชาวไทยอเมริกันที่ได้รับคำชมจาก Star Wine List ก็เหมือนมิชลินของไวน์ การจับคู่ไวน์ตามปกตินั้นว่าสุดยอดแล้ว แต่ที่นี่ยังมีโปรแกรมค็อกเทลเป็นพิเศษ เพราะมันเป็นสิ่งที่มักถูกมองข้ามในโลกของ fine dining ที่ Inddee เปิดทุกวัน เวลา 17.30 น. - 23.30 น.

การโฆษณา
  • อาหารฝรั่งเศส
  • เจริญนคร
  • ราคา 4 จาก 4
  • 5 จาก 5 ดาว
  • แนะนำ

ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ที่ Iconsiam ร้านที่เป็นเหมือนตัวแทนของ Alain Ducasse ก็คว้าดาวมิชลินหนึ่งดาว ที่ร้านเสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสแบบใหม่ พร้อมได้ชมวิวแม่น้ำที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง Alain Ducasse คือหนึ่งในผู้บุกเบิกเชฟฝรั่งเศสที่หันจากเทคนิคสุดล้ำไปสู่การใช้วัตถุดิบท้องถิ่นและ terroir ของเขาเองในภาคใต้ของฝรั่งเศส และปัจจุบันเขานำแพสชันนี้สู่กว่า 30 ร้านอาหารทั่วโลก เชฟ Wilfrid Hocquet และทีมงานได้สานต่อภารกิจนี้ด้วยเมนูหมุนเวียนที่เน้นวัตถุดิบระดับพรีเมียม พร้อมขนมหวาน จับคู่กับไวน์ฝรั่งเศสคุณภาพดี นอกจากนี้ยังใส่ใจในเรื่องขนมปังที่ทำเองและเนยโฮมเมด ทำให้การกินขนมปังให้เต็มอิ่มกลายเป็นประสบการณ์ที่ดี หากใครรู้สึกว่าอยากลอง แต่งบจำกัด ที่นี่ก็มี เมนู a la carte ด้วย มีทุกอย่างสำหรับมื้อกลางวันและเย็น ทั้งแซนด์วิชและค็อกเทลคราฟ มีราคาช่วง happy hour ด้วยนะ! ที่ Blue by Alain Ducasse เปิดทุกวัน เวลา 11.00 น. - 22.00 น.

  • อาหารไทย
  • ศาลาแดง
  • 5 จาก 5 ดาว
  • แนะนำ

อีกหนึ่งร้านเล็กๆ มิชลินหนึ่งดาวที่ซ่อนตัวอยู่ในตรอกเล็กๆ ใกล้ ศาลาแดง เชฟปริญญ์ พลสุข และทีมเสิร์ฟเมนูตามฤดูที่สะท้อนองค์ประกอบต่างๆ และความหลากหลายของอาหารไทยในแต่ละภาค แน่นอนว่าภาพจำของ fine dining มักเป็นร้านหรูหรา แต่ร้านที่ให้ความอบอุ่นและสนุกสนานกลับยิ่งทำให้ประสบการณ์ดีขึ้นที่ Samrub Samrub Thai ที่นี่ข้าวเสิร์ฟไม่พัก เหล้าขาวรินเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด และแขกพูดคุยกับพนักงานแทบจะเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะ เชฟ Prin เองก็ทำหน้าที่ MC คอยนำความสนุกตลอดมื้ออาหาร ทุกเมนูคือผลจากการทดลองอย่างหนัก ซึ่งในเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนปีนี้ เมนูจะเน้นอาหารใต้ ของสุราษฎร์ธานีที่ให้รสชาติและความเป็นเอกลักษณ์ของอาหารใต้ได้ครบ แอบบอกแล้วบอกอีก แต่เหล้าขาวที่นี่ดีจริงๆ เลือกสักแก้วตามสูตรประจำสัปดาห์ รับรองว่าฟิน ที่ Samrub Samrub Thai เปิดทุกวันอังคาร - เสาร์ เวลา 17.30 น. - 23.00 น.

การโฆษณา
  • อาหารฝรั่งเศส
  • สาทร 10-12
  • 5 จาก 5 ดาว
  • แนะนำ

ร้านอาหารฝรั่งเศสที่คัดมาแล้วในย่านสาทร คว้าดาวมิชลินหนึ่งดาว ตั้งโดยเชฟ Arnaud Dunand Sauthier หลังจากลาออกจากร้านสองดาว Le Normandie ที่ Mandarin Oriental เชฟ Arnaud เป็นลูกชายที่น่าภูมิใจของ Savoy เชฟถ่ายทอดผ่านภูเขาทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ปลายตะวันตกของเทือกเขาแอลป์ ไว้ในสาทรซอย 10 ทั้งหมด แต่ไม่ต้องคาดหวังว่าที่นี่จะเป็นอาหารพื้นบ้านโบราณ เพราะเมนูที่นี่เป็นอาหารฝรั่งเศสแบบ fine dining ที่เน้นโปรตีน มีกลิ่นอายของ Savoyard (เช่น vin jaune เล็กน้อย ชีสภูเขาเล็กน้อย) และกล้าที่จะท้าทายกับขอบเขตของรสชาติ (ลองคิดถึงล็อบสเตอร์สีน้ำเงินกับเครื่องเทศลาบ) เมนูซิกเนเจอร์ตั้งแต่สมัย Le Normandie คือ มันฝรั่งกับอูนิและคาเวียร์ หรูหราจนเหมือนทำผิดกฎหมาย แต่นับเป็นความผิดที่อร่อยมาก ที่สำคัญอยากแนะนำรถเข็นชีส ของที่นี่มากๆ หนึ่งในที่สุดของเมือง ขนาดแทบจะลืมของหวานไปเลย หากดูน่าสนใจและกลิ่นดึงดูด อย่าลังเลที่จะสั่งมาสักชิ้น ที่ Maison Dunand ปิดทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.00 น. - 23.00 น.

  • อาหารไทย
  • สุขุุมวิท 26
  • 5 จาก 5 ดาว
  • แนะนำ

ลิสต์นี้คงไม่สมบูรณ์หากไม่พูดถึง Sorn เพราะเป็นร้านเดียวในกรุงเทพฯ ที่คว้าดาวมิชลินครบสามดวง ร้านตั้งอยู่ในทองหล่อ แขกส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติก็จะจอง Sorn เป็นหนึ่งใน a must ของทริปแทบจะเหมือนการไปวัดหรือทะเล เรื่องราวของ เชฟไอซ์ ศุภักษร จงศิริ ถูกเล่าหลายครั้งต่อหลายครั้ง เชฟนำสูตรและวัฒนธรรมของครอบครัวจากภาคใต้มาปรุงเป็น fine dining ที่ Sorn สิ่งสำคัญคือเชฟต้องทำทุกอย่างอย่างถูกต้อง แม้คนอื่นจะลัดขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการทำพริกแกงสดทุกวัน หรือการหุงข้าวในหม้อดินเฉพาะทาง รสชาติจัดเต็ม ไม่มีปรับ เพราะนี่คืออาหารใต้แท้ๆ ทั้งพริกสด พริกไทยดำ และเครื่องปรุงหมักปลาอย่างปลาร้าที่เข้มข้น ใครที่ทานเผ็ดไม่เก่งต้องเตรียมใจไปหน่อยนะ และแน่นอนว่าการจองที่นี่ยากมาก สำหรับใครที่ไม่ได้โต๊ะ เชฟยังมีร้านเก่าที่หลายคนรัก ร้าน Baan Ice ให้บรรยากาศและรสชาติแบบเดียวกันแค่คนละรูปแบบ ที่ Sorn เปิดทุกวันอังคาร - ศุกร์ เวลา 18.00 น. - 23.00 น. วันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 12.00 น. - 14.00 น. และ เวลา 18.00 น. - 23.00 น.

การโฆษณา
  • คลองเตย
  • ราคา 3 จาก 4
  • 5 จาก 5 ดาว
  • แนะนำ

เมื่อก่อนร้านนี้เคยเป็น a la carte ที่อยู่ใกล้ๆ K Village ตอนนี้พัฒนากลายเป็นหนึ่งในร้าน tasting menu ขึ้นชื่อของกรุงเทพฯ แล้ว บริหารโดยคู่รักเชฟ ชฟท็อป พงศ์ชาญ รัสเซล จากไทย และ Michelle Goh จากมาเลเซีย ไฮไลต์คือเมนูของ Mia จะไม่จัดอยู่ในกรอบอะไรเลย แม้ว่าจะเป็นร้านอาหารยุโรป แต่ได้รับอิทธิพลจากหลายวัฒนธรรมและมีกลิ่นอายเอเชียเขตร้อนชัดเจน ส่วนใหญ่เป็นแรงบันดาลใจจากชีวิตและการเดินทางของเชฟมากกว่า หนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ ของหวาน cereal bowl ที่ทำจากมอลต์มิลค์และข้าวโพด ให้ความรู้สึกเหมือนได้กินไอศกรีมริมถนนหลังเลิกเรียน แต่รสชาติล้ำกว่านั้นมาก นอกจากนี้ร้านยังใส่ใจในเมนูมังสวิรัติและวีแกน ซึ่งอร่อยจนสามารถทำให้คนรักเนื้อประทับใจได้ หรือถ้าใครไม่ได้มาทานอาหาร ที่นี่ก็มีบาร์ค็อกเทล Behind the Curtain ที่อยู่ติดกับร้าน เป็นการเริ่มของค็อกเทลคราฟต์ได้ดีเลย แนะนำ house negroni เป็นตัวพิเศษของที่นี่ ที่ Mia เปิดทุกวันอังคาร - ศุกร์ เวลา 17.00 น. - 23.00 น. วันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 12.00 น. - 14.00 น. และ เวลา 17.00 น. - 23.00 น.

  • อาหารอินเดีย
  • พร้อมพงษ์
  • ราคา 3 จาก 4
  • 5 จาก 5 ดาว
  • แนะนำ

อีกร้านในซอยสุขุมวิท 31 ที่นี่จะเสิร์ฟอาหารอินเดียที่ใครได้ลองจะรู้สึกเหมือนเข้าถึงความเป็นอินเดียจริงๆ แต่ใช้เทคนิคแบบใหม่อย่างเต็มที่ ร้านนี้คว้ามิชลินหนึ่งดาวมาหลายปี และยังเป็นร้านแรกในกรุงเทพฯ ที่ได้ Michelin Green Star ด้วย ถ้าก่อนเดินเข้าร้าน ก็จะผ่านสวนเล็กๆ ซึ่งสวนนี้เป็นส่วนสำคัญของจานอาหาร จะเห็นสมุนไพรที่กำลังจะขึ้นโต๊ะที่นั่งทาน ความใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมและการลดขยะคือหัวใจของเชฟ Deepanker Khosla วัตถุดิบส่วนใหญ่ปลูกเองในพื้นที่ของร้าน ยากจะเชื่อว่าพวกเขาปลูกผักพวกนี้ได้ดีใกล้สุขุมวิท เมนูก็ได้รับแรงบันดาลใจจากสูตรอาหารอินเดียโบราณ แต่จานอาหารก็มีความมินิมอลแบบนอร์ดิก และแน่นอนว่าเมนูมังสวิรัติอร่อยไม่แพ้เมนูเนื้อเลย แม้ร้านอาหารอินเดียมักไม่ได้โดดเด่นด้านการจับคู่ไวน์ แต่ร้านนี้กลับทำได้ดี Vishvas Sidana ซอมเมอลิเยร์ของร้าน เคยคว้า Star Wine List Grand Prix ด้วยการคัดสรรไวน์อย่างรอบคอบ เสิร์ฟอย่างใจป้ำ และมีความความสนุกสนาน ที่ Haoma เปิดทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 17.30 น. - 23.00 น. วันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 12.00 น. - 14.00 น. และ เวลา 17.30 น. - 23.00 น.

เรื่องเด่น
    การโฆษณา